‘ชัชชาติ’ เปิดสภากาแฟฯ รับฟังปัญหาคนกรุงเทพฯ 50 เขต หวังมีเลือกตั้งผู้ว่าฯ เดือน พ.ค. นี้

‘ชัชชาติ’ เปิดสภากาแฟฯ รับฟังปัญหาคนกรุงเทพฯ 50 เขต หวังมีเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในเดือน พ.ค.นี้ ตามไทม์ไลน์เดิมที่นายกฯ ประกาศไว้ พร้อมให้กำลังใจ ‘วิโรจน์’ รุ่นน้องวิศวะ จุฬาฯ ที่ตัดสินใจลาออกจาก ส.ส. ลงเป็นแคนดิเดต ย้ำถ้ายุบสภาฯ ก่อนก็ไม่หันกลับไปเล่นการเมืองใหญ่แน่นอน

วันที่ 25 ม.ค. 2565 ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม. ในนามอิสระ เปิดตัว “สภากาแฟ เพื่อนชัชชาติ” พื้นที่เปิดรับฟังแลกเปลี่ยนปัญหาจากเมืองและชุมชนเป็นรายเขตสู่การพัฒนาให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคน โดยสามารถรายงานปัญหาเมืองผ่าน Traffy Fondue ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ภาครัฐทำไว้อยู่แล้ว โดย สวทช. จากทีมงานจะรวบรวมข้อมูลมาสรุปเป็นนโยบายรายเขตเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ตั้งเป้าเปิดสภากาแฟฯ ให้ได้ 1,000 ร้าน ในทั้ง 50 เขต

ชัชชาติ กล่าวด้วยว่า เราต้องการพื้นที่แบบนี้มากกว่าศูนย์ทางการเมือง เพราะศูนย์แบบนั้นไม่มีใครมานั่งหรอก ก็จะมีแต่พวกเรา (ทีมงาน) เข้าไป เลยคิดแว๊บขึ้นมาคำว่า สภากาแฟ เพราะเป็นสิ่งที่มีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ที่คนจะได้มาเจอกันแลกเปลี่ยนความเห็นกัน พื้นที่นี้ไม่จำเป็นต้องเป็นคนชอบหรือไม่ชอบเรา ต่างวัยของ Generation ทั้งนี้ปัญหาเมือง อย่าไปรอนักการเมืองหรือใครมาแก้ ต้องเริ่มที่จุดย่อย เส้นเลือกฝอยของเราเอง

ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังเปิดตัวสภากาแฟฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้สมัคร กทม. ในนามอิสระ ได้ทดลองเดินข้ามทางม้าลายที่แยกชักพระ ถนนชัยพฤกษ์ ภายหลังเปิดสภากาแฟฯ รับฟังปัญหาคนกรุงเทพฯ โดยพบว่า ขณะที่ ‘ชัชชาติ’ เดินข้ามทางม้าลายนั้น รถยนต์หลายคันไม่ได้ชะลอรถ หรือ ตั้งใจจะหยุดให้คนเดินข้ามถนน แต่แล้วก็มีคันหนึ่งที่หยุดให้เดินข้าม ซึ่ง ชัชชาติ ได้พูดว่า ต้องขอบคุณรถคันที่หยุดให้ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า เราให้สิทธิรถมากกว่าคน แตกต่างจากต่างประเทศ เพียงแค่เห็นคนเดินลงถนนตรงทางข้ามที่ถูกกฎหมาย รถก็พร้อมใจกันหยุดให้คนเดินข้าม นอกจากนี้ยังพบว่า สีขาวที่เป็นทางม้าลาย สีซีดจางและมองเห็นไม่ชัดเจนด้วย

นอกจากนี้ ชัชชาติ ได้ให้สัมภาษณ์กรณี วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ตัดสินใจลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. ว่า “ดีครับคุณวิโรจน์จริงๆ เป็นวิศวะ รู้สึกจะเป็นรุ่นน้องที่วิศวะ จุฬาฯ เป็นคนที่เก่งเรื่องสภาฯ ที่ผ่านมา เราก็เห็นผลงานและก็ชื่นชม เพราะเขาทำให้งานสภาฯ เปลี่ยนรูปแบบไป ก็เป็นกำลังใจให้คุณวิโรจน์ ที่มาร่วมกันเสนอทางเลือกให้กับคนกรุงเทพฯ”

“ผมก็เคยพูดไปแล้ว จริงๆ เขาต้องลาออกก่อนไหมไม่แน่ใจ ก็เสียดายเพราะว่าทำงานสภาฯ ได้เข้มแข็ง ผมก็ชื่นชมบทบาทที่ตรวจสอบรัฐบาล แต่ไม่เป็นไรครับ ในเมื่อท่านวิโรจน์เลือกทางนี้  เราก็ให้กำลังใจและสนับสนุนท่านเพราะท่านตัดสินใจแล้ว”

ส่วน สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์  แคนดิเดต ผู้ว่าฯ กทม. อีกคนที่ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ชัชชาติ บอกว่า “ดีที่ทุกคนจะได้ลงไปเห็นปัญหา ผมว่าก็กระตุ้นดี ทำให้ กทม. ขยันทำงานขึ้นด้วย หรือเปล่าไม่แน่ใจ ทำให้ทุกคน Active ที่จะดูแลประชาชน ผลดีก็มาอยู่ที่ประชาชนดีครับ”

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. จะเกิดขึ้นได้เมื่อใด ชัชชาติ ตอบว่า “มันน่าจะเกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้วนะผมว่า  ค่อนข้างนาน คือคนเรียกผมเป็นผู้ว่าฯ จนผมหมดเทอมแล้ว ก็ไม่เป็นครับก็รอครับ คือคิดว่าจริงๆ ควรจะพฤษภามั้งครับ เห็นท่านนายกฯ เคยพูดไว้ว่าครึ่งปีแรก เราก็เชื่อว่าท่านจะทำตามที่ท่านพูดไว้ ก็แค่นี้ครับ เราคงเชื่อคนอื่นไม่ได้ เพราะอำนาจอยู่ที่ท่าน ..ถ้าท่านเปลี่ยนท่านก็บอกเรา เราจะได้เปลี่ยนเป้าหมาย”

เมื่อถามว่ามีการประเมิน นายกฯ อาจยุบสภาก่อน ให้เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ชัชชาติ ตอบว่า “พอผมมาลงในนามอิสระ ไม่ได้ไปสนใจเรื่องการเมืองใหญ่ ก็ไม่ทันจริงๆ ว่าจะยุบหรือไม่ยุบ ก็ยัง งง ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเรื่องลาออก ออกจากพรรค รู้พอๆ กับพวกเราคงความเห็นไม่ได้”

เมื่อถามว่า การเปิดตัวของ วิโรจน์ เป็นตัดคะแนนหรือไม่ ชัชชาติ กล่าวว่า “คือผมว่าทุกคนโดนตัดคะแนนหมด… เพราะสุดท้ายประชาชนก็ต้องเลือกคนเดียว ผมว่าถ้าเราไปกังวลเรื่องตัดคะแนนกันมากสุดท้ายเราก็ไม่ต้องทำอะไร ผมว่าจริงๆ บางคนอาจโดนตัดคะแนนมากกว่าเราด้วยซ้ำ เขาอาจมีกลุ่ม segment เดียวกันที่มีหลายพรรคมาร่วมกัน ผมว่าอย่ากังวลตรงนี้แล้วกัน ถ้ากังวลก็ปวดหัว”

เมื่อถามว่า หากมีการยุบสภาฯ ก่อนจริง จะกลับไปเป็นแคนดิเดต นายกฯ หรือไม่  ชัชชาติ ตอบว่า “ไม่เอาครับ ก็อยู่ผู้ว่าฯ นี่แหล่ะครับ ทำตรงนี้ การเมืองใหญ่มัน เราประกาศตรงนี้แล้วต้องลุยต่อไปครับ ไม่คิดจะไปทำการเมืองใหญ่ ทีมงานของเราทุกคนก็สนุกกับการทำงานตรงนี้ เพราะฉะนั้นเราก็คงแก้ปัญหาเมืองไป ถ้าไม่มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ก็ไปงานอะไรที่ช่วยเมืองได้ มีอีกเยอะแยะที่ไม่เป็นผู้ว่าฯ ก็ทำให้เมืองได้”