ออสเตรเลียแนะประชาชนสวมหน้ากากอนามัย ขอภาคธุรกิจให้พนักงานทำงานที่บ้าน หลังโอไมครอนระบาดหนัก

ออสเตรเลียขอให้ประชาชนกลับมาสวมหน้ากากอนามัย รีบฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น แนะนำภาคธุรกิจให้พนักงานทำงานที่บ้านอีกครั้ง หลังโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนกลับมาระบาดหนัก ทำให้ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนเตียงในโรงพยาบาลเริ่มวิกฤต

ออสเตรเลียกำลังเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 จากไวรัสโอไมครอน สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ซึ่งสามารถกระจายเชื้อได้เร็วขึ้น ทำให้จำนวนผู้ป่วยที่ต้องรับการรักษาในโรงพยาบาลใกล้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มกว่า 30,000 คนต่อวัน ตลอดช่วง 7 วันที่ผ่านมา

ล่าสุด ทางการออสเตรเลียออกมาเปิดเผยในวันนี้ (20 ก.ค.) ว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่มากถึง 53,850 คนในวันเดียว ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบสองเดือน ขณะเจ้าหน้าที่ยังคงเตือนว่า ยอดติดเชื้อจริงอาจสูงกว่าตัวเลขที่รายงานจากทางการอยู่มาก ส่งผลให้รัฐบาลตัดสินใจออกคำแนะนำให้ประชาชนกลับมาสวมหน้ากากอนามัยอย่างเคร่งครัด และเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นกันอย่างเร่งด่วน พร้อมกับเรียกร้องไปยังภาคธุรกิจให้อนุญาตให้พนักงานกลับมาทำงานที่บ้านอีกครั้ง

คำแนะนำดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางคำเตือนจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่กังวลว่า ความล่าช้าในการฉีดวัคซีนให้ประชาชนของออสเตรเลียอาจทำให้การระบาดระลอกนี้มีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง โดยจากข้อมูลทางการพบว่า แม้ปัจจุบันจะมีชาวออสเตรเลียที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว 95% แต่มีเพียงแค่ 71% เท่านั้นที่ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้ว

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีแอนโธนี อัลบานีส ก็กำลังเผชิญกับกระแสกดดันให้หวนกลับมาใช้มาตรการสกัดการระบาดอย่างเข้มงวด ซึ่งรวมถึงการบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยอย่างเคร่งครัด แต่เขายังคงไม่เห็นด้วยที่จะต้องใช้มาตรการเช่นนั้นในขณะนี้

“ความจริงก็คือ หากมีการออกคำสั่ง คุณก็จะต้องบังคับใช้มัน แต่ตอนนี้ แม้จะยังมีการบังคับให้สวมหน้ากากในระบบขนส่งสาธารณะ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ปฏิบัติตาม” อัลบานีสกล่าวกับผู้สื่อข่าว

อัลบานีสเสริมว่า ในส่วนของภาคธุรกิจควรต้องมีการหาข้อตกลงร่วมกับพนักงานในเรื่องการทำงานจากที่บ้าน ขณะที่สหภาพแรงงานเริ่มออกมากดดันให้นายจ้างมีความรับผิดชอบต่อพนักงานมากขึ้น

ทางด้าน พอล เคลลี หัวหน้าสำนักงานการแพทย์ออสเตรเลียได้ออกมาระบุว่า “เราจำเป็นต้องปรับการใช้ชีวิตบางอย่างกันอย่างน้อยในช่วงเวลาสั้นๆ และเราก็รู้ว่าการทำงานจากที่บ้านเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยหยุดการระบาดเป็นวงกว้างได้