SHARE

คัดลอกแล้ว

หลังจากที่ Netflix ประกาศสร้าง ออริจินัลซีรีส์ไทยเรื่องที่ 2  ล่าสุดก็ไม่ปล่อยให้แฟนๆ รอคอยอีกต่อไปกับซีรีส์ ‘Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง’ เมื่อเหตุการณ์ไม่คาดคิดพาชีวิตเข้าไปพัวพันกับความลับของกรุงเทพฯ การสืบหาความจริงอาจนำไปสู่จุดจบอันน่าสะพรึงกลัว

เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2564 ที่ผ่านมา Netflix ได้จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว ออริจินัลซีรีส์ไทยเรื่องที่ 2 ‘Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง’

ซึ่ง workpointTODAY PLAY ได้มีโอกาสเข้าร่วมสัมภาษณ์พิเศษ พูดคุยกับ ทีมนักแสดงนำ  เวียร์ศุกลวัฒน์ คณารศ เเละ ออมสุชาร์ มานะยิ่ง รวมถึงทีมผู้สร้างอย่าง ปราบดา หยุ่น เเละก้องเกียรติ โขมศิริ ถึงเบื้องหลังการทำงาน เเละความพิเศษของซีรีส์เรื่องนี้ เเละเกร็ดเล็กๆ ก่อนไปชม Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง’ กันเเบบเต็มๆ วันที่ 23 ก.ย. นี้ เวลา 14.00 น.

เวียร์ศุกลวัฒน์ คณารศ (รับบท วันชัย)

Q: เล่าถึงบทบาทที่ได้รับในซีรีส์

A: ในซีรีส์เรื่อง Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง ผมได้รับบทเป็นวันชัยครับ เป็นตัวละครที่มีความคล้ายคลึง กับผมอย่างหนึ่งคือเป็นคนต่างจังหวัด ผมเองก็มาจากจังหวัดขอนแก่น ส่วนคาแรคเตอร์ของวันชัยนั้นก็เป็นคนต่างจังหวัด ทั่วไปที่มีความจริงใจ ทำอะไรโดยใช้สัญชาตญาณเป็นตัวนำ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น แต่ครอบครัวค่อนข้างยากจนและมีปัญหา หนี้สิน เลยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาทำงานกับพี่ชายที่เขารักมากและอายุห่างกันไม่มาก ซึ่งเข้ากรุงเทพฯ มาทำงาน อยู่ก่อนแล้วตั้งแต่วันชัยยังเป็นเด็ก

Q: มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างหลังจากที่ได้รับบทนำในซีรีส์เรื่องนี้

A: ทุกๆ งานที่ผมได้รับโอกาส ผมจะพยายามศึกษาบทก่อน ซึ่งผมมีโอกาสได้พูดคุยกับพี่คุ่นปราบดา หยุ่น และพี่โขมก้องเกียรติ โขมศิริ อยู่ตลอดเกี่ยวกับคาแรคเตอร์ของวันชัย ทำให้เราได้ปรึกษากันว่าตัวละครจะเป็นอย่างไรและมี พัฒนาการไปในทิศทางไหน แม้ว่าผมกับวันชัยจะเป็นคนต่างจังหวัดเหมือนกัน แต่ผมก็ต้องทำความเข้าใจบางสิ่งบางอย่าง ในตัววันชัยที่ไกลตัวผม อย่างการอยู่ในสถานการณ์กดดันหรือการฝืนทำในสิ่งที่เราไม่อยากทำ เป็นต้น

Q: อะไรคือสิ่งที่น่าสนใจสำหรับซีรีส์เรื่อง Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง

A: สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือพัฒนาการของตัวละครวันชัยที่เริ่มจากเป็นคนใสๆ จากต่างจังหวัดที่มีเป้าหมายว่าจะเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาทำงานตามคำชวนของพี่ชายและหาเงินส่งไปใช้หนี้สินให้พ่อแม่ โดยตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนสุดท้ายของซีรีส์ผู้ชม จะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของคนที่เคยมีความหวังในชีวิตว่าจะได้มาเจอกับสิ่งดีๆ และอะไรใหม่ๆ แต่กลับต้องมาเจอ กับสิ่งที่ไม่คาดฝัน คือการเสียชีวิตของพี่ชายในอุบัติเหตุที่ทิ้งปมขนาดใหญ่เอาไว้ให้เขาต้องหาสาเหตุเบื้องหลัง นำไปสู่ การสืบหาความจริงว่ามันเกิดอะไรขึ้นในกรุงเทพฯ และพี่ชายของวันชัยมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรกับเรื่องเหล่านั้น ซึ่งใน ระหว่างทางก็จะเปิดมุมมองใหม่ของตัวละครที่มีต่อกรุงเทพฯ ว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด มีสิ่งไม่ดีซ่อนอยู่ภายใต้สิ่งที่ คนทั่วไปมองว่าดี โดยที่ซีรีส์จะนำเสนอทั้งสองแง่มุม คือด้านไม่ของสังคมเมือง และคนดีจากต่างจังหวัดที่เข้ามา แล้วเขา จะเอาตัวรอดอย่างไรในสังคมแบบนี้ด้วยความเป็นคนดีของตัวเอง

Q: ภาพของกรุงเทพฯ ที่ถูกนำเสนอในซีรีส์เรื่องนี้แตกต่างไปจากภาพจำเดิมๆ อย่างไร

A: สิ่งที่เกิดขึ้นในซีรีส์เรื่อง Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง มีทั้งสิ่งที่สวยงามและไม่สวยงามเลย มีทั้งภาพลักษณ์ ที่เหมือนจะดีแต่แท้จริงแล้วคือความเน่าเฟะ และการเล่าเรื่องผ่านคนต่างจังหวัดที่เข้าสู่เมืองหลวงพร้อมกับความรู้จัก ผิดชอบชั่วดี ได้มาร่วมมือกับนางเอกและทำให้ทุกอย่างดำเนินไปได้จนสมบูรณ์ มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นได้จริงในกรุงเทพฯ

Q: เล่าถึงประสบการณ์การฝึกทดลองงานกับอาสาสมัครกู้ภัยก่อนถ่ายทำซีรีส์เรื่องนี้

A: ทีมงานได้ไป workshop การกู้ภัยเพราะในซีรีส์มีมูลนิธิกู้ภัยเป็นหนึ่งในตัวดำเนินเรื่อง การกู้ชีพกู้ภัยถือว่าเป็นสิ่งที่ผม ได้เรียนรู้ใหม่ทั้งหมด ทำให้ผมได้รู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่ใครสักคนที่มีงานประจำอยู่แล้วจะมาใช้เวลาว่างเพื่อเป็นอาสาสมัคร กู้ภัย ทั้งการทำงานตอนกลางวันและการปฏิบัติหน้าที่ตอนกลางคืน การฝึกอบรมช่วยชีวิตคนก่อนนำส่งถึงโรงพยาบาล ต้องทำอย่างไรถึงจะถูกวิธีและต้องทำภายในเวลากี่นาที ในการถ่ายทำจึงต้องมีทีมงานที่เป็นกู้ภัยมืออาชีพจริงๆ เข้ามาร่วม แสดงด้วยเพื่อความสมจริง วันแรกผมอาจจะมองว่างานกู้ภัยเป็นอาชีพหนึ่งที่คงไม่ง่าย แต่เมื่อได้มาสัมผัส ด้วยตัวเองจน ถึงวันสุดท้ายผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่เป็นงานที่ไม่ง่ายแต่ถือเป็นงานที่ยากและท้าทายมาก ผมนับถือ หัวใจของอาสาสมัคร กู้ภัยทุกคนเลย เพราะเขาอุทิศตนให้กับการช่วยเหลือผู้อื่นกันเต็มที่จริงๆ

Q: มีการเตรียมตัวอย่างไรสำหรับฉากที่ต้องเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย

A: ชีวิตในวงการบันเทิงทำให้ผมมีโอกาสได้ถ่ายฉากแอ็กชันประมาณหนึ่ง พอได้มาทำงานกับ Netflix ยิ่งไม่รู้สึกลำบากใจ ในเรื่องของความปลอดภัยและเอ็ฟเฟ็กต์ต่างๆ เพราะทุกอย่างดูมีความเป็นมืออาชีพมากๆ แต่สิ่งที่ผมต้องเตรียมตัว คือความสมจริงของการแสดง ฉากที่ผมเข้าไปช่วยชีวิตเด็กออกมาจากอาคารที่ถูกไฟไหม้เป็นฉากที่สะท้อนว่าตัวละคร วันชัยทำทุกอย่างตามสัญชาตญาณแม้ว่าตัวเองยังไม่จบการฝึกกู้ภัย แต่เขาเห็นคนกำลังขอความช่วยเหลือและไม่อยาก ให้ใครตายต่อหน้า ยิ่งทำให้นึกถึงการตายของพี่ชาย กลายเป็นแรงผลักดันให้เข้าไปช่วยเด็กออกมาได้ ฉากนี้ทำให้ผมเข้าใจ ความรู้สึกของตัวละครว่าทำไมเขาถึงช่วยชีวิตคนได้สำเร็จในสถานการณ์ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้

Q: การทำงานร่วมกับคุณ ออมสุชาร์ เป็นอย่างไรบ้าง และตัวละครแคตมีบทบาทในชีวิตของวันชัยอย่างไร

A: ดีใจมากครับ เพราะเป็นการทำงานร่วมกันครั้งแรก ผมรู้สึกว่าคุณออมเป็นผู้หญิงตัวเล็กที่จิ๋วแต่แจ๋ว ส่วนแคตเป็น ตัวละครที่มีเป้าหมายคล้ายๆ กับวันชัย เริ่มจากการที่ทั้งสองคนจับพลัดจับผลูเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ไม่คาดคิดร่วมกัน เป็นคนกรุงเทพฯ คนเดียวที่วันชัยรู้จักและไว้ใจ โดยในส่วนของแคตซึ่งเป็นนักข่าวกำลังสืบความลับและเรื่องทุจริตของ องค์กรแห่งหนึ่งอยู่ ซึ่งกลับกลายเป็นว่างานของแคตกับการตามหาเบื้องหลังความตายของพี่ชายของวันชัยเป็นเรื่อง เดียวกัน ทำให้ทั้งสองคนมีโอกาสได้ไขปริศนาร่วมกันและใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อยๆ

Q: ประสบการณ์การทำงานกับผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างของซีรีส์เรื่องนี้เป็นอย่างไร

A: พี่คุ่นปราบดา หยุ่น และพี่โขมก้องเกียรติ โขมศิริ ดึงหลายๆ อย่างจากตัวผมเข้าไปอยู่ในคาแรคเตอร์ของวันชัย แล้วก็เอาความเป็นวันชัยเข้าไปใส่ในตัวของผมด้วย ทั้งสองท่านก็เลยเลือกผมมารับบทบาทนี้และค่อนข้างวางใจในตัวผม แต่เราก็ต้องคุยกันว่ามุมมองของตัวละครกับมุมมองของผมเหมือนหรือต่างกันอย่างไรเพื่อหลอมรวมออกมาเป็นคาแรคเตอร์ที่พี่คุ่นกับพี่โขมต้องการ นอกจากนั้นทั้งสองท่านก็ได้แนะนำซีรีส์บางเรื่องใน Netflix ให้ผมไปดูเพื่อศึกษาคาแรคเตอร์ ตัวละครที่คล้ายๆ กัน ซึ่งผมคิดว่าเป็นวิธีที่นำมาปรับใช้ได้ดี และรู้สึกเป็นเกียรติมากจริงๆ เพราะว่าติดตามผลงานทุกอย่าง ของพี่ๆ ทั้งสองท่านมาตลอด แต่ยังไม่เคยได้ร่วมงานกันมาก่อนจนได้มาเล่นซีรีส์เรื่องนี้

Q: ประสบการณ์การทำงานกับ Netflix เป็นอย่างไร

A: เป็นประสบการณ์ใหม่ เพราะส่วนใหญ่แล้วผมจะอยู่ในวงการถ่ายทำละครที่ออกอากาศทางโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ที่ฉาย ตามโรงภาพยนตร์ เลยดีใจมากเพราะผมต้องการทำอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ อยากร่วมงานกับนักแสดงใหม่ๆ ทีมงานใหม่ๆ สังคมใหม่ๆ บ้าง ทำให้ตัวเองได้อะไรใหม่ๆ ในชีวิต อาชีพการแสดงและวงการบันเทิงคือสิ่งที่ผมรักอยู่แล้ว ยิ่งได้มาทำงาน ร่วมกับคนที่รักในสิ่งเดียวกันก็ยิ่งสนุก และ Netflix ก็เป็นอะไรที่ใครๆ ก็อยากมีโอกาสร่วมงานด้วย ทำให้ผมรู้สึกภาคภูมิใจ ครับที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์เรื่อง Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง

Q: รู้สึกหรือคาดหวังอย่างไรที่ซีรีส์เรื่องนี้กำลังจะเผยแพร่สู่สายตาของผู้ชมชั่วโลกกับ Netflix

A: ผมมีความสุขครั้งแรกตั้งแต่รู้ว่าตัวเองจะได้มีโอกาสร่วมงานกับ Netflix ซึ่งความสุขนั้นดำเนินต่อมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ก่อน เปิดกองมาจนถึงในระหว่างการถ่ายทำ ผมคิดว่าความสุขนั้นจะไม่หายไปไหนแต่จะถูกส่งต่อไปหาผู้ชมที่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้ อย่างแน่นอน เราสร้างซีรีส์เรื่องนี้ขึ้นมาเพราะอยากให้ผู้ชมสนุกไปกับมัน อยากให้ทุกคนเชื่อ และมีส่วนร่วมไปกับเรื่องราว และเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งฉากที่อยากเอาใจช่วยและฉากที่ทำให้รู้สึกผิดหวังกับการกระทำของตัวละคร หรือแม้แต่ฉากที่ ทุกคนคาดไม่ถึงว่าเป็นไปได้อย่างไร แต่ในทุกๆ ตอนจะมีอะไรให้กับผู้ชมเสมอ

ออมสุชาร์ มานะยิ่ง (รับบท แคต)

Q: เล่าถึงบทบาทที่ได้รับในซีรีส์ 

A: ในซีรีส์รับบทเป็นแคตตัวละครนี้ทำงานเป็นนักข่าวบันเทิง ซึ่งจริงๆ แล้วแคตอยากทำสายอาชญากรรมหรือสายข่าว ที่ลุยๆ มากกว่า แต่ว่าด้วยบุคลิก รูปร่างหน้าตา และประสบการณ์ในการทำงานทำให้แคตได้รับมอบหมายเฉพาะงานข่าว บันเทิงไปก่อน

Q: ออมกับตัวละครแคตในซีรีส์มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร

A: แคตกับออมมีความเหมือนกันในเรื่องความเป็นตัวของตัวเอง มีความมุทะลุ เป็นคนตรงๆ แต่สิ่งที่แตกต่างคือแคตมีความ บ้าบิ่นกว่าออม ในการแสดงบางทีเรารู้สึกฟินที่ได้ทำสิ่งที่แคตทำหรือได้พูดสิ่งที่ตรงใจเราออกไปในบทบาทของตัวละครตัวนี้ แต่ในโลกความเป็นจริงเราคงไม่กล้าทำอะไรหลายๆ อย่างที่แคตทำ

Q: มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างเพื่อมารับบทบาทในซีรีส์เรื่องนี้ 

A: พี่คุ่นปราบดา หยุ่น กับพี่โขมก้องเกียรติ โขมศิริ ให้ออมมา workshop เตรียมตัวและให้ออกไปสังเกตการทำงานของ นักข่าว เลยได้มีโอกาสไปเจอกับพี่แยมฐปณีย์ เอียดศรีไชย ตอนนั้นตื่นเต้นมาก เพราะเราได้ไปเห็นการทำงานจริงๆ ซึ่งไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด พี่เขาคนเดียวทำเองทุกอย่างแล้วสามารถสื่อสารให้สังคมได้รับรู้เรื่องราวที่เขาต้องการจะสื่อ ออกไป เลยได้นำบางสิ่งบางอย่างในตัวของพี่แยมมาใช้ในตัวละครแคต อย่างความมุ่งมั่น ความไม่ย่อท้อ การเป็นตัวแทน ของความหวังและความแข็งแกร่งของผู้หญิง ทำให้ได้รู้ว่าการเป็นนักข่าวต้องอาศัยไหวพริบมากๆ ในการพูดและการสื่อสาร เหมือนกับการเทน้ำจากเหยือกลงแก้วให้พอดีและไม่ล้นจนเกินไปสำหรับเสิร์ฟให้ผู้ชม รู้สึกว่าเป็นงานที่ยากเหมือนกัน

Q: อะไรคือสิ่งที่น่าติดตามในซีรีส์เรื่อง Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง

A: Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง พูดถึงมุมมองหนึ่งเกี่ยวกับกรุงเทพฯ ซึ่งเรารู้ว่ามันเป็นมุมที่มีอยู่จริงใน ทุกซอกทุกมุมและทุกระดับชั้น คือการทุจริต โดยเล่าผ่านการดำเนินเรื่องของตัวละคร วันชัยที่มีบุคลิกของหนุ่มบ้านนอก เข้ามาในเมืองกรุง ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นความแตกต่างเพราะวันชัยที่เป็นคนต่างจังหวัด จะไม่ค่อยรู้ความเป็นไปและวิธี การใช้ชีวิตของคนกรุงเทพฯ ในขณะที่คนกรุงเทพฯ ก็จะมีมุมมองอีกแบบหนึ่ง แล้วพอวันชัย ต้องมาเจอกับเหตุการณ์ ที่เกินความคาดหมายไปมาก ได้เข้าไปอยู่ในโลกสีเทาๆ ตัวละครของเราก็ได้ไปเจอกับเขา ได้ช่วยเหลือกันและกันภายใต้ จุดมุ่งหมายเดียวกัน คือการตีแผ่ความจริงเบื้องหลังการทุจริต

Q: รู้สึกอย่างไรในขณะที่เล่นฉากแอ็กชันในซีรีส์เรื่องนี้

A: ถ้าเป็นเหตุการณ์ในชีวิตจริงก็กลัวนะ แต่ว่าในกองถ่ายจะไม่ค่อยกลัวเพราะเราค่อนข้างเชื่อใจทีมงานและผู้กำกับ ว่าทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองแล้วซึ่งรวมไปถึงการดูแลนักแสดงด้วย ดังนั้นเราก็ลุยเต็มที่และรู้สึกสนุกไปกับฉากแอ็กชัน หรือฉากที่มีความเสี่ยง ในระหว่างถ่ายทำ ก็คิดว่าเราจะปลอดภัยก่อนเป็นอันดับแรก แล้วค่อยคิดแบบตัวละครว่าถ้าต้องเจอ กับสถานการณ์แบบนั้นจริงๆ เขาจะคิด หรือรู้สึกอย่างไร รู้สึกกลัว หรือว่ารู้สึกเจ็บ คิดเป็นสเต็ปไปเรื่อยๆ

Q: ฉากไหนในซีรีส์ที่ชอบเป็นพิเศษ

A: ออมชอบฉากที่เรียบง่าย อย่างฉากที่แคตพาวันชัยไปเดินเล่นที่ตลาดในกรุงเทพฯ เพราะการสนทนามันดูจริง มันถ่ายทอดผ่านมุมมองของคนต่างจังหวัดที่ได้มาเห็นสิ่งที่แตกต่างจากอะไรที่เขาคุ้นเคยในที่ๆ เขาจากมา ตลาดใน กรุงเทพฯ ใหญ่กว่าตลาดที่บ้าน มีเทศกิจ คนกวาดขยะริมถนน แผงลอยบนพื้น เรารู้สึกว่ามันจริงกับความเป็นกรุงเทพฯ

Q: ประสบการณ์การทำงานในกองถ่ายซีรีส์เรื่องนี้เป็นอย่างไร

A: ซีรีส์เรื่องนี้ทำให้ได้ร่วมงานกับพี่คุ่นปราบดา หยุ่น, พี่โขมก้องเกียรติ โขมศิริ และพี่เวียร์ศุกลวัฒน์ คณารศ เป็นครั้งแรกก็เลยตื่นเต้นมากๆ เราชื่นชอบในตัวพี่คุ่นและความเป็นตัวเขาอยู่แล้วทั้งทัศนคติและวิธีคิด พี่คุ่นเป็นไอดอล ของยุคเรา ส่วนพี่โขมก็เป็นผู้กำกับในดวงใจที่เราชอบผลงานมาตั้งแต่เรื่องเฉือนภาพยนตร์ของพี่โขมตรงกับรสนิยม ของเรา พอได้มาทำงานร่วมกันก็ยิ่งตื่นเต้นมากๆ สำหรับพระเอกของเรื่อง ตอนแรกไม่รู้เลยว่าเป็นใครเพราะปิดเงียบมาก แต่พอรู้ว่าเป็นพี่เวียร์เรารู้สึกว่าคนนี้ใช่เลย ตัวละครวันชัยต้องเป็นพี่เวียร์แน่ๆ เราตื่นเต้นเพราะไม่เคยเจอตัวและไม่เคย ร่วมงานกับพี่เวียร์มาก่อน พี่เวียร์เก่งมาก ทำให้รู้สึกว่าเราต้องพัฒนาตัวเองไม่ให้ตามหลัง เราได้มาอยู่ในกองที่เต็มไปด้วย คนมีศักยภาพเจ๋งๆ เราได้มาอยู่กับทุกคน เราก็ทำตัวเองให้ดีและเข้าถึงบทบาทของตัวละครให้ได้มากที่สุด

Q: ประสบการณ์การทำงานร่วมกับ Netflix ครั้งแรกเป็นอย่างไร

A: ตื่นเต้นมากค่ะ เป็น production ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เราจะมาได้แล้ว เราอยู่ในวงการมาตั้งแต่เด็ก เริ่มจากการถ่ายหนัง ถ่ายละคร เล่นละครเวที เล่นซีรีส์ เรียกได้ว่าทำมาแล้วทุกอย่าง แต่ Netflix เป็นอะไรที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เราเคยทำงานมา มีผู้ชมเยอะมากๆ เราเองก็เป็นหนึ่งในผู้ชมของ Netflix เรารู้สึกว่า Netflix มีคุณภาพ และเราก็ได้เป็นหนึ่งในคนทำงาน ที่มีคุณภาพ ทำให้เราภูมิใจกับตัวเองมาก

ปราบดา หยุ่น (ผู้จัดและผู้อำนวยการสร้าง)

Q: ช่วยเล่าถึงที่มาของการตั้งชื่อซีรีส์เรื่องนี้ว่า Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง

A: ซีรีส์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ เราจึงอยากนำเสนอคำว่า Bangkok ที่คนทั่วโลกรู้จักผ่านไปกับ Netflix ส่วนคำว่า Breaking ที่เราต้องการจะสื่อสารออกไปมีความหมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการแตกออกมาจากสิ่งที่ไม่เคยเป็น แตกออกมาจากสิ่งที่เราเคยทำไม่ได้หรือว่าเคยแพ้มาก่อน หรือว่าการประสบความสำเร็จและการได้รับชัยชนะ รวมไปถึง การหยุดเพื่อที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า สอดคล้องกับพัฒนาการของตัวละครหลักๆ สองคนคือวันชัยกับแคต ที่เติบโตจาก การเป็นคนตัวเล็กๆ จากคนที่ไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถประสบความสำเร็จบนเส้นทางของตัวเองได้ แต่ในท้ายที่สุดสามารถ พาตัวเองก้าวข้ามสิ่งที่เป็นอุปสรรคไปได้ ซึ่งเป็นอีกความหมายหนึ่งของคำว่า Breaking ในเรื่องนี้

Q: ทำไมถึงอยากเล่าเรื่องราวของกรุงเทพฯ ผ่านตัวละครที่ทำอาชีพกู้ภัย

A: เราได้รับโจทย์มาจาก Netflix ว่าอยากนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับงานกู้ภัยในกรุงเทพฯ เพราะมันเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ สำหรับชาวต่างชาติ อาจจะมีเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้นที่มีงานอาสากู้ภัย เราก็หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานกู้ภัย ทั้งจากการสัมภาษณ์คนที่ทำงานนี้ตามมูลนิธิต่างๆ แล้วก็จากการอ่านข่าวสาร จากการดูคลิปต่างๆ แล้วนำมาพัฒนาบท ซึ่งทาง Netflix เองก็ไม่ได้อยากมองกรุงเทพฯ ผ่านสายตาของคนต่างชาติแต่อยากให้คนไทยได้มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ ซีรีส์เรื่องนี้ให้ได้มากที่สุด และสำหรับเรา งานอาสากู้ภัยมีจุดเด่นอย่างหนึ่งคือการที่ได้ไปพบเจอผู้คนหลากหลายรูปแบบ เนื่องจากการได้ไปช่วยเหลือเมื่อเกิดอุบัติเหตุต่างๆ กับใครก็ตาม จึงเป็นอาชีพที่ได้เห็นมิติต่างๆ ของชีวิตผู้คนในกรุงเทพฯ ในหลากหลายแง่มุม ซึ่งเรามองว่าการช่วยเหลือผู้อื่นของงานกู้ภัยเป็นกิจกรรมที่เหมาะสมในการพาผู้ชมไปเห็นมุมต่างๆ ของกรุงเทพฯ

Q: Mood & Tone ของกรุงเทพฯ ในซีรีส์เรื่องนี้เป็นอย่างไร

A: เป็นกรุงเทพฯ ที่มีความร่วมสมัยซึ่งมีสิ่งที่เป็นขั้วตรงกันข้ามอยู่ในนั้น คือไม่ได้เป็นแค่เมืองใหญ่ที่มีแต่ความหรูหรา หรือความเจริญเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีตรอกซอกซอยและมุมที่ถ้าไม่มีคนมาบอกว่าอยู่ในกรุงเทพฯ ก็แลดูเป็นส่วนไหน ก็ได้ในจังหวัดอื่นๆ ของประเทศไทย ดังนั้นใน Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง ผู้ชมจะได้เห็นทั้งด้านที่ทันสมัย และหรูหรามากๆ ย่านธุรกิจที่เต็มไปด้วยตึกสูงๆ และความเจริญทางเทคโนโลยี ถนนหนทางที่ดูทันสมัย แต่ในขณะเดียวกัน ก็จะได้เห็นชีวิตของผู้คนที่อยู่ชายขอบ ชุมชน วิถีชีวิตของคนธรรมดาที่ทำงานหาเช้ากินค่ำ รวมไปถึงความอบอุ่นของ ครอบครัว เป็นกรุงเทพฯ ที่มีความหลากหลายมากๆ

Q: มุมที่เราไม่เคยเห็นของกรุงเทพฯ ที่จะถูกนำเสนอในซีรีส์เรื่องนี้คืออะไร

A: สำหรับคนไทย สิ่งที่อาจจะไม่เคยเห็นคือการเล่าเรื่องผ่านสายตาของอาสากู้ภัย แม้ว่าเราจะเคยเห็นรถกู้ภัยหรือจุดที่เป็น มูลนิธิ แต่ไม่เคยเห็นชีวิตความเป็นอยู่ การทำงานหรือการฝึกฝนจริงๆ ส่วนในมุมของผู้ชมที่เป็นชาวต่างชาติ น่าจะได้เห็น สิ่งที่ไม่เคยเห็นของกรุงเทพฯ มากกว่าคนไทย เพราะภาพของกรุงเทพฯ ที่เขาเคยเห็นมักจะเป็นด้านการท่องเที่ยวเป็นหลัก ซึ่งเราแทบจะไม่มีมุมการท่องเที่ยวเลยในเรื่องนี้ แต่สิ่งที่จะได้เห็นเป็นถนนหนทาง การใช้ชีวิต สถานที่ทำงาน ซึ่งคนต่างชาติอาจจะไม่เคยเห็นและไม่เคยไปมาก่อน

Q: พูดถึงฉากสำคัญๆ ของซีรีส์เรื่องนี้

A: ฉากใหญ่ๆ ของ Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง เป็นฉากเกี่ยวกับอุบัติเหตุและอุบัติภัยใหญ่ๆ ที่ต้องมีการเข้าไป ช่วยเหลือกู้ชีพกู้ภัย อย่างไฟไหม้อาคาร อุโมงค์ถล่ม หรือฉากรถชนครั้งใหญ่ที่เป็นฉากเปิดของเรื่อง ซึ่งเป็นจุดสำคัญ ที่ทำให้ตัวละครได้โคจรมาพบกัน ก่อนจะนำไปสู่การไขปมปริศนาต่อๆ ไปในเรื่อง

Q: พูดถึงการพัฒนาบทและตัวละครของซีรีส์เรื่องนี้

A: ในซีรีส์เรื่อง Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง ตัวละครเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด เราเล่าเรื่องราวผ่านวันชัยที่แสดงโดยคุณเวียร์ศุกลวัฒน์ คณารศ เป็นตัวละครที่เดินทางจากต่างจังหวัดเข้ามาในกรุงเทพฯ แล้วได้เผชิญกับสิ่งที่ ไม่คาดฝันนำไปสู่การเดินทางของตัวละครที่มีทั้งขาขึ้นและขาลง ซึ่งการเดินทางของตัวละครนี้จะเป็นเส้นหลักของเรื่อง ไปด้วย เราก็ประกอบเรื่องจากตรงนั้น โดยมีอีกหนึ่งตัวละครหลักชื่อแคตที่เป็นนักข่าว ความสัมพันธ์ของสองตัวละครนี้ เกิดขึ้นโดยบังเอิญแต่ทำให้ทั้งสองคนต้องมาผจญภัยร่วมกันในสถานการณ์ที่อิงมาจากเรื่องราวการทำงานและประสบการณ์จริงของคนในวงการกู้ภัยที่เรามองว่าน่าสนใจ และที่สำคัญ หัวใจของบทก็คือการเล่าเรื่องที่สนุกสนาน น่าติดตาม มีความตื่นเต้น มีจุดหักมุม มีพัฒนาการของตัวละคร

Q: ความรู้สึกในฐานะผู้จัดที่ได้เห็นบทถูกพัฒนาจนกลายมาเป็นซีรีส์

A: ในฐานะผู้จัดที่ต้องดูภาพรวมของทุกๆ อย่างที่เกี่ยวกับซีรีส์เรื่องนี้รู้สึกว่าเป็นความสนุกและท้าทายอีกแบบหนึ่ง แต่สิ่งที่ชอบที่สุดอยู่ในระหว่างทางที่ทุกอย่างดำเนินไปและสิ่งที่เรากำลังประสบพบเจออยู่ในขณะนั้น นั่นคือการได้ร่วมงาน กับมืออาชีพหลายๆ คนที่อยู่ในวงการภาพยนตร์ไทยมายาวนานมากๆ และมีความเชี่ยวชาญงานในหน้าที่ของตนเองสูง ผมอาจจะเป็นคนที่หน้าใหม่ที่สุดแม้ว่าจะเคยมีประสบการณ์การทำภาพยนตร์มาบ้างก็ตาม ดังนั้นการได้ทำงานกับคนเก่งๆ และนักแสดงฝีมือระดับแนวหน้าของไทย การได้ถ่ายทำฉากใหญ่ๆ ในระดับที่ผมไม่เคยทำมาก่อน ทำให้รู้สึกตื่นเต้นมาก ที่ได้เห็นภาพที่เคยอยู่ในกระดาษค่อยๆ กลายเป็นความจริงขึ้นมาในทุกๆวัน ซึ่งแตกต่างจากงานเขียนหนังสือที่เป็น งานสันโดษ ทำคนเดียว คิดคนเดียว แม้ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องเหมือนกัน แต่งานภาพยนตร์ต้องอาศัยบุคลากรจำนวนมาก และทุกคนต้องมีเป้าหมายร่วมกันว่าจะต้องทำให้สำเร็จและต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การออกกองเป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่ผมชอบมาก ได้เห็นทุกคนช่วยกันทำให้งานแต่ละวันผ่านไปได้อย่างราบรื่นและดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ถือเป็น อุตสาหกรรมที่ต้องมีความรับผิดชอบและมีวินัยมาก การได้ทำงานกับคนที่มีประสบการณ์มากกว่ายิ่งช่วยผลักดันและทำให้ เรารู้สึกสบายใจมากขึ้นในการทำงาน

Q: พูดถึงประสบการณ์การทำงานร่วมกับ Netflix

A: เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์การทำงานแบบมืออาชีพตั้งแต่ขั้นแรกคือการพัฒนาบท การถ่ายทำ การทำ Post-Production ทุกขั้นตอนกับ Netflix มีมาตรฐานที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับ Hollywood ทำให้ได้เรียนรู้การทำงานในระดับ สากลจริงๆ ที่ช่วยให้เราก้าวต่อไปข้างหน้าและพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น

Q: รู้สึกอย่างไรที่ซีรีส์เรื่องนี้จะได้เผยแพร่สู่สายตาผู้ชมทั่วโลกผ่าน Netflix

A: แน่นอนว่าตื่นเต้นและดีใจที่จะได้เห็นงานเผยแพร่สู่สายตาคนทั่วโลก และภูมิใจที่ได้ทำงานกับทีมคนไทย หวังว่าจะ ออกมาดี และผู้ชมจะชอบซีรีส์เรื่องนี้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

ก้องเกียรติ โขมศิริ (ผู้กำกับและเขียนบท)

Q: ช่วยเล่าถึงความน่าสนใจของซีรีส์เรื่อง Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง

A: ซีรีส์เรื่องนี้นำเสนออีกมุมหนึ่งของกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองที่น่าสนใจ มีความย้อนแย้งในตัวเองสูงมาก คือเป็นเมืองที่มี ความเจริญ มีความหลากหลายของวัฒนธรรม แต่ก็มีเรื่องราวมากมาย ท้องถนนในกรุงเทพฯ มีอุบัติเหตุเยอะมาก และมี คนทำงานอาชีพกู้ภัยคอยจัดการกับเหตุไม่คาดฝันต่างๆ ซึ่งในต่างประเทศไม่มีคนทำอาชีพนี้ จึงเป็นอาชีพที่มีความน่าสนใจ ในหลายแง่มุมและน่านำมาพูดถึง เพราะถึงแม้การกู้ภัยจะเกิดขึ้นมาจากเจตนาที่ดีแต่มันก็มีด้านมืดๆ อยู่เหมือนกัน เลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวในซีรีส์เรื่องนี้ที่บอกเล่าความซับซ้อนและความลึกลับที่แฝงอยู่ในวงการและการที่มีคน อาศัยวงการนี้ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง โครงหลักของเรื่องเกิดจากไอเดียว่าถ้าเกิดเหตุบางอย่างขึ้นแล้วคุณเรียกมูลนิธิกู้ภัยมาช่วย แต่ถ้าเขาไม่ได้มาเพื่อกู้ภัยอย่างเดียวจะเกิดอะไรขึ้น นอกจากนั้น โดยปกติแล้วภาพที่ถูกนำเสนอบ่อยๆ เกี่ยวกับการทุจริต มักจะเป็นเรื่องยาเสพติด การเมือง การค้ามนุษย์ แต่ซีรีส์เรื่องนี้จะพาผู้ชมไปสัมผัสกับการทุจริตและการหาผลประโยชน์ ที่แฝงตัวอยู่ในความปลอดภัยของเมืองที่เต็มไปด้วยแสงสีล่อลวง ซึ่งในสังคมมักจะมีจุดดำที่คนคอยอาศัยช่องว่างในการ ทุจริตคอรัปชั่น ส่งผลต่อเนื่องเป็นเหมือนโดมิโนที่ขยายผลไปอย่างมหาศาล ซึ่งยังไม่เคยมีใครหยิบยกเรื่องตรงนี้มาเล่า

Q: พูดถึงเรื่องย่อคร่าวๆ ของ Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง

A: วันชัย พระเอกของเรื่องเดินทางจากต่างจังหวัดเข้ามาในกรุงเทพฯ เพื่อตามหาพี่ชายซึ่งทำงานอยู่กับมูลนิธิกู้ภัย แต่พอมาถึงปรากฏว่าพี่ชายเสียชีวิต เลยต้องพยายามหาทางไขปริศนาว่าจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้น เรื่องราวก็จะค่อยๆ คลี่คลาย เริ่มเจอกับตัวละครที่เป็นปริศนาและชวนให้เกิดการตั้งคำถาม ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างพระเอกกับนางเอก ที่เป็นนักข่าวซึ่งเข้ามาติดตามคดีนี้อยู่ก็พัฒนาไปพร้อมๆ กัน ในซีรีส์จะมีทั้งสิ่งที่เป็นสีดำและขาว มีคนดีและคนไม่ดี แย่งชิงพื้นที่กัน มีความพยายามที่จะจัดการกับปมบางอย่างที่ฝ่ายไม่ดีทำเอาไว้ ซึ่งเหตุการณ์ในแต่ละตอนจะดำเนินเรื่อง ระหว่างการสืบหาความจริง โดยที่พระเอกพาคนดูเข้าสู่โลกของวงการกู้ภัยและพาไปสู่ฉากสำคัญๆ ของแต่ละตอน มีทั้งดราม่า แอ็กชัน บางครั้งก็มีเรื่องให้คนดูเซอร์ไพรส์ มีหลายๆ อารมณ์ให้คนดูได้เจอ

Q: ในฐานะที่เป็นทั้งผู้กำกับและคนเขียนบท ช่วยเล่าถึงการทำให้ตัวหนังสือออกมาโลดแล่นเป็นซีรีส์

A: เราวางคาแรคเตอร์ไว้ค่อนข้างแน่นอนพอสมควรอยู่แล้ว จากนั้นก็ค่อยลงพื้นที่จริงๆ มีการทำ workshop กับอาสาสมัคร กู้ภัย นอกจากนั้นเรายังมีที่ปรึกษาบทเป็นหัวหน้าทีมประชาสัมพันธ์ของศูนย์ 1669 มาให้ความช่วยเหลือและให้ข้อมูล เกี่ยวกับเคสและเหตุการณ์ต่างๆ เพราะเราพยายามให้ซีรีส์สะท้อนชีวิตจริงของคนกลุ่มนี้ให้ได้มากที่สุด คนกลุ่มนี้ตื่นอยู่เพื่อ รอรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดในขณะที่เรานอนหลับ มันน่าสนใจว่าคนเหล่านี้ทำเพื่ออะไร ความมีมนุษยธรรมหรือ ผลประโยชน์บางอย่างเป็นตัวผลักดันกันแน่ ซึ่งสุดท้ายผู้ชมก็จะได้พบว่าจริงๆ แล้วมันมีหลากหลายเหตุผลมาก แต่ละคน มีความฝันและเหมือนมีชีวิตสองด้าน ตอนกลางวันคือคนที่มีชีวิตแบบคนปกติทั่วไป แต่ตอนกลางคืนเป็นเหมือนฮีโร่ที่ต้อง เปลี่ยนชุดออกมาทำอะไรบางอย่าง โดยมีมิติเรื่องดราม่า เรื่องชีวิต ความสนุกสนาน มิตรภาพและการผจญภัยต่างๆ หลอมรวมอยู่

Q: บรรยากาศของซีรีส์เรื่องนี้เหมือนกับกรุงเทพฯ ที่เราเคยเห็น หรือว่าแตกต่างออกไปอย่างไร

A: เราพยายามนำเสนอกรุงเทพฯ ในมุมแปลกใหม่ที่ไม่เคยเห็น เป็นเหลี่ยมที่ไม่ได้มีอยู่ในหนังสือโปรโมทการท่องเที่ยว แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้เห็นภาพของชุมชนเก่าที่ถูกล้อมไปด้วยตึกแบบ 360 องศา เชื่อมต่อกันด้วยถนน ซึ่งกลายมาเป็น คอนเซปต์แรกๆ เพราะถนนเชื่อมต่อทุกอย่างในเมืองเหมือนเป็นเส้นเลือดไหลผ่านอวัยวะทุกส่วนที่พึ่งพาอาศัยกัน จากคอนเซปต์นี้เราต่อยอดและออกแบบให้ภาพของเมืองที่จะนำเสนอมีความเชื่อมต่อกันระหว่างความเก่าและความใหม่ที่ ย้อนแย้งแต่ไม่ได้แยกขาดจากกัน เหมือนกับชุมชนเก่าที่ถูกตึกล้อม หรือหน้าวัดที่มีป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ติดไฟ LED สะท้อนความสัมพันธ์ของทุนกับวัฒนธรรม โดยมีแนวคิดคือการย้อนแย้งในเฟรมเดียว เกิดเป็นคำถามตั้งแต่แรกเห็นภาพ ของกรุงเทพฯ ว่าของใหม่กำลังมาแล้วของเก่าจะยังอยู่ต่อไปได้ไหม คนดูจะได้เห็นเมืองที่เต็มไปด้วยสีสัน เมืองที่ไม่ หลับใหล ซึ่งไม่ใช่เมืองที่มีแต่ด้านมืดมัว และรู้สึกสนุกไปกับมันได้ ผ่านการเล่าเรื่องของตัวละครที่ทำงานกู้ภัยซึ่งมีมุมเท่ๆ มีความเป็นฮีโร่และมีความเป็นทีมเวิร์ค

Q: พูดถึงการคัดเลือกนักแสดงนำทั้งสองท่านในซีรีส์เรื่องนี้เป็นอย่างไร

A: เราอยากได้ภาพของ Local Hero เป็นคนตัวเล็กๆ ที่ตัดสินใจลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างทั้งๆ ที่แทบจะไม่มีโอกาสหรือโดนปิดล้อมทุกทาง เป็นตัวแทนของคนต่างจังหวัดที่เดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ ดังนั้นคุณเวียร์ศุกลวัฒน์ เลยเป็นคำตอบ ภายนอกเขามีความแข็งแกร่งและภายในมีความอ่อนโยน ซึ่งจะสอดคล้องกับทิศทางของเรื่อง ที่มีบทโรแมนติกอยู่ด้วย เราอยากได้นางเอกเป็นผู้หญิงที่น่ารัก มีความเป็นเด็ก ตัวเล็กแต่กัดไม่ปล่อยและไม่ยอมคน บทบาทนี้เลยมาตกที่ น้องออมสุชาร์ แต่เราต้องทำให้ภาพของออมออกมาแตกต่างจากบทบาทที่เคยเล่นมาในเรื่องก่อนๆ ให้ดูเป็นนักข่าว มีความสู้คน มีความแข็งแกร่ง ก็เลยต้องเปลี่ยนลุคตั้งแต่ทรงผมที่ต้องตัดให้สั้นเพื่อความทะมัดทะแมง หรือวิธีการพูดจา ซึ่งเราได้ความอนุเคราะห์จากคุณฐปนีย์ เอียดศรีไชย ที่อนุญาตให้เราติดตามกองออกไปเวลาทำข่าว ทำให้น้องออมได้เห็นเคสจริงๆ ว่าการทำงานมันจริงจังและดุเดือดมาก ไม่ใช่ภาพนักข่าวอย่างที่เราเคยเห็น ส่วนเรื่อง เคมีของทั้งสองคนถือว่าเข้ากันได้ดีมากๆ เล่นด้วยกันแล้วน่ารัก

Q: ชอบฉากไหนในซีรีส์เป็นพิเศษ

A: ผมจะชอบฉากเล็กๆ อย่างฉากที่พูดคุยกันระหว่างเจ้าของมูลนิธิคุยกับตัวละครชื่อประธีป บทสนทนาเป็นการพูดคุยกัน ธรรมดา ถามกันว่าคุณทุจริตในองค์กรหรือเปล่า แล้วนักแสดงทั้งสองคนเล่นดี ผมจะรู้สึกประทับใจกับฉากแบบนี้ แต่ถ้าพูดถึงฉากแอ็กชันจะเป็นฉากไฟไหม้ใหญ่ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่พระเอกต้องเจอและได้ผจญเพลิง เป็นฉากที่เวียร์ศุกลวัฒน์ คณารศ เล่นจริง ลุยจริงในชุดกันไฟ ต้องวางเทคนิคกันเยอะพอสมควรแต่ได้ภาพที่ออกมาดูดีเป็นที่น่าพอใจ

Q: ในแง่ของ Production Design มี setting ไหนที่ถูกใจในฐานะผู้กำกับมากที่สุด 

A: ขอยกตัวอย่างเป็นออฟฟิศนักข่าวของนางเอกที่เราเนรมิตตึกร้างให้กลายเป็นออฟฟิศใหม่ทั้งหมด ดีไซน์ขึ้นมาภายใต้ กรอบความท้าทายว่ามันคือบริษัทที่มีอุดมการณ์เก่า เป็นหนังสือพิมพ์ที่สู้เพื่อความถูกต้องมาก่อน แต่ว่าในปัจจุบันมันถูก บริหารงานโดย CEO คนใหม่ด้วยวิธีคิดและวิธีการทำงานแบบใหม่ เป็นแนวคิดแบบเดียวกับการนำเสนอเมืองที่มีโลกเก่า ซึ่งถูกล้อมไว้ด้วยโลกใหม่ ให้ความรู้สึกว่าหลายๆ สิ่งกำลังจะถูกเปลี่ยนแปลง

Q: เล่าถึงประสบการณ์การทำงานร่วมกับ Netflix เป็นครั้งแรก

A: สนุกครับ การได้ทำงานกับ Netflix เพื่อนำเสนอซีรีส์ให้กับผู้ชมทั่วโลกคือโอกาสที่ทำให้เราได้สร้างสรรค์ผลงานที่มี ความเป็นสากล ดังนั้นถ้าเราจะเสิร์ฟรสชาติไทยก็ต้องเป็นรสชาติไทยที่ชาวต่างชาติกินได้ มีความเป็นไทยที่ชาวต่างชาติ ดูแล้วสนุกไปกับมันได้ เราได้ส่งมอบงานให้กับผู้คนมากมายจากหลากหลายประเทศและมีความแตกต่างทางวัฒนธรรม ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่มันก็พิสูจน์ตัวผมประมาณหนึ่งว่าผลงานจะได้เดินทางไปในหลายๆ ภูมิภาค ส่วนในด้าน การทำงาน Netflix มีระบบและมาตรฐานที่ชัดเจนอยู่แล้ว เราทำหน้าที่ในส่วนของเราให้สมบูรณ์ที่สุด โฟกัสให้ถูกจุด โฟกัสกับตัวละคร กับฉาก กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็เพียงพอ ทำให้รู้สึกว่าเรามีพื้นที่ในการทำงานอย่างอิสระ 

สำหรับซีรีส์ Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง’ เป็นเรื่องราวของ วันชัย เด็กต่างจังหวัดที่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาช่วยพี่ชายทำงานหาเงินส่งไปจุนเจือครอบครัว แต่กลับต้องมา พบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันและปริศนาที่ยากจะคลี่คลาย จึงต้องจำใจพาตัวเองเข้าสู่ด้านมืดของเมืองหลวงเพื่อค้นหา ความจริงผ่านการร่วมงานกับมูลนิธิกู้ภัย โดยได้รับความช่วยเหลือจากแคต นักข่าวสาวที่จับพลัดจับผลูมาร่วมตีแผ่ เรื่องราวเร้นลับที่แฝงตัวมาอย่างยาวนานภายใต้ฉากหน้าอันขาวสะอาด แต่ทั้งเขาและเธออาจต้องยอมเอาชีวิตเข้าแลก เพื่อให้ได้มาซึ่งความจริงอย่างที่ต้องการ

ร่วมหาบทสรุปของการเปิดโปงความลับซ่อนอยู่ในมุมมืดของเมืองลวงแห่งนี้พร้อมกัน ใน Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง วันที่ 23 ก.ย.นี้ ทาง Netflix 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า