วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติรับรอง เอมี โคนีย์ บาร์เรตต์ เป็นผู้พิพากษาศาลสูงสหรัฐฯ

วุฒิสภาสหรัฐฯ รับรองให้นางเอมี โคนีย์ บาร์เรตต์ เป็นผู้พิพากษาศาลสูงสหรัฐฯ คนใหม่ หลังเกิดข้อถกเถียงระหว่างสองพรรคการเมืองใหญ่ว่า ควรแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูงสหรัฐฯ ในช่วงปลายวาระของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์หรือไม่

นางเอมี โคนีย์ บาร์เรตต์ เข้าพิธีสาบานตนในการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลสูงสหรัฐฯ โดยมีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ร่วมพิธีด้วย หลังวุฒิสภาสหรัฐฯ มีมติรับรองนางบาร์เรตต์ เป็นผู้พิพากษาศาลสูงอย่างเป็นทางการ ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปของสหรัฐฯ แค่ 1 สัปดาห์

วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติเห็นชอบด้วยคะแนน 52 เสียง ไม่เห็นชอบ 48 เสียง โดยคะแนนเห็นชอบทั้งหมดมาจากสมาชิกวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกัน ยกเว้นสมาชิกวุฒิสภาซูซาน คอลลินส์ จากรัฐเมน ที่โหวตสวนมติพรรค เพราะเธอกำลังอยู่ในช่วงสู้ศึกเลือกตั้ง รักษาตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาในรัฐเมนอีกสมัย

ส่วนคะแนนไม่เห็นชอบทั้งหมดมาจากสมาชิกวุฒิสภาพรรคเดโมแครต ซึ่งก่อนหน้านี้ฝ่ายเดโมแครตเสนอว่า ควรระงับการแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูงสหรัฐฯ ไปก่อน เพื่อให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งวันที่ 3 พฤศจิกายน เป็นผู้เลือกผู้พิพากษาศาลสูงคนใหม่

นางบาร์เรตต์เป็นผู้พิพากษาศาลสูงสหรัฐฯ คนที่ 3 ที่ได้รับการแต่งตั้งในสมัยรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลให้ศาลสูงสหรัฐฯ มีผู้พิพากษาที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมมากขึ้นเป็น 6 คน ครองเสียงส่วนใหญ่เมื่อเทียบกับจำนวนผู้พิพากษาที่มีแนวคิดเสรีนิยมซึ่งมีอยู่ 3 คน

ผู้พิพากษาบาร์เรตต์ปัจจุบันมีอายุ 48 ปี และโดยตำแหน่งผู้พิพากษาศาลสูงสหรัฐฯ แล้ว เธอสามารถอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ตลอดชีวิต ซึ่งที่ผ่านมาผู้พิพากษาบาร์เรตต์มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมชัดเจน และอาจส่งผลต่อการชี้ขาดกฎหมายบางประเด็น เช่น กฎหมายทำแท้ง รวมไปถึงกฎหมายประกันสุขภาพสมัยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่เรียกกันว่า โอบามาแคร์ เป็นต้น

การแต่งตั้งผู้พิพากษาบาร์เรตต์ จนทำให้คะแนนฝ่ายอนุรักษ์นิยมในศาลสูงสหรัฐฯ ครองเสียงส่วนใหญ่ในสัดส่วนที่มากขึ้น ทำให้มีนักการเมืองพรรคเดโมแครตบางส่วนเริ่มรณรงค์ให้นายโจ ไบเดน ใช้อำนาจแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูงสหรัฐฯ เพิ่ม (Court-packing) หากได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไป เพื่อแต่งตั้งผู้พิพากษาที่มีแนวคิดเสรีนิยม เข้าไปคานฝ่ายอนุรักษ์นิยม ซึ่งประเด็นนี้ นายโจ ไบเดน ยังสงวนท่าทีโดยระบุเพียงว่า หากได้เป็นผู้นำสหรัฐฯ จะเสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการที่ตัวแทนทั้งสองพรรคการเมืองพิจารณาอีกครั้ง