SHARE

คัดลอกแล้ว

ใครๆ ก็อยากเป็นอมตะ ไม่ว่าจะเป็นลอร์ดโวลเดอมอร์ หรือ จิ๋นซีฮ่องเต้ รวมไปถึงอีกหลายตัวละครในโลกแฟนตาซีและบุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์หลายคน แต่เมื่อหันมามองปัจจุบันที่เทคโนโลยีพัฒนาแบบก้าวกระโดด เหล่าบรรดามหาเศรษฐีหลายรายกำลังทุ่มเงินให้กับการวิจัย และนำผลที่ได้มาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน แล้วคุณต้องจ่ายเท่าไหร่ เพื่อแลกกับโอกาสที่จะมีชีวิตนิรันดร์ Bizview Bling ชวนมาหาคำตอบ

[ คนรุ่นแรกที่ไม่มีวันตาย ? ]

ไบรอัน จอห์นสัน มหาเศรษฐีเทคโนโลยีวัย 47 ปี ผู้ก่อตั้ง ‘Brain Tree’ บริษัทด้านระบบการชำระเงินบนมือถือและเว็บไซต์ ซึ่งกลายเป็นระบบชำระเงินที่สตาร์ทอัพชั้นนำอย่าง Airbnb และ Uber ใช้งาน ก่อนจะขายบริษัทให้กับ PayPal ไปในราคากว่า 800 ล้านดอลลาร์ฯ ในปี 2014

ไบรอัน มองว่าการถวายตัวและวิญญาณในกับการทำงาน ทำให้สุขภาพกายและใจของเขาย่ำแย่ เขาเคยมีไลฟ์สไตล์ที่ส่งผลแย่ต่อสุขภาพและยังเป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรังอีกด้วย ทำให้หลังจากที่เขาขายบริษัทจึงหันกลับมาหาความฝันที่ว่า ‘จะเป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะเป็นคนรุ่นแรกที่ไม่มีวันตาย?’

เขาได้ทุ่มเทเงินกว่า 4 ล้านดอลลาร์ พัฒนา ‘Blueprint Protocol’ หรือระเบียบปฏิบัติที่เข้มงวด ซึ่งเขาหวังว่าจะช่วยให้เขาสามารถย้อนวัยอวัยวะในร่างกายของตัวเขาให้เด็กลงได้ นอกจากนั้นยังใช้เงินอีกประมาณ 2 ล้านดอลลาร์ต่อปี ไปกับการใช้จ่ายเพื่อยืดอายุไข และลดอายุทางชีวภาพให้กับอวัยวะในร่างกายของตัวเอง

[ วิถีชีวิตประจำวันของไบรอัน ]

ด้วยเป้าหมายในการเป็นคนที่สุขภาพดีที่สุดในโลก ไบรอัน รวบรวมทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์กว่า 30 คน เพื่อออกแบบโปรแกรมในการดูแลสุขภาพและนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันของเขา

ในทุกๆ วัน ไบรอัน จะนอนเกิน 8 ชั่วโมงทุกคืน โดยจะเข้านอนในเวลา 20.30 น. และตื่นในเวลา 05.00 น. เขาจะออกกำลังกายอย่างน้อย 1-1.30 ชั่วโมงของทุกวัน และจะพัก 5 นาที เพื่อออกกำลังกายเบาๆ ในทุกๆ 30 นาทีระหว่างทำงาน

สำหรับเรื่องอาหารการกิน ไบรอัน จะรับประทานผักวันละ 2 กิโลกรัม พร้อมกับทานวิตามินและยาจำนวนมากในแต่ละวัน โดยในทุกเช้าเขาจะตื่นมาอาบแสงไฟจากหลอดไร้ยูวีที่ใช้ทดแทนแสงแดด พร้อมกับทานวิตามิน 3 เม็ด หลังจากนั้นเขาจะดื่มน้ำสูตรพิเศษที่ชื่อ ‘Green Giant’ ในแต่ละวันเขาทานวิตามินรวมกว่า 91 เม็ดด้วยกัน และจะดื่มน้ำครั้งสุดท้ายตอน 4 โมงเย็น ก่อนจะไม่รับประทานอะไรอีกจนเช้าวันถัดไป

[ ถ่ายเลือดลูกเข้าร่างกาย ]

นอกเหนือจากตารางการใช้ชีวิตในแต่ละวันแล้ว ไบรอัน ยังนำเอางานวิจัยที่ผ่านการทดลองกับสัตว์แล้วได้ผลดีมาปรับใช้ด้วย ตั้งแต่การกินยากดภูมิคุ้มกัน ยันการทำการบำบัดโรคด้วยพันธุกรรม หรือ Gene Therapy

สิ่งหนึ่งที่ ไบรอัน ทำเพื่อชะลอวัยของเขาคือการทำ Plasma Transfusion แนวคิดนี้มาจากการทดลองในหนู โดยผลทดลองชี้ว่าหนูแก่จะฟื้นฟูตัวเองได้ดีเมื่อได้รับการถ่ายเลือดจากหนูเด็ก ซึ่งลูกชายวัย 17 ปีของ ไบรอัน จะบริจาคเลือดให้กับเขาเพื่อนำไปเข้าเครื่องแยกพลาสมา และนำมาถ่ายเข้าร่างกายของไบรอัน ขณะที่ ไบรอัน ก็บริจาคเลือดของเขาให้กับพ่อวัย 70 เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม หลายความเห็นมองว่า ไบรอัน กำลังใช้ลูกเป็น ‘Blood Boy’ หรือเป็นเด็กหนุ่มที่ถูกเลี้ยงไว้เพื่อนำเลือดมาถ่ายให้กับคนที่แก่กว่า และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำเช่นนี้ ที่ผ่านมาเขาใช้เลือดจากเด็กหนุ่มสุขภาพดีที่มาบริจาค ผ่านการจูงใจด้วยการให้บัตรกำนัล

[ แช่แข็งร่างกายรอวันฟื้นคืนชีพ ]

เศรษฐีและผู้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อีกหลายคน ก็เคยลงทุนในบริษัทหรือโครงการเกี่ยวกับการยืดอายุและเป็นอมตะเช่นกัน นอกเหนือจากการลงทุนกับการวิจัยเพื่อการชะลอวัยแล้ว การพัฒนาเทคโนโลยีสู่ความเป็นอมตะ อย่างกระบวนการแช่แข็งร่างกาย หรือ ‘ไครโอนิกส์’ ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ถูกพูดถึงบ่อยครั้ง

ปีเตอร์ ธีล ผู้ร่วมก่อตั้ง PayPal ก็ประกาศว่าหลังจากเขาตาย เขาจะใช้เทคโนโลยีแช่แข็งร่างกายเอาไว้กับมูลนิธิ Alcor Life Extension Foundation ซึ่งเป็นมูลนิธิศูนย์แช่แข็งร่ายกายที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกตั้งอยู่ในรัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา

กระบวนการของ Alcor คือการเก็บร่างเอาไว้ในถังที่เป็นฉนวนสุญญากาศซึ่งบรรจุไนโตรเจนเหลวอยู่ข้างใน ร่างกายจะถูกรักษาไว้ที่อุณหภูมิ -196 องศาฯ และจะแช่ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีความก้าวหน้าทางการแพทย์ในอนาคตที่จะสามารถทำให้ร่างฟื้นคืนชีพได้

ผู้ที่สนใจแช่แข็งร่างตนเองต้องเสียค่าสมาชิกเริ่มต้น 60-200 ดอลลาร์ และเสียค่าสมาชิกรายปีตาม อายุ คูณด้วย 15 ดอลลาร์ต่อปี นอกจากนั้นยังสามารถเลือกแช่ร่างกายได้ 2 แบบ คือแช่ทั้งร่างราคาราว 220,000 ดอลลาร์ฯ หรือราวๆ 7.4 ล้านบาท หรือรักษาระบบประสาทราคาประมาณ 80,000 ดอลลาร์ฯ หรือราว 2.7 ล้านบาท 

วิธีการแช่แข็งร่างกายแบบนี้ได้รับการรับรองทางกฎหมายตั้งแต่ปี 1994 สามารถแช่แข็งร่างกายทั้งตอนที่เสียชีวิตแล้วและยังไม่เสียชีวิต โดยต้องได้รับความยินยอมจากตัวบุคคลและครอบครัว และต้องอนุญาตให้มูลนิธิ Alcor นำร่างไปทดลองทางวิทยาศาสตร์ต่อได้อีกด้วย ทางมูลนิธิเผยข้อมูลว่าในปี 2014 มีสมาชิกราว 1,443 คน และมีผู้มาใช้บริการแช่แข็งร่างกายแล้วกว่า 243 คน

อย่างไรก็ตามการทดลองต่างๆ ยังคงมีข้อกังขา นำมาสู่การตั้งคำถาม และข้อถกเถียงเกี่ยวกับอนาคตของมนุษยชาติว่าการไม่มีวันตายจะเป็นผลดีกับโลกจริงหรือไม่  และอะไรคือความหมายของการมีชีวิตอยู่ ไม่แน่ว่าหากมุนษย์พบปลายทางสู่ความเป็นอมตะได้ในท้ายที่สุด สิ่งที่คนเราโหยหาและมีราคาเหนืออื่นใดอาจจะเป็นความตายอันสุขสงบได้เช่นกัน 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า