‘ธนาคาร’ กับภารกิจเป็นแหล่งเงินทุน ท่ามกลางปัจจัยกดดันทางเศรษฐกิจ

ในท่ามกลางปัจจัยกดดันต่อเศรษฐกิจไทย และส่งผลกระทบกับการดำเนินธุรกิจทั้งสภาพคล่อง และปัจจัยในการดำเนินชีวิต ภาคการเงินอย่าง ‘ธนาคาร’ รับภารกิจสำคัญต่อเนื่องในฐานะกลไกหลักของการเป็นแหล่งเงินทุนที่สำคัญให้กับธุรกิจต่างๆ เพื่อช่วยประคับประคองให้ธุรกิจกลับฟื้นตัวและไปต่อได้ รวมถึงเพิ่มโอกาสให้กับกลุ่มประชาชนที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินชีวิต

ย้อนกลับไปในปี 2563 ปีแห่งความสิ้นหวังท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หลายคนไม่สามารถออกไปทำงานแบบปกติและธุรกิจจำนวนมากต้องหยุดกิจการลง จากการใช้มาตรการ Social distancing ปิดสถานที่ ปิดเมืองและยุติกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ มาตรการความช่วยเหลือของธนาคารกสิกรไทยที่ยังคงมีอยู่ถึงปัจจุบัน ถึงแม้สถานการณ์คลี่คลายไปแล้ว โดยเฉพาะมาตรการแบ่งเบาภาระหนี้ให้ลูกค้ารายย่อยและกลุ่มเปราะบาง ซึ่งในปี 2563 ธนาคารกสิกรไทยได้ช่วยเหลือลูกค้าไปกว่า 1.6 ล้านราย หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 428,000 ล้านบาท ภายใต้มาตรการช่วยเหลือตามแนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

ตลอดจนมาตรการเสริมสภาพคล่อง ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่ออัตราดอกเบี้ย 0% ระยะเวลา 1 ปี สำหรับธุรกิจเอสเอ็มอี สินเชื่ออัตราดอกเบี้ย 1% ระยะเวลา 5 ปี สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 2% ระยะเวลา 2-5 ปี สำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็ก และวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 1 ล้านบาทสำหรับลูกค้ารายย่อย

ซึ่งนับว่าผ่านมาแล้ว 4 ปี จากปี 2563 จนมาถึงปัจจุบันปี 2567 ธนาคารกสิกรไทยยังคงมุ่งมั่นดูแลช่วยเหลือลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพราะถึงแม้ธุรกิจจะได้กลับมาดำเนินต่อและผู้คนจะได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แต่เศรษฐกิจไทยจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟู

และที่สำคัญแม้ว่าจำนวนลูกค้าที่อยู่ภายในมาตรการช่วยเหลือจะทยอยลดลงตามสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ค่อยๆ ดีขึ้นในแต่ละปีตามลำดับ แต่ภาวะเศรษฐกิจยังคงมีความท้าทายและฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินเศรษฐกิจไทย (GDP) ปี 2567 อาจขยายตัว 3.1% (กรณีฐาน) ซึ่งได้แรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว การใช้จ่ายของภาครัฐ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และการส่งออกที่อาจพลิกเป็นบวก

ขณะที่ความเสี่ยงคือต้นทุนธุรกิจที่ยังมีแนวโน้มทรงตัวสูงขึ้นทั้งจากราคาน้ำมันและค่าไฟฟ้า รวมถึงค่าจ้างที่ขยับตามการปรับขึ้นของค่าแรงขั้นต่ำ และอัตราดอกเบี้ยในประเทศที่ยังคงทรงตัวสูงต่อเนื่อง

ปัจจัยเหล่านี้จะเป็นความท้าทายและเป็นสภาพแวดล้อมของการทำธุรกิจที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญ ซึ่งในภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่สู้ดี จึงมีทั้งธุรกิจที่ไปรอดและไม่รอดเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน

ทางออกคือ ‘เงินทุน’ จึงกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการยังคงต้องการ เพื่อเติมสภาพคล่องให้กิจการดำเนินไปได้อย่างราบรื่น และที่สำคัญเมื่อธุรกิจสามารถเดินต่อไปได้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะนำพาเศรษฐกิจและประเทศให้ค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นตามไปด้วยเช่นเดียวกัน

ซึ่งปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยยังคงให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 3 ปี 2566 มีลูกค้าที่อยู่ในมาตรการช่วยเหลือแบบเบ็ดเสร็จตามแนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทย คิดเป็นยอดสินเชื่อกว่า 166,000 ล้านบาท และธนาคารก็ยังยืนหยัดที่จะช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเหล่านี้ต่อไป

สุดท้ายในยามวิกฤตสิ่งที่เห็นชัดเจนมากขึ้นคือธนาคารไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่ฝากถอนเงินเท่านั้น แต่เป็นเหมือนเสาหลักของผู้ประกอบการ ช่วยประคับประคองลูกค้าที่มีศักยภาพให้สามารถก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปสู่วันที่กิจการกลับมาเบ่งบานและแข็งแกร่งอีกครั้ง