บลูบิค กางแผนธุรกิจปี 67 ลุยตลาดต่างประเทศ สร้าง Synergy ต่อเนื่อง หลังปี 66 ทุบสถิติกำไรนิวไฮ แย้มข่าวดีเตรียมจ่ายปันผล 0.80 บาท/หุ้น ภายใน พ.ค.นี้
บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ครบวงจร เปิดแผนธุรกิจปี 2567 เดินหน้าขยายฐานลูกค้าแบบ 360 องศา ครอบคลุมลูกค้าขนาดกลาง ใหญ่ ทั้งในและต่างประเทศ
นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับปี 2567 แม้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนของภาคธุรกิจ แต่ความต้องการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันยังเติบโต เพราะการลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรมต้องทำอย่างต่อเนื่องและเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการเลือกใช้เทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์เทรนด์การทำธุรกิจ
โดยบลูบิค ปักหมุดรุกตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เล็งใช้ประโยชน์จากบริษัทในเครือเพื่อขยายฐานลูกค้าเพิ่ม และแนวโน้มการลงทุนด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันทั่วโลกยังเติบโตถึง 10% หรือราว 2.51 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ ทำให้บลูบิค มั่นใจว่าผลประกอบการปี 2567 สามารถโต 50% ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยผลประกอบการปี 2566 โตกว่าเป้า มีกำไรสุทธิ 303 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 132% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (YoY) และรายได้อยู่ที่ 1,313 ล้านบาท โตขึ้น 133% (YoY)
นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมประกาศมติประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 1/2567 ที่ได้มีการอนุมัติและเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในการจ่ายปันผลจากผลดำเนินงานงวดปี 2566 มูลค่า 0.80 บาทต่อหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 108,882,400 หุ้น โดยแบ่งออกเป็นหุ้นสามัญปันผลจำนวนไม่เกิน 45.57 ล้านบาทหรือ 0.4185 บาทต่อหุ้น และเป็นเงินสดจำนวนประมาณ 41.54 ล้านบาท หรือ 0.3815 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันที่ไม่ได้สิทธิรับเงินปันผล (XD) วันที่ 30 เมษายน 2567 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผลในวันที่ 21 พฤษภาคม 2567
[ 6 ปัจจัยบวกที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของบลูบิค ]
1) แผนการทำงานร่วมกันระหว่างบริษัทย่อยในเครือ เพื่อสร้าง Economy of Scale รวมถึงการเพิ่ม Employee Utilization Rate ของพนักงาน
2) แผนการเพิ่มรายได้ In-Organic Growth รวมถึงการมองหาดีล M&A ใหม่ ๆ เพื่อเสริมแกร่งและใช้ประโยชน์จากเครือข่ายของบริษัทย่อย
3) แผนขยายตลาดต่างประเทศ มุ่งเน้นเจาะตลาดที่มีศักยภาพสูง อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีแนวโน้มการลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเติบโตต่อเนื่อง
4) แผนต่อยอดการเติบโตของบริการหลักจากเทรนด์ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน เช่น เทรนด์ด้าน Generative AI และ เทรนด์การโจมตีทางด้านไซเบอร์ เป็นต้น
5) ปัจจัยบวกจากการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเต็มปีเพิ่มเติม จากบริษัท วัลแคน ดิจิทัล เดลิเวอรี่ จำกัด (BBVC) และบริษัท อินโนวิซ โซลูชั่นส์ (Innoviz) ที่คาดว่าจะได้รับอนุมัติในครึ่งปีหลังของปีนี้
6) ส่วนแบ่งกำไรปี 2567 เพิ่มขึ้นจากการถือครองหุ้นเพิ่มใน Innoviz จากเดิม 55% (ณ สิ้นปี 2566) เป็น 85% โดยกระบวนการซื้อขายหุ้นเพิ่มคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้