พิธีเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 34 ในช่วงเช้าวันนี้ ผู้นำไทยประกาศยกระดับความร่วมมือในอาเซียนเพื่อรับมือกับความท้าทายในระดับภูมิภาคและระดับโลก คาดจะมีการหารือกันในหลายประเด็น รวมถึงปัญหาผู้อพยพโรฮิงญาและข้อพิพาททะเลจีนใต้
วันนี้ (23มิ.ย.62) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย ในฐานะประธานอาเซียน ใช้โอกาสในระหว่างขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในครั้งที่ 34 ย้ำถึงความสำคัญของการยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อให้สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและแก้ปัญหาในระดับภูมิภาคและระดับโลกได้อย่างมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งหนึ่งในประเด็นสำคัญ คือ เรื่องของความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ
ถ้อยแถลงของผู้นำไทยสอดคล้องกับร่างแถลงการณ์ประธานอาเซียนที่มีการรั่วไหลออกมาก่อนหน้านี้ ว่า ไทยในฐานะประธานอาเซียนเน้นย้ำถึงคำมั่นที่ให้เอาไว้ว่า จะเร่งสรุปความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP ให้ได้ภายในสิ้นปีนี้
พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่พยายามบรรลุเป้าหมายที่ได้มีการวางเอาไว้ในแผนการทำงาน RCEP ที่เห็นชอบร่วมกัน เมื่อเดือนมีนาคม 2562 ที่ผ่านมา โดยหวังว่าจะมีความคืบหน้าในการเจรจาความตกลงฉบับนี้ในการเจรจาครั้งต่อไป
แม้ว่าประเด็นโรฮิงญาจะไม่ได้มีการพูดถึงในสุนทรพจน์ของผู้นำไทย แต่จากร่างแถลงการณ์ดังกล่าวมีการระบุถึงบทบาทที่เพิ่มมากขึ้นของอาเซียนในการให้การสนับสนุนเมียนมาในการจัดหาความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และอำนวยความสะดวกในกระบวนการส่งตัวชาวโรฮิงญากลับเมียนมา โดยคำนึงถึงสถานการณ์ในรัฐยะไข่
นอกจากนี้ ในร่างแถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า ไทยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการหาทางออกที่ครอบคลุมและยั่งยืน เพื่อระบุถึงรากเหง้าของปัญหานี้ และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมในรัฐยะไข่ในระยะยาว รวมทั้งเดินหน้าสนับสนุนเมียนมาเพื่อสร้างสันติภาพ เสถียรภาพและหลักนิติธรรม เพื่อส่งเสริมความปรองดองระหว่างชุมชนที่แตกต่างหลากหลาย
สอดคล้องกับท่าทีของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ที่ได้เข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่า กระบวนการส่งกลับผู้อพยพโรฮิงญาจะต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเมียนมาทราบดีว่าประชาคมโลกกำลังจับตามองอยู่
ขณะที่ท่าทีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการมาเลเซีย ออกมาเรียกร้องให้นำตัวผู้ที่ก่อให้เกิดวิกฤติต่อชาวโรฮิงญามารับโทษตามกระบวนการยุติธรรม และเรียกร้องให้เมียนมาพิจารณาประเด็นการให้สัญชาติชาวโรฮิงญาในกระบวนการส่งกลับด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวยังรายงานอีกว่า แม้ว่าก่อนหน้านี้ ทางการไทยจะแสดงความเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่า มีโอกาสสูงที่จะสามารถสรุปความตกลง RCEP ได้ตามที่มีการตั้งเป้าเอาไว้ แต่จากสุนทรพจน์ของผู้นำไทย และความเห็นของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสื่อบางสำนัก เห็นตรงกันว่า อาจไม่เป็นอย่างที่คิด ซึ่งต้องจับตาดูการแถลงข่าวของผู้นำไทยและการออกแถลงการณ์ร่วมของผู้นำอาเซียนที่จะมีการเปิดเผยในช่วงบ่ายวันนี้