ผลตรวจดีเอ็นเอ “ผ้าพันแผล” ไม่ตรงกับจุดเกิดเหตุยิงชรบ.ยะลา

ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา รุดทำความเข้าใจชาวบ้านปมผ้าพันแผลที่พบในจุดตรวจค้นคุมตัวผู้ต้องสงสัย ยืนยันไม่เกี่ยวข้องเหตุการณ์ยิงชรบ.ยะลา 

วันที่ 11 พ.ย. พลตรีอาคม พงศ์พรหม ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา ลงพื้นที่ หมู่ 7 บ้านต้นหยี ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา เพื่อพบกับนายซัมสุรี อับดุลลี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 บ้านต้นหยี และครอบครัวของนายปรีดี และนางธาริณี (สงวนนามสกุล) สองสามีภรรยาที่ออกมายืนยัน ว่า ผ้าทำแผลที่พบอยู่หน้าบ้านขณะเจ้าหน้าที่ตรวจค้นเพื่อเชิญตัวผู้สงสัยนั้นเป็นของบ้านตนเอง เนื่องจากมีแม่ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งและต้องทำการล้างแผลทุกวัน

พลตรีอาคม เปิดเผยว่า ผลพิสูจน์ผ้าพันแผลที่พบในถุงพลาสติก ที่บ้านต้นหยีนั้น ไม่ตรงกับดีเอ็นเอของผ้าพันแผลที่พบใกล้จุดเกิดเหตุ

นางธาริณี ได้ชี้แจงกับผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา ว่า ตนก็ไม่อยากให้หลายฝ่ายต้องเข้าใจผิด และเข้าใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ พร้อมให้ความร่วมมือตั้งแต่วันที่เข้าตรวจค้นพื้นที่ และได้นำเอาถุงพลาสติกที่บรรจุผ้าพันแผลไปตรวจสอบ อีกทั้งยังเดินทางไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ สภ.ลำใหม่ ซึ่งตนยืนยันด้วยความบริสุทธิ์ใจ ว่า ผ้าพันแผลที่พบในถุงขยะพลาสติกหน้าบ้านเป็นของตนเอง ซึ่งทำแผลให้กับแม่ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ใดๆ พร้อมขอบคุณแม่ทัพภาค 4 ที่ได้เปิดโอกาสให้ชี้แจงสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องร่วมกันเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนกับข้อมูลที่ไม่ตรงกัน

(พล.ต.อาคม พงศ์พรหม ผบ.เฉพาะกิจยะลา ทำความเข้าใจกับชาวบ้านหมู่ 7 บ้านต้นหยี ต.ลำพะยา)

ขณะที่ พลโทพรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ให้สัมภาษณ์ในรายการวิทยุ ที่นี่กองทัพบก ถึงความคืบหน้าติดตามคนร้ายเหตุการณ์ ยิงใส่ป้อมจุดตรวจของชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) หมู่ 5 บ้านตะวันออก ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา เหตุเกิดวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้หน่วยงาน 3 ฝ่ายได้เชิญตัวผู้ต้องสงสัยทั้งหมด 11 คนเข้าศูนย์ซักถาม มีความคืบหน้าได้พอสมควรแล้ว แต่จริงๆ เราได้รู้ตัวผู้ก่อเหตุร้ายแล้ว ตามหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ 3 คน ได้ดำเนินการขอออกหมายจับ และติดตามตัวมาลงโทษ

ประเด็นผ้าพันแผลที่มีประชาชนชี้แจงว่าเป็นการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง

พล.ท.พรศักดิ์ กล่าวว่า ทำความเข้าใจแล้ว คือทั้งหมดที่เป็นผู้ต้องสงสัยทั้งหมดในการเข้าไปตรวจค้นบ้าน พยานหลักฐาน เป๋สีดำ ผ้าพันแผลเป็นข้อมูลเข้ามาเพื่อจะดู แต่ทั้งหมดต้องผ่านกระบวนการหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เราถึงจะออกแถลงการณ์ได้ ขอประชาชนรับฟังจากกองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัย

สำหรับการติดตามผู้ก่อเหตุทั้งหมด ไม่ใช่จำนวนน้อย 20-30 คน เราก็มี ป.วิอาญา (ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา) และรู้ตัวทั้งหมด แต่ในการหลบซ่อนของเขา เนื่องจากพื้นที่มันกว้าง ปัจจุบันผู้ก่อเหตุรุนแรงจะอยู่ตามบ้านเครือญาติต่างๆ ในการเข้าไปตามบ้านเครือญาติ เข้ายากลำบาก ถึงใช้กฎหมายพิเศษแต่เราต้องใช้อย่างระมัดระวัง เพราะมีการออกมาโจมตีตลอด ทุกฝ่ายทุกกลุ่มที่ออกมายกเลิกกฎหมายพิเศษ ซึ่งกฎหมายพิเศษมีไว้เพื่อดำเนินการกับกลุ่มพวกนี้ หรือผู้สงสัยที่มาทำลายประชาชนผู้บริสุทธ์ จะเข้าตรวจค้นจึงต้องมีหลักฐานยืนยันชัดเจน เข้ามั่วๆ ซั่วๆ ก็จะมีการร้องเรียน

(พล.ท.พรศักดิ์ พูนสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4)

อารมณ์ความรู้สึกของประชาชนในพื้นที่

แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า 2 เดือนที่ผ่านมาภาพรวมลดลงมาก ประชาชนก็ออกมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เพราะฉะนั้นกลุ่มนี้ก็แสวงหาเพื่อเข้าตีจุดที่อ่อนแอ ชรบ. คือพี่น้องประชาชนที่ทำกินอยู่ในหมู่บ้าน กลางคืนมีจิตอาสามาคอยดูแลพื้นที่ ไม่ใช่กำลังรบ สอดส่องเพื่อแจ้งข่าวกับเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการโดยตรงเท่านั้น

ในจำนวนพื้นที่กว่า 1,900 หมู่บ้าน ยังมีหมู่บ้านที่เคลื่อนไหวหลักๆ ประมาณ 118 หมู่บ้าน (สีแดง) ผมจัดทหารกินนอนในพื้นที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข เพราะเรารู้อยู่แล้วว่า ผู้ก่อเหตุรุนแรงอาศัยอยู่ตามบ้านเครือญาติ พี่น้อง ในบ้านบ้าง หลังคาบ้าน ดัดแปลงอยู่ใต้ถุนบ้านบ้าง ขุดหลุ่มอยู่บ้างที่ผ่านมา ตอนนี้ทำได้ดีทีเดียว แต่หมู่บ้านที่เกิดเหตุเป็นหมู่บ้านสีขาวปลอดภัยอยู่ใกล้เมือง แต่หมู่บ้านก็ไม่ใกล้กัน 1-2 กิโลเมตร สามารถเคลื่อนที่ได้โดยเร็ว

แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ที่ท่านพูดและทุกคนเห็นตรงกันคือ สภาสันติสุขเป็นตัวแทนของประชาชน 37 อำเภอ หรือ290 ตำบล สะท้อนสิ่งที่ชาวบ้านต้องการ ไม่ใช่กลุ่มบุคคลหนึ่งมาบอกให้ยกเลิกกฎหมายพิเศษ แต่สภาสันติสุขคือหัวใจ ความต้องการของประชาชนใน 3 จังหวัด ล่าสุด 3-4 เดือน ผมให้สำรวจแล้ว ยืนยันเป็นเสียงเดียวคือ อยากให้รัฐบาล กองทัพ ป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติด ร้อยละ 97 และลดความรุนแรง เร็ววันนี้ผมจะนำเหตุการณ์ของยิงชรบ.เข้าสภาสันติสุขว่าประชาชนคิดอย่างไร ไม่ใช่ฟังคน 2 คนที่อยู่นอกประเทศ ผมในฐานะดูแลพื้นที่จะฟังประชาชนในพื้นที่แล้วเดินไปด้วยกันผนึกกำลังในการแก้ปัญหา