สรุป 10 อาชีพ ดาวรุ่ง ดาวร่วง ปี 2568

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดอันดับ 10 ธุรกิจดาวรุ่ง-ดาวร่วงของไทยในปี 2568 ไว้ว่า ในส่วน 10 ธุรกิจดาวรุ่งหลักๆ จะมี

1) ธุรกิจการแพทย์และความงาม, ธุรกิจ Cloud Service และธุรกิจบริการ Cyber Security 

2)  Social Media และ Online Entertainment ธุรกิจจัดทำคอนเทนต์, ธุรกิจ YouTuber การรีวิวสินค้า และ Influencer 

3)  ธุรกิจ E-commerce, ธุรกิจ Soft Power ไทย โดยเฉพาะ ซีรีส์ ภาพยนตร์ 

4)  ธุรกิจ Event งานคอนเสิร์ต มหกรรมจัดแสดงสินค้า และเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์

5)  ธุรกิจความเชื่อ (สายมู, หมอดู,ฮวงจุ้ย), ธุรกิจเงินด่วน และธุรกิจประกันภัย ประกันชีวิต

6)  ธุรกิจการให้บริการผ่านแพลตฟอร์ม เช่น แม่บ้านรายวัน, ธุรกิจสถาบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ 

7)  คลินิกกายภาพ, ธุรกิจให้บริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้า ธุรกิจรถยนต์ EV และธุรกิจสัตว์เลี้ยง

อันดับที่ 8 ธุรกิจด้านการเงินการธนาคาร Fintech, ธุรกิจตู้หยอดเหรียญเครื่องดื่ม อาหาร, ธุรกิจเครื่องสะดวกซัก และธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ทัวร์ 

9)  ธุรกิจโทรคมนาคมสื่อสาร, ธุรกิจโลจิสติกส์ Delivery และคลังสินค้า, ทนายความและตรวจสอบบัญชี, ธุรกิจ Street Food 

10) ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม, ธุรกิจพลังงานทดแทน และโรงพยาบาล คลินิก เกี่ยวกับสัตว์ 

ซึ่งจะพบว่าในกลุ่ม 10 ธุรกิจดาวรุ่งเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่มีเทคโนโลยีมาเกี่ยวข้องทำให้บริษัทเติบโตไปด้วย ทำให้ธุรกิจที่ยังล้าหลังอยู่อาจไม่ได้ไปต่อในปีหน้า 

สำหรับ 10 ธุรกิจดาวร่วงก็จะมี 

1)  ธุรกิจจำหน่ายและให้เช่า CD หรือ VDO

2)  ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ที่ไม่มี Platform Online 

3)  ธุรกิจคนกลางผลิตและจำหน่ายที่เก็บข้อมูล เช่น CD DVD Thumb Drive การ์ดอื่นๆ

4)  บริการส่งหนังสือพิมพ์

5)  ธุรกิจผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม

6)  ธุรกิจถ่ายเอกสาร

7)  ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบดั้งเดิม ไม่มีการออกแบบดีไซน์

8)  ธุรกิจรถยนต์มือ 2

9)  ร้านขายเครื่องเล่นเกม

10)  ธุรกิจผลิตกระดาษ และ ธุรกิจร้านโชห่วย

โดยหอการค้าให้เห็นเหตุผลว่าที่ 10 ธุรกิจเหล่านี้เป็นธุรกิจดาวร่วงก็เพราะว่าเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่ประกอบกับพฤติกรรมของมนุษย์ที่เปลี่ยนไป

TODAY Bizview เลยอยากพิสูจน์จึงไปถาม Chat GPT ว่า “อาชีพไหนจะตกงานเพราะเธอ Chat GPT” 

Chat GPT ตอบกลับมาว่า “อาชีพที่มีความเสี่ยงที่จะถูกแทนที่หรือได้รับผลกระทบจาก AI อย่าง ChatGPT มักจะเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับงานซ้ำๆ ที่มีรูปแบบชัดเจนหรือใช้ความคิดสร้างสรรค์น้อย ตัวอย่างเช่น:

1) งานเขียนพื้นฐานหรือเนื้อหาเบื้องต้น เช่น การเขียนบทความทั่วไป บล็อกโพสต์ หรือคำบรรยายผลิตภัณฑ์ หากเป็นเนื้อหาที่ไม่มีความเฉพาะตัวหรือซับซ้อน AI สามารถช่วยสร้างได้อย่างรวดเร็ว

2) งานบริการลูกค้าหรือ Call Center ระบบแชตบอทที่ใช้ AI สามารถตอบคำถามพื้นฐานหรือช่วยแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้ เช่น การสอบถามข้อมูลสินค้า การแก้ไขปัญหาทั่วไป

3) งานแปลภาษา AI แปลภาษาอย่าง Google Translate หรือ DeepL มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทำให้ลดความจำเป็นของนักแปลที่ไม่ได้เชี่ยวชาญในภาษาเฉพาะทาง

4) งานวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน AI สามารถประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น การสร้างรายงานสรุปข้อมูล การวิเคราะห์แนวโน้มเบื้องต้น

5) งานที่ใช้กระบวนการอัตโนมัติ (Automation) เช่น งานในโรงงานหรือการประมวลผลเอกสาร เช่น การตรวจสอบเอกสาร การกรอกฟอร์ม หรือการจัดการบัญชี

อย่างไรก็ตาม AI ยังไม่สามารถแทนที่อาชีพที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์สูง การตัดสินใจที่ซับซ้อน หรือความเข้าใจด้านอารมณ์ เช่น:

• • • นักจิตวิทยา/ที่ปรึกษา (เพราะต้องใช้ความเข้าใจมนุษย์)
    • ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (เช่น แพทย์ ศิลปิน นักกฎหมาย)
    • นักสร้างสรรค์งานใหม่ๆ (เช่น การออกแบบนวัตกรรม)

ข้อคิด: แทนที่จะมองว่า AI เป็นภัยคุกคาม การปรับตัวและเรียนรู้ที่จะใช้งาน AI อย่างชาญฉลาดจะช่วยเพิ่มทักษะและความสามารถในอาชีพของเราได้”

อ่าวแค่ข้อแรกที่ AI ตอบออกมาก็อาชีพของนักเขียนบทความนี้หนิ…