SHARE

คัดลอกแล้ว

เกิดเรื่องดราม่าในวงการลงทุน ขิงข่าว่า ‘ลงทุนแบบไหน’ คือผลลัพธ์ที่ดีที่สุด จนเกิดประเด็นถกเถียงขึ้นมา ระหว่าง ฝั่งนักลงทุนรุ่นใหม่ คุณดิว ‘วีรวัฒน์ วลัยเสถียร’ และ ‘ซีเค เจิง’ กับอีกฝ่าย ‘ดร.โสภณ พรโชคชัย’ ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด ซึ่งเป็นนักลงทุนรุ่นใหญ่

[ ระอุมานานในโลกโซเชียล เพิ่งมาระเบิด ]

จุดเริ่มต้นของดราม่ามาจากการที่ ‘ซีเค’ เคยทำคอนเทนต์ผ่านโซเชียลมีเดียของตัวเอง และเชิญ ‘คุณดิว’ มาออกรายการ พูดคุยกันเรื่อง ‘ลงทุน’ ทั่วไปแชร์ความคิดเห็นของตัวเองสู่สาธาณะ แต่ก็มี ‘ดร.โสภณ’ ที่เห็นต่างจึงหยิบคอนเทนต์เหล่านั้นไปโพสต์บนโซเชียลมีเดีย โดยคนที่ได้อ่านหลายคนมองว่าคือการ ‘แซะ’ วิธีคิดของซีเคและคุณดิว  

เช่นการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่  ‘ดร.โสภณ’ โพสต์แสดงความเห็นต่างกับ ‘ซีเค’ โดย ‘ดร.โสภณ’ บอกว่าถ้ามีเงิน 2 ล้านแรกควรเอาไปซื้อบ้าน เพราะบ้านเราจะได้อยู่อาศัยและจะมีราคาสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ขณะที่คอนเทนต์นั้น ‘ซีเค’ แนะนำว่าให้เอาเงิน 2 ล้านไปซื้อลานจอดรถหรือสร้างโกดังสินค้าให้คนเช่าเพื่อต่อยอดรายได้ก่อนค่อยนำไปซื้อบ้าน 

การถูกพาดพิงจาก ‘ดร.โสภณ’ มีมาตลอดบนโซเชียลมีเดีย จนกระทั่งทั้ง 3 คน ได้มาเจอหน้ากันจริงๆ ผ่านรายการไลฟ์ที่ชื่อว่า ‘เรื่องติดเล่า’ ในไลฟ์นั้นมีความเดือดระหว่าง ‘คุณดิว’ และ ‘ซีเค’ ที่เป็นตัวแทนของนักลงทุนรุ่นใหม่ มีแนวคิดการลงทุนขัดกับ ‘ดร.โสภณ’ จน ‘คุณดิว’ เผลอพูดคำหยาบลงไป 

ล่าสุดทั้ง 3 คน ยังมาเผชิญหน้ากันอีกครั้งบนเวที BITKUB SUMMIT 2024 ในหัวข้อ Cash vs Stock vs Real Estate Investments เปิดแผนที่ขุมทรัพย์การลงทุนแห่งอนาคต หน้างานก็คนล้นฮอล์ ในไลฟ์ก็ยอดชมกว่า 7 แสนครั้ง

แค่ชื่อหัวข้อก็เรียกดราม่าว่า ทั้ง 3 คน จะต้องมาถกเถียงตามชุดความคิดตัวเองกันแบบไม่มีใครยอมใครแน่นอน

เรื่องราวนี้เป็นยังไง และคนดูได้เรียนรู้อะไรจากดราม่าครั้งนี้ TODAY Bizview จะสรุปให้ฟัง

[ ‘ดร.โสภณ’ ย้ำคนรุ่นใหม่ 70% เจ๊งเพราะบิตคอยน์ ไปทำธุรกิจดีกว่า ]

ในงานที่ทั้ง 3 คน ขึ้นเวทีเดียวกัน เริ่มจาก ‘ดร.โสภณ’ แชร์แนวคิดของตัวเองว่าเด็กรุ่นใหม่ส่วนใหญ่คาดหวัง Easy Money แต่มาพร้อมความเสี่ยง อย่างเช่นคนเล่นบิตคอยน์ที่ 70% มักจะสูญเสีย และส่วนมากจะผิดหวัง แต่หลายคนก็ยอมกับความสูญเสีย เพราะยังเป็นหนุ่มสาว ยิ่งมีกูรูคอยชี้แนะก็ยิ่งฮึกเหิมในการลงทุน

‘ดร.โสภณ’ บอกว่า ค่อยๆ ลงทุนดีกว่า อดเปรี้ยวไว้กินหวานบ้าง ในโลกเรามีสิ่งที่น่าลงทุนเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็นเปิดร้านปาท๋องโก๋ หรือทำธุรกิจ Sme มันดีกว่าการนั่งดูจอไปวันๆ ทำธุรกิจอาจทำให้เรามีความสุขกว่า หรือลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เราก็ยังได้ค่าเช่าหรือมูลค่าที่ดินที่เพิ่มขึ้น ดีกว่านั่งดูในจออย่างเดียว ดังนั้นขอให้ศึกษาการลงทุนก่อน ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาทำทุน 

สรุปได้ว่า ‘ดร.โสภณ’ แนะนอกจากลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ก็ไปซื้อกองทุน REIT ได้ หรือซื้อโทเคนและอื่นๆ ได้ไม่รีบ 

[ ‘คุณดิว’ ชอบลงทุนในสิ่งที่ตัวเองถนัด พอลงทุนหุ้นเป็น ก็สบายกว่าทำธุรกิจ ]

ฝั่งความเห็นตรงกันข้ามอย่าง ‘คุณดิว’ บอกว่าเขาชอบลงทุนในสิ่งที่ตัวเองถนัด อะไรที่ไม่ถนัดก็ไม่ทำ ในระหว่างทางการลงทุนต้องรู้จุดยืนของตัวเอง สมมติเขาเป็นพ่อค้า อาชีพนี้ก็สอนให้เขาเป็นคนที่มองโอกาสให้ตัวเองเสมอ เช่นที่เขาเคยลงทุนคริปโตฯ แต่ก็พบว่าการขึ้นลงมันหวือหวา ขณะที่ลงทุนหุ้นสามารถอ่านจากผลประกอบการและอื่นๆ ได้ ช่วงแรกๆ อาจไม่เข้าใจ แต่เวลาผ่านไปก็จะรู้ถึงโอกาสเราก็จะจับจังหวะการลงทุนและได้กำไรถูก

‘คุณดิว’ เห็นด้วยกับแนวคิดของ ‘ซีเค’ ที่บอกว่าคนรวยไม่ถือเงินสด เพราะคนรวยไม่ถือเงินสดไว้เฉยๆ เพื่อรอโอกาสเช่นไปซื้อหุ้นหรือกิจการ เพื่อที่เงินสดจะได้ปั่นโอกาสออกมาให้เรา 

‘คุณดิว’ ยังบอกอีกว่าไม่ใช่ว่าไม่เคยลงทุนอสังหาฯ สมัยก่อนก็ลงทุนอสังหาฯ ทำอาพาร์ตเมนต์แถวมหาวิทยาลัย เพราะตอนนั้นความรู้หุ้นน้อย ซึ่งอสังหาตอนนั้นก็มีปัญหาเรื่องการเก็บค่าเช่า มันวุ่นวาย ทำให้ขายอสังหาฯ ออกไปครึ่งนึง ไปซื้อหุ้นปันผลครึ่งนึง 

และยังเล่าต่อด้วยว่า ส่วนตัวเป็นคนที่มีกระแสเงินสดดี มีรายได้เข้ามาหลายทางจากธุรกิจ เลยเอาเงินพวกนั้นไปซื้อหุ้นได้ รอปันผล จนมาพบว่าการลงทุนหุ้นสบาย ไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องแก้ปัญหา หรือสรุปง่ายๆ ว่า หุ้นสามารถทำให้เขาอยู่เฉยๆ ได้ ซื้อหุ้นสักตัวรอปันผล

[ ‘ซีเค’ ย้ำซื้อบ้านก็เหมือนมีหนี้สิน ]

ฟาก ‘ซีเค’ บอกว่าตอนนี้แนะนำให้ลงทุนในตราสารหนี้อเมริกา เพราะดอกเบี้ยสูง ส่วนตัว ไม่ค่อยชอบอสังหาริมทรัพย์ และเชื่อว่าคนส่วนใหญ่มีบ้านแล้ว บ้านเหมือนหนี้สิน ถ้าวันหนึ่งตกงานก็ต้องหาเงินมาผ่อนบ้านอีก ส่วนที่ชอบลงทุนหุ้น เพราะมีอิสระสามารถเปลี่ยนและซื้อเพิ่มตัวอื่นได้ สำหรับเงินสดก็มองว่าคือหนี้สินเหมือนกัน เพราะเงินสดที่เราถืออยู่เปรียบเสมือนหนี้ของรัฐบาล 

เช่น อาร์เจนตินาที่คนในประเทศไม่อยากได้เงินสดแล้ว เพราะหนี้ของประเทศสูง จนรัฐบาลไม่สามารถคืนหนี้ได้ ทำให้ค่าเงินตกลงเรื่องๆ พูดง่ายๆ ว่าเงินสดถูกสร้างมาเพราะรัฐบาลเป็นหนี้ ยกตัวอย่างวอร์เรน บัฟเฟต์ ยังเอาเงินสดไปซื้อตราสารหนี้แทน เพื่อให้รัฐบาลเป็นหนี้เขาแทน 

ฟังมาถึงตรงนี้ ‘ดร.โสภณ’ เห็นต่างบอกว่าคนรวยก็ถือเงินสด พร้อมยกตัวอย่าง และบอกว่าคนเราควรมีเงินสดไว้เผื่อเหลือเผื่อขาดได้ เงินเฟ้อมันน้อยมาก ไม่ได้กระทบหนัก 

[ เถียงกันเรื่องบิตคอยน์เป็นอาชญากรไหม ]

‘ดร.โสภณ’ ให้มุมมองเรื่องนี้ว่า บิตคอยน์เป็นเงินสีเทา (ผิดกฎหมาย) แต่คนรุ่นใหม่ชอบเล่น เพราะแฟชั่น หรืออะไรก็ตามแต่ มีคนที่เล่นแล้วประสบความสำเร็จแค่ 10% เท่านั้น ถ้าเล่นเป็นประสบการณ์ก็เชิญตามสบาย แต่ในระยะยาวไปทำอาชีพที่สร้างสรรค์ดีกว่า

‘ซีเค’ ตอบโต้กลับว่า บิตคอยน์เข้ามาเพื่อแก้ปัญหาการให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศ มันก็จริงที่บางคนใช้บิตคอยน์เป็นเงินสีเทา แต่ผู้ร้ายจริงๆ คือเงินสด เพราะติดตามอะไรไม่ได้เลย ตำรวจก็เรียกสินบนผ่านเงินสด ธุรกิจเล็กๆ ก็ค้าขายผ่านเงินสด เลี่ยงภาษีได้

[ สรุปแนวทางการลงทุนของทั้ง 3 คน ]

‘ดร.โสภณ’ ชอบลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เลือกทำเลดีๆ จะสร้างมูลค่าให้ได้ มีค่าเช่าด้วย และคนเราควรมีบ้าน พร้อมกับพกเงินสดไว้ เผื่อเหลือเผื่อขาดได้ หรือค่อยๆ ลงทุนไม่ต้องรีบลงทุนตามกูรู

‘ซีเค’ ชอบลงทุนหุ้น บิตคอยน์ หุ้นมีอิสระสามารถเปลี่ยนและซื้อเพิ่มตัวอื่นได้ บ้านกับเงินสดเหมือนหนี้สิน ถ้ามีเงินสดเอาไปซื้อตราสารหนี้แทน เพื่อให้รัฐบาลเป็นหนี้เราแทนดีกว่า

‘คุณดิว’ ชอบลงทุนในหุ้นและคริปโตฯ หุ้นสามารถกินปันผลได้ ไม่ต้องจุกจิกแบบอสังหาฯ อยู่เฉยๆ ก็ได้ปันผล ส่วนคริปโตฯ ก็จับโอกาสให้ดีก็สามารถสร้างกำไรให้เราได้

อย่างไรก็ตาม เซสชั่นนี้จบลงด้วยการที่ทั้ง 3 ก็เคลียร์ใจกัน ‘คุณดิว’ยกมือขอโทษ เดินเข้าไปกอด‘ดร.โสภณ’ ปิดท้ายด้วย ‘ท็อป’ จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา CEO Bitkub ขึ้นมาสร้างกิมมิคแจกกางเกงมวยให้กับทั้ง 3 คน บนสังเวียนนี้ 

ถือเป็นการจัดเวทีถกกันแบบ ‘Edudrama’ หยิบดราม่าจากโลกออนไลน์ต่างคนต่างพูดกันมานานบนโซเชียลฯ มาเปิดหน้าให้ความรู้ เอาประเด็นดราม่าการลงทุนมาถกกัน ทั้งดร.โสภณ คุณดิว และซีเค เปิดหมัดกันด้วยความรู้และประสบการณ์ของตัวเองที่ผ่านมา

ข้อสรุปอยู่ที่คนฟังคนดูอย่างเราเองว่า ฟังแล้วเชื่อ และมั่นใจในแนวทางการลงทุนแบบไหนขึ้นอยู่กับเหตุผลของแต่ละคน

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า