สาธารณสุขอังกฤษเผยข้อมูลล่าสุดจากการใช้งานจริงของวัคซีนทั้งแอสตร้าเซนเนก้าและไฟเซอร์ ทั้งสองตัวเพิ่มโอกาสรอดชีวิตใกล้เคียงกันหลังฉีดโดสแรก แต่ยังต้องรอข้อมูลเพิ่มเติมจากแอสตร้าเซนเนก้าโดสที่ 2 ต่อไป
วันที่ 10 พ.ค. 2564 สำนักข่าวออนไลน์ดิอินดีเพนเดนต์ (The Independent) รายงานผลวิจัยล่าสุดของสาธารณสุขอังกฤษ จากการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ทั้งแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) และไฟเซอร์ (Pfizer) ระหว่างเดือนธันวาคม-เมษายน โดยวัคซีนหลักทั้งสองตัวมีส่วนช่วยชีวิตอย่างน้อย 10,000 คนแล้ว นับตั้งแต่เริ่มต้นฉีดให้กับประชาชน
งานวิจัยชิ้นนี้ระบุว่าวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าโดสแรกสามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ลงได้ 80% เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน
ขณะที่วัคซีนของไฟเซอร์เข็มแรกก็สามารถลดอัตราการเสียชีวิตได้ราว 80% เช่นกัน และจะเพิ่มเป็น 97% หลังจากได้รับวัคซีนโดสที่สอง
ตอนนี้ทางสาธารณสุขอังกฤษยังไม่มีข้อมูลที่เพียงพอสำหรับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 2 โดส เนื่องจากวัคซีนตัวนี้เริ่มนำมาใช้หลังวัคซีนไฟเซอร์ 1 เดือน
นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยอีกชิ้นที่ชี้ว่า วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 1 โดสยังช่วยลดโอกาสในการเข้าโรงพยาบาลสำหรับผู้ที่มีอายุเกิน 80 ปีได้ 73% และวัคซีนไฟเซอร์ 2 โดสสามารถลดโอกาสเข้าโรงพยาบาลได้ 93%
ปัจจุบัน วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าเป็นวัคซีนที่ใช้ฉีดในสหราชอาณาจักรมากที่สุด โดยฉีดให้ประชาชนไปแล้วกว่า 27 ล้านโดส
จากแถลงการณ์ของสาธารณสุขอังกฤษ มีการเปิดเผยว่า ข้อมูลจากผู้ติดเชื้อที่นำมาวิเคราะห์ เป็นเชื้อ B.1.1.7 หรือเชื้อกลายพันธุ์ที่ตรวจพบครั้งแรกในอังกฤษเสียเป็นส่วนใหญ่ สำหรับเชื้อกลายพันธุ์ตัวอื่น ทางหน่วยงานยังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะนำมาวิเคราะห์ผลได้ ณ ตอนนี้