ฝรั่งเศสแสดงท่าทีแข็งกร้าว เรียกทูตประจำสหรัฐฯ-ออสเตรเลียปรึกษา ไม่พอใจข้อตกลงเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของทั้งสองชาติ ขณะที่ผู้นำจีนขู่ พร้อมต่อต้านการแทรกแซงจากต่างชาติที่ไม่เกี่ยวข้องในภูมิภาคนี้
วันที่ 18 ก.ย. 2564 สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์ส รายงานว่า รัฐบาลฝรั่งเศสมีคำสั่งเมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ในการเรียกทูตที่ประจำการในออสเตรเลียและสหรัฐฯ เพื่อปรึกษาหารือ หลังสหรัฐฯ และออสเตรเลีย ทำข้อตกลงเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ร่วมกัน
นักวิเคราะห์มองว่า นี่คือท่าทีทางการทูตที่แข็งกร้าวที่สุดในแบบที่ฝรั่งเศสไม่เคยทำกับสหรัฐฯ และออสเตรเลียมาก่อน สอดคล้องกับรัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสที่ระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวทำให้ฝรั่งเศสรู้สึกเหมือนถูกแทงข้างหลัง
โดยข้อตกลงเรือดำน้ำนี้ส่งผลกระทบโดยตรงกับฝรั่งเศส เนื่องจากทำให้ข้อตกลงเรือดำน้ำที่ออสเตรเลียจะซื้อจากฝรั่งเศสมูลค่ามหาศาลล้มลงโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้หลายฝ่ายยังวิเคราะห์ด้วยว่า ความร่วมมือล่าสุดระหว่างสหรัฐฯ ออสเตรเลีย และอังกฤษ ที่เรียกว่า ‘Aukus’ ยังทำให้ฝรั่งเศสเสียหน้า เนื่องจากไม่ได้รับคำเชิญเข้าร่วม และได้รับการบอกกล่าวล่วงหน้าเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ทั้งสามชาติระกาศความตกลงกัน
โดยความร่วมมือ ‘Aukus’ ระหว่างสหรัฐฯ-อังกฤษ-ออสเตรเลีย มีเป้าหมายชัดเจนเพื่อต้านทานอิทธิพลของจีนในทะเลจีนใต้ ซึ่งสร้างความไม่พอใจอย่างมากกับรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ออกมาโจมตีผ่านหนังสือพิมพ์โกลบอล ไทม์ส กระบอกเสียงของทางการจีนว่า ข้อตกลงนี้ทำให้ออสเตรเลียเป็นเหมือนเบี้ยล่างของสหรัฐฯ ผ่านการทำตัวไร้เดียงสาเพื่อรับการสนับสนุนจากกลเม็ดแบบสงครามเย็นของอเมริกา
ขณะเดียวกัน นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ยังขู่ทั้งสามชาติที่ทำข้อตกลงดังกล่าว ระหว่างการประชุมองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization) เมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ด้วยว่า จีนพร้อมจะต่อต้านการแทรกแซงจากต่างชาติที่ไม่เกี่ยวข้องในภูมิภาคนี้