Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ข่าวใหญ่ในโลกธุรกิจของเช้าวันนี้ (12 ม.ค. 2566) คงหนีไม่พ้นข่าวที่ ‘บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น’ หรือ BCP ประกาศเข้าซื้อกิจการ ‘เอสโซ่ ประเทศไทย’

โดยส่วนที่ลงนามซื้อขายแล้ว คือ หุ้นสัดส่วน 65.99% จาก ExxonMobil

แล้วจากนี้ ‘บางจาก’ จะต้องจะทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดที่เหลืออีก 34.01% ด้วย

มูลค่ากิจการของ ‘เอสโซ่ ประเทศไทย’ คือ 55,000 ล้านบาท ก่อนจะมีกลไกปรับราคาจากรายการทางการเงินต่างๆ หักหนี้สิน บวกเงินทุนหมุนเวียน ฯลฯ (ซึ่งราคายังเปลี่ยนแปลงได้ตามรายได้)

ทำให้เมื่อ ‘บางจาก’ เตรียมซื้อในสัดส่วน 65.99% ก็จะต้องจ่ายในราคาราว 20,000 ล้านบาท โดยราคาซื้อกิจการจะขึ้นอยู่กับราคาหุ้นในช่วงที่ ‘บางจาก’ เซ็นสัญญาซื้อขายอย่างเป็นทางการ

แต่จากข้อมูลที่บางจากทำให้เป็นตัวอย่าง คือ

– ราคาซื้อกิจการ ESSO ของเดือนมิถุนายน 2565 จะคำนวณได้เป็น 963 บาทต่อหุ้น มูลค่ารวมของหุ้นที่ซื้อขาย 21,982 ล้านบาท

– ราคาซื้อกิจการ ESSO ของเดือนกันยายน 2565 จะคำนวณได้เป็น 884 บาทต่อหุ้น มูลค่ารวมของหุ้นที่ซื้อขาย 20,198 ล้านบาท

ทำให้ราคาหุ้นที่ ‘บางจาก’ จะทำการซื้อจาก ExxonMobil ต่ำกว่าราคาหุ้นปัจจุบัน หรือหมายความว่า บางจากสามารถซื้อเอสโซ่ได้ในราคาถูกกว่าราคาตลาด

โดยอาจจะต้องบวกกับส่วนที่จะต้องจ่ายเพิ่มอีกในการทำคำเสนอซื้อหุ้นอีก 34.01% ด้วย โดย บล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินว่า หาก ‘บางจาก’ เข้าซื้อที่ 884-963 บาท/หุ้น ‘บางจาก’ จะต้องใช้เงินสูงสุดราว 30,594 – 33,328 ล้านบาท

ย้อนดูผลประกอบการ 3 ปีของทั้งสองบริษัท

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (BCP)

ปี 2563 รายได้ 136,982 ล้าน ขาดทุน 6,967 ล้าน

ปี 2564 รายได้ 200,695 ล้าน กำไร 7,623 ล้าน

ปี 2565 (9 เดือน) รายได้ 228,895 ล้าน กำไร 12,102 ล้านบาท

บริษัท เอสโซ่ ประเทศไทย (มหาชน) (ESSO)

ปี 2563 รายได้ 126,739 ล้าน ขาดทุน 7,911 ล้าน

ปี 2564 รายได้ 172,907 ล้าน กำไร 4,443 ล้าน

ปี 2565 (9 เดือน) รายได้ 199,381 ล้าน กำไร 11,072 ล้าน

สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่นอนหลังจากนี้ คือ แบรนด์ ‘เอสโซ่’ จะยังคงอยู่และจะไม่เปลี่ยนแปลงไปในช่วง 2 ปีนี้ สามารถทำการตลาดภายใต้แบรนด์ ‘เอสโซ่’ ต่อไปได้

นอกจากนั้น พอ ‘บางจาก’ ซื้อ ‘เอสโซ่’ สำเร็จจะมีกำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มเป็นรวม 294,000 บาร์เรลต่อวัน กลายเป็น ‘โรงกลั่นที่ใหญ่ที่สุด’ ของไทย

อีกอย่างที่น่าสนใจ คือ ‘บางจาก’ จะมีปั๊มน้ำมันเพิ่มขึ้น รวมทั้งหมดเป็น 2,100 สาขา ขึ้นเทียบพี่ใหญ่ ปตท ที่มีอยู่ 2,473 สาขา รวมถึง ‘ร้านอินทนิล’ จะได้ขยายสาขาเพิ่มจากราว 1,000 สาขา ไปอยู่ในสาขาของเอสโซ่อีก 700 สาขา

ส่วน ธุรกิจที่ ‘ไม่รวม’ ในการซื้อขายกิจการครั้งนี้ คือ ธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หล่อลื่นและการจำหน่ายเคมีภัณฑ์ของเอสโซ่ ต่อไป ExxonMobil จะยังคงจัดหาผลิตภัณฑ์หล่อลื่นและผลิตภัณฑ์เคมีในประเทศไทยต่อไป

ด้าน ‘สิ่งที่ต้องจับตาดู’ ต่อจากนี้ คือ ‘คุณภาพน้ำมัน’ ที่หลายคนกังวลว่าคุณภาพน้ำมันของเอสโซ่จะเปลี่ยนไปหรือไม่อย่างไร เพราะผู้บริโภคหลายๆ คนมองว่า คุณภาพน้ำมันของเอสโซ่ดีกว่าปั๊มน้ำมันอื่นๆ โดยเฉพาะปั๊มน้ำมันสัญชาติไทย

อีกอย่าง คือ ภาพรวมตลาดธุรกิจน้ำมันในไทยที่จะเปลี่ยนแปลงไป เพราะปั๊มน้ำมันสัญชาติไทยจะมีจำนวนมากขึ้นและขนาดธุรกิจใหญ่โตขึ้น แต่กำไรจะมาจากธุรกิจนอนออยล์ อย่างร้านกาแฟ ร้านอาหารมากกว่า

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า