Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

สรุปประเด็นกรณีทหารอียิปต์เข้าไทยมีช่องว่างและเกิดข้อหละหลวมหลายจุด

วันที่ 14 ก.ค. 2563 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค. เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมกรณีทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด-19 ว่า ทางสาธารณสุขจังหวัดระยองได้รับแจ้งทางไลน์ว่า จะมีเที่ยวบินของบริษัทการบินไทย เที่ยวบินที่ EGY 1215 และ EGY  1216 เป็นเที่ยวบินทางทหาร มีกัปตันและลูกเรือรวม 31 คน เดินทางมาจากปากีสถานเข้ามาในราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2563 ลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา เวลา 19.00 น. ได้เข้าพักที่โรงแรม DVaree อำเภอเมือง จังหวัดระยอง โดยมีการประสานงานจองห้องพัก ที่เป็นบริษัทของสายการบินภาคพื้น โดยสถานทูตเป็นผู้เลือก โดยมีการกำหนดพักที่โรงแรม DVaree ระหว่างวันที่ 8 – 11 ก.ค. และมีภารกิจทางทหาร

โดยวันที่ 6 ก.ค. เดินทางจากกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ มายังสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ (UAE) วันที่ 7 ก.ค. จาก UAE ไปปากีสถาน วันที่ 8 ก.ค. จากปากีสถานถึงไทย ที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา เวลา 19.00 น. เดินทางถึงโรมแรม DVaree เวลา 23.00 น. เครื่องบินล่าช้าประมาณ 2 ชั่วโมง จากกำหนดการ ทุกคนเข้าพักโดยมีเพื่อนร่วมห้องอีก 1 คน นอกนั้นกัปตันพักห้องเดียว วันที่ 9 ก.ค. เวลา 05.30 น. เดินทางออกจากโรงแรมบินไปทำภารกิจทางทหารและเติมน้ำมัน ที่เมืองเฉินตู สาธารณรัฐประชาชนจีน และบินกลับมาถึงประเทศไทย ถึงสนามบินอู่ตะเภา เวลา 23.30 น. ของวันเดียวกัน จากนั้นเดินทางกลับโรงแรมที่พักเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 10 ก.ค.

วันที่ 10 ก.ค. เวลา 11.20 น. ลูกเรือจำนวนหนึ่งเดินทางออกไปจากที่พัก ไปยังห้างสรรพสินค้า 2 แห่ง ในอำเภอเมือง จังหวัดระยอง ซึ่งห้างสรรพสินค้า 2 แห่งนั้น คือ ห้างแหลมทองและเซ็นทรัล พลาซา ระยอง และวันที่ 11 ก.ค.ได้เดินทางกลับประเทศอียิปต์ เวลา 11.30 น.

“อย่างที่ได้เห็นภาพคลิป ได้เข้าไปตรวจที่โรงแรม แล้วก็ได้เห็นภาพของการสนทนาเพื่อที่จะขอเข้าตรวจ ใช้เวลาพอสมควร มีความยุ่งยากในการเข้าตรวจ แต่ที่สุดแล้วก็ใช้ความสามารถของทางทีมประสานทุกทีมและได้ผลตรวจ”

ผลของการสอบสวนเพิ่มในวันที่ 13 ก.ค. ข้อมูลทบทวน ภาพการบันทึกจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม พบว่า ลูกเรือเพียงร้อยละ 10 หรือจาก 30 เพียง 3 คน ใส่หน้ากากอนามัยขณะออกนอกเคหสถาน ส่วนใหญ่มีหน้ากากอนามัยติดตัวแต่ไม่ได้ใส่ วันที่ 10 ก.ค. ลูกเรือ 27 คน รวมผู้ติดเชื้อได้เดินเท้าเข้าไปเที่ยวและซื้อสินค้าที่ห้างสรรพสินค้าแหลมทอง จังหวัดระยอง ใช้เวลาตั้งแต่ 11.25 น. และเดินทางกลับมายังโรงแรมเวลาประมาณ 14.56 น. ผู้ติดเชื้อได้สวมหน้ากากอนามัยขณะออกไปข้างนอก

นอกจากนี้ ลูกเรืออีก 4 คน ได้เดินทางไปเที่ยวห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล ระยอง ในช่วงเวลา 14.30 น. และเดินทางกลับเวลา 18.30 น. ได้เรียกรถแท็กซี่คนเดิมให้ไปรับ ทีมสอบสวนโรคได้ติดตามคนรถขับแท็กซี่แล้ว ยืนยันว่า ผู้ติดเชื้อไม่ใช่ผู้โดยสาร 1 ใน 4 ที่ไปรับไปส่ง

จากกรณีนี้ได้แบ่งกลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูง จำนวน 9 คน คือ กลุ่มที่ 1 ที่โรงแรม DVaree 7 คน เป็นผู้จัดการ 2 คน พนักงานขาย 1 แม่บ้าน 4 คน ทำงานประจำชั้นที่ 7 และ 8 ทั้งนี้ไม่มีอาการของระบบทางเดินหายใจ โรงแรมให้หยุดงานเป็นเวลา 14 วัน (13 – 27 ก.ค. ) โดยให้แยกกักตนเองที่โรงแรมพลายเพลย์ ตำบลท่าประดู่ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง กลุ่มที่ 2 ที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภา พนักงานขับรถตู้รับส่งไปยังโรงแรม 2 คน กลุ่มผู้มีความเสี่ยงต่ำ จำนวน 9 คน  ได้แก่ หน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อ (ทีม CDCU)และทีมตรวจคนเข้าเมืองระยอง

“ตามที่เป็นข่าวมีความยุ่งยากในเรื่องของการรับทราบชุดข้อมูลนี้ ประมาณ 2 – 3 ประเด็น ประเด็นแรกชุดทีมนี้ ได้รับการขออนุญาตมาจากต้นทางคือทางสถานทูตขออนุญาตมา แล้วก็นำมาสู่ การขออนุญาตไปยังกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศก็หารือไปยังทอ. หรือทหารอากาศ ซึ่งก็ได้ตอบรับ เพราะกรณีอย่างนี้ เกิดขึ้นหลายเที่ยวบินมาแล้ว เป็นกรณีของการปฏิบัติโดยปกติ แล้วก็ได้มีการอนุญาตให้เกิดขึ้น ให้ได้เข้ามา ซึ่งที่ผ่านมา ในกรณีนี้จะเข้าสู่ในข้อกำหนด (5) ตามประกาศฉบับที่ 7 / 2563 ตามมาตรการป้องกันโรค เข้ากลุ่ม (5) ผู้ควบคุมยานพาหนะ หรือเจ้าหน้าที่ประจยานพาหนะ ซึ่งจำเป็นต้นเดินทางเข้ามาตามภารกิจ และมีกำหนดเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรชัดเจน

ตรงนี้มีข้อกำหนดคือ เขาได้ทำตามข้อมาตรการ ข้อหนึ่งคือ ไม่ได้มีการต้องการให้ตรวจ Throat swab เลย แต่เขามีรายงานเข้ามาว่าได้มีการตรวจมา ณ ประเทศต้นทางแล้วก็เข้ามา อย่างไรก็ตาม พอเราทราบเรื่องนี้ในพื้นที่ ต้องขอชมในพื้นที่คือทีมงานทั้งกระทรวงสาธารณสุข และฝ่ายมั่นคง รับทราบว่า มาพบผู้ที่เดินทางมาจากประเทศอียิปต์ 31 คน และออกจากโรงแรมออกไป ทางทีมสาธารณสุขใช้ความสามารถทุกอย่าง ในการเข้าไปเจรจาและขอตรวจ ก็ได้รับการปฏิเสธในขั้นแรก ต้องมีการเจรจากันอยู่พักใหญ่ และนำไปสู่การต้องประสานไปยังสถานทูตอียิปต์จนได้ความร่วมมือ แล้วผลการตรวจครั้งแรก ใน 31 คน 30 คนผลเป็นลบ ไม่พบเชื้อ 1 คนก็ยังกำกวม เลยต้องตรวจใหม่ แล้วผลออกมาก็เป็นวันที่เขาได้เดินทางกลับไปแล้ว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า กรณีของระยอง ที่ผู้ที่ไปห้างแหลมทอง ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับกรณีของกลุ่มของอียิปต์ พบว่า ช่วงเวลา 11.25 – 14.56  น. มีคนที่อยู่ที่ห้างแหลม 394  คน ที่เซ็นทรัล ระยองในช่วงเวลาเดียวกัน ติดตามโดยเว็บไทยชนะและโมบายไทยชนะ อีก 1,488 คน แล้วมีอีก 7 คน ตรวจสอบโทรศัพท์ยังไม่ได้ทั้งสองที่ กรมสอบสวนโรคจะติดตามไปให้เข้ามาตรวจ ถ้าสงสัยให้เข้ามารับการตรวจได้เลย

ผู้สื่อข่าวถามช่วงต่อเวลามีเจ้าหน้าที่ไทยไปกำกับดูแลไม่ให้ออกนอกเส้นทางหรือไม่ และใครต้องรับผิดชอบ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า  ในฐานะศบค. ก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ และจะพยายามทำให้ดีที่สุด สิ่งที่เกิดขึ้นเขามาในลักษณะของผู้ควบคุมยานพาหนะ ซึ่งปรากฏอยู่ในข้อเอกสาร 7/2563 ไม่ได้กำหนดให้ต้องมีผู้ควบคุม คือให้เข้ามา มีหนังสือแสดงตัว มีกรมธรรม์ ให้คัดกรองแล้วก็เรื่องของทางเดินหายใจเท่านั้น แม้กระทั่งการมี Throat swab ก็ยังไม่ต้อง อันนี้เป็นข้อที่เราจะต้องเอามาพิจารณา

ในขณะเดียวกันการเข้ามามีเพียงให้ใช้ระบบ  ติดตามตัวหรือแอปพลิเคชั่นเพื่อติดตามตัวเท่านั้น เท่าที่ทราบในรายงานมีการลงแอปฯ แต่เขาได้ใช้หรือไม่ ต้องมีประเด็นไปสอบสวนเพิ่มเติม  ส่วนการใช้พื้นที่กักกัน ให้เข้ารับการกักกันในสถานที่ที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อกำหนดตลอดเวลาที่พำนักอยู่ในราชอาณาจักร เราพบว่ามีข้อที่หละหลวมก็คือ ทางด้านสถานทูตเข้าไปติดต่อโรงแรมโดยตรง แล้วก็นำไปสู่การเข้าพัก ทำให้ทีมที่เข้าไปดูแลมารับทราบทีหลัง ทีมไม่ได้ลดละขออนุญาตเข้าไปตรวจถึงได้มีผลยืนยันออกมา

“เราเคยคิดว่าลูกเรือจะมาลงแค่สุวรรณภูมิ ปรากฏการณ์ครั้งนี้ไปลงที่อู่ตะเภา ซึ่งเรายังไม่ได้คิดในจุดนี้มาก่อน ก็ต้องเกิดขึ้นแล้ว เพราะฉะนั้นจุดนี้เป็นสิ่งที่ดำเนินการมาแล้วก็ต้องได้จัดการกันขึ้นมา”

นอกจากนี้ นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า การสอบสวน ยืนยันว่า คณะจากอียิปต์ไม่ได้ออกไปโรงแรมไปเที่ยวกลางคืน เพราะบางคืนกลับถึงโรงแรมตี 2 อีกทั้งนักบินอยู่ในช่วงการทำภารกิจ ย้ำรายนี้ไม่ได้เป็นวีไอพี โดยส่วนใหญ่เข้ามาแล้วจะอยู่ที่โรงแรมโนโวเทล มีอันเดียวแยกอยู่สนามบินอู่ตะเภา

“เรื่องนี้ไม่ได้เข้าที่ศบค. เพราะว่าก็เป็นเรื่องที่โดยปกติเข้ามา เรื่องของการยกเว้นให้กับทางลูกเรือ ก่อนออกประกาศระยะที่ 5 ด้วยซ้ำ มีตั้งแต่ 1 กลุ่มลูกเรือที่เขามีการบินกันมา ก็ต้องเปลี่ยนเครื่องถ่ายเครื่อง ไม่ใช่เฉพาะแค่ทางทหาร ทั่วๆ ไป สายการบินที่เป็นคาร์โก้ทั้งหลาย ก็ใช้วิธีนี้เหมือนกัน เราใช้ในระบบนี้ ในแบบเดียวหลายเที่ยวบิน เป็นลูกเรือ ทหาร เลยต้องไปใช้สนามบินอู่ตะเภา ซึ่งไม่ได้เตรียมพร้อมตรงนี้ เป็นเรื่องที่ต้องปิดช่องว่างศบค.” นพ.ทวีศิลป์ โฆษกศบค.ระบุ

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า