จาก “แฮคเกอร์” สู่รัฐมนตรีผู้พลิกสถานการณ์โควิด-19 ในไต้หวัน

ในขณะที่หลายประเทศยังคงรับมือกับวิกฤตการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ที่ยังคงขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ แต่กลับพบว่าหนึ่งในพื้นที่ที่พบผู้ติดเชื้ออย่างไต้หวัน กลับพบว่าแทบไม่มีปัญหาในการจัดการและการรับมือกับการระบาดครั้งนี้ แม้จะอยู่ใกล้กับจีนแผ่นดินใหญ่มากก็ตาม ส่วนหนึ่งเพราะที่นั่นมีการจัดการด้านข้อมูล และการกระจายอุปกรณ์ป้องกันอย่างหน้ากากอนามัยได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมสำหรับประชาชนทุกคน

ส่วนหนึ่งของความสำเร็จครั้งนี้ เกิดจากฝีมือของ “ออเดรย์ ถัง” รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัล ที่ได้ชื่อว่าเป็นรัฐมนตรีที่มีอายุน้อยที่สุดในสภาฯ และเป็นรัฐมนตรีสตรีข้ามเพศคนแรกในประวัติศาสตร์ไต้หวัน แน่นอนว่าคำยกย่องเหล่านี้ ย่อมได้มาด้วยฝีมือของเธอทั้งสิ้น

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ชาวเน็ตในญี่ปุ่นต่างกล่าวชื่นชมความสามารถของออเดรย์ ถัง ที่ปรากฏอยู่ในสื่อต่างๆ ของไต้หวัน ขณะที่สื่อญี่ปุ่นยกย่องเธอว่าเป็นบุคคลอัจฉริยะ ผู้มีส่วนสำคัญต่อการต่อการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในไต้หวัน และระบุว่าญี่ปุ่นควรเรียนรู้จากงานของเธอ

โดยข้อความที่ว่า “นโยบายของรัฐมนตรีอัจฉริยะ วัย 38 ปี ผู้มีไอคิว 180” ได้กลายเป็นคำค้นหาที่ได้รับความนิยมอย่างมากในญี่ปุ่น

ออเดรย์ ถัง ได้ทำงานร่วมกับสำนักงานประกันสุขภาพไต้หวัน ในการเผยแพร่ข้อมูลด้านอุปทานของหน้ากากอนามัยที่จำหน่ายตามร้านขายยาทั่วไต้หวัน และประสานความร่วมมือกับบรรดาวิศวกรในการทำให้ข้อมูลเหล่านั้นสามารถเข้าถึงประชาชนได้ผ่านแพลตฟอร์มทางออนไลน์

แพลตฟอร์มดังกล่าวประกอบด้วยรายชื่อของทรัพยากรต่างๆ ที่ประชาชนสามารถใช้ในการค้นหาว่า หน้ากากอนามัยมีจำหน่ายอยู่ที่ใดบ้างและมีอยู่ในสต็อกของร้านขายยาแต่ละแห่งจำนวนเท่าใด ภายใต้ระบบการปันส่วนของรัฐบาล ที่รวมถึงแผนที่แบบอินเตอร์แอคทีฟ เพื่อให้ประชาชนทราบว่า จะสามารถหาซื้อหน้ากากอนามัยในท้องถิ่นได้จากที่ใดบ้างและโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถตอบกลับการสนทนาด้วยตัวอักษรแบบอัตโนมัติผ่านแอพพลิเคชั่น “ไลน์”

หน้าที่ของเธอยังรวมถึงการจัดหาข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การจัดทำแผนที่ของสถานที่ทุกแห่งในไต้หวัน ที่ผู้โดยสารของเรือสำราญ “ไดมอนด์ ปรินเซส” เคยเดินทางไป เพื่อเตือนให้ชาวไต้หวันและนักท่องเที่ยวหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังสถานที่ดังกล่าว

แอพฯสามารถแสดงข้อมูลได้ว่า จำนวนหน้ากากที่เหลืออยู่ในร้านขายยาแต่ละแห่งมีเหลืออยู่เท่าใด

สื่อไต้หวันได้รายงานข่าวเรื่องนี้ กระทั่งนายเฉินเจี้ยนเหริน รองประธานาธิบดี ได้แชร์ข่าวนี้ในเฟซบุ๊กเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พร้อมทั้งเรียกออเดรย์ ถัง ว่า เป็นบุคคลที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในทีมเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันการแพร่ระบาดแห่งชาติ และยกย่องเธอว่าเธอเป็นตัวอย่างของการนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้เพื่อการป้องกันโรคระบาด

ถังเคยให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ เดอะ นิวส์ เลนส์ ว่า หน้าที่ของเธอคือการเก็บรวมรวมแนวคิดและไอเดียของประชาชนในเบื้องต้น และจัดทำเว็บไซต์ในช่วงแรก ซึ่งเธอได้รับแรงสนับสนุนอย่างดีจากประชาชนทุกคน

แนวคิดการจัดทำแผนที่หน้ากากอนามัยแบบอินเตอร์แอคทีฟ เกิดจากนายโฮเวิร์ด หวู วิศวกรจากเมืองไท่หนาน ด้วยการใช้ระบบกูเกิล จีพีเอส (Google GPS) และ เพลส เอพีไอ (Place API) ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังการเริ่มให้บริการ มันก็ได้รับความนิยมอย่างสูง ขณะที่ค่าใช้จ่ายสำหรับดำเนินการเว็บไซต์ ก็พุ่งขึ้นไปกว่า 6 แสนดอลลาร์ไต้หวัน

แผนที่ร้านขายยาที่จำหน่ายหน้ากากอนามัย

ถังได้ติดต่อกับหวูในวันเดียวกัน พร้อมกับทีมวิศวกรของกูเกิล เพื่อช่วยประคับประคองโครงการนี้ให้เดินหน้าต่อไปได้ ส่วนกูเกิลได้ยกเลิกการเก็บค่าใช้จ่ายทั้งหมด ถังยังได้กล่าวของคุณบรรดาเภสัชกรที่ร่วมกันแบ่งปันข้อมูลสต็อกหน้ากากอนามัย และสถานภาพการทำงาน

จากแฮคเกอร์สู่รัฐมนตรีหญิงข้ามเพศคนแรกของไต้หวัน

ออเดรย์ ถัง เคยได้รับฉายาว่าเป็น 1 ใน 10 ในสุดยอดบุคคลในวงการคอมพิวเตอร์ของไต้หวัน เธอเป็นทั้งนักเขียนโปรแกรมซอฟต์แวร์เสรี แฮคเกอร์เพื่อพลเมือง (civic hacker) นักปฏิวัติดิจิทัลผู้มีอุดมการณ์อนาธิปไตย (individualist anarchism) เธอยังเป็นผู้สนับสนุนแนวคิด “การเน้นหาความรู้ด้วยตัวเอง” (autodidacticism) และเป็นรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลของไต้หวัน

นอกจากนั้น ถัง ยังเป็นสตรีข้ามเพศ และทำให้เธอกลายเป็นรัฐมนตรีสตรีข้ามเพศคนแรกของไต้หวัน และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีขณะที่มีอายุเพียง 35 ปี ทำให้เธอเป็นรัฐมนตรีที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ไต้หวันอีกด้วย

“ออเดรย์ ถัง” มีชื่อเดิมว่า “ถัง จ้งหัน” พ่อของเธอคือนาย ถัง กว่างหัว อดีตรองบรรณาธิการบริหารของหนังสือพิมพ์ไชน่า ไทม์ส ส่วนแม่ของเธอคือ นางหลี่ หยาฉิง รองยรรณาธิการนิตยสารบิสสิเนส วีคลี่

ถังแสดงความสนใจด้านคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ยังเด็ก เธอเรียนรู้การเขียนโปแกรมภาษาเพิร์ล (Perl) ตั้งแต่อายุ 12 ปี เมื่ออายุ 14 ปี เธอขอออกจากโรงเรียน เพราะไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับชีวิตในโรงเรียนได้  สถานีโทรทัศน์ เคยรายงานว่า ETToday เคยรายงานว่าเธอมี IQ สูงถึง 180 เมื่ออายุ 15 ปี เธอสามารถพัฒนาเสิร์ชเอนจิ้นเป็นภาษาแมนดารินได้สำเร็จ

เธอก่อตั้งธุรกิจของตนเองเมื่ออายุ 16 ปี และเมื่อปี 2000 ขณะอายุ 19 ปี เธอได้เปิดบริษัทที่ย่านซิลิคอนวัลเลย์ของสหรัฐฯ ต่อมาในปี 2005 เธอจึงตัดสินใจแปลงเพศ ที่รวมถึงการเปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษและจีน เพื่อให้สอดคล้องกับรูปลักษณ์ภายนอก

และเมื่อปี 2000 ขณะอายุ 19 ปี เธอได้เปิดบริษัทที่ย่านซิลิคอนวัลเลย์ของสหรัฐฯ ต่อมาในปี 2005 เธอจึงตัดสินใจแปลงเพศ ที่รวมถึงการเปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษและจีน เพื่อให้สอดคล้องกับรูปลักษณ์ภายนอก

เมื่ออายุ 33 ปี เธอตัดสินใจไปทำงานในโครงการของรัฐบาล โดยโครงการแรกของเธอคือโครงการสวัสดิการดิจิทัล ที่มีชื่อว่า g0v.tw

นอกเหนือจากความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ เธอยังมีความเป็นนักเคลื่อนไหวขับเคลื่อนประชาธิปไตย โดยเฉพาะจุดยืนด้านเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน โดยเมื่อปี 2014 ถังเคยเป็นหนึ่งในสมาชิกขบวนการดอกทานตะวัน (Sunflower Movement) ที่เคลื่อนไหวเพื่อแสดงความไม่พอใจเรื่องการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาตำราเรียนชั้นมัธยมศึกษาโดยเฉพาะวิชาประวัติศาสตร์ ซึ่งกลุ่มนักเรียนกล่าวหาว่าการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาดังกล่าวนี้กระทำโดยคณะกรรมการลับที่แต่งตั้งขึ้นโดยประธานาธิบดี หม่าอิงจิ่ว และเป็นเนื้อหาที่ลดทอนคุณค่าของชนชาติไต้หวัน