ถึงเวลาธุรกิจไทยต้องพัฒนาแอปพลิเคชันขนาดใหญ่ (Large Scale Application) เพื่อเข้าถึงคนได้หลักล้าน
องค์กรไทยมีความสามารถมากพอที่จะพัฒนาแอปพลิเคชันขนาดใหญ่ (Large Scale Application) หรือแอปที่มีการใช้งานหลักล้านรายขึ้นไปในเวลาเดียวกัน ตัวอย่างความสำเร็จที่เกิดขึ้นแล้วคือแอปธนาคาร และแอปต่างๆ ของภาครัฐ
TODAY Bizview มีโอกาสได้คุยประเด็นนี้กับ ‘บลูบิค กรุ๊ป’ หรือ BBIK ที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ผู้มีส่วนช่วยพลิกฟื้นปฏิรูปองค์กรด้านเทคโนโลยีมาแล้วหลายบริษัท เปิดเบื้องหลังความสำเร็จของการพัฒนาแอปพลิเคชันขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับผู้ใช้งานหลักสิบล้านราย
เหตุผลที่ต้องยกเรื่องนี้มาพูดคุย เพราะตลาดแอปพลิเคชันในไทยกำลังเติบโตขึ้นทุกปี นอกจากนี้ 93% ของผู้ใช้งานดิจิทัลในไทยยังเป็น mobile first เป็นทิศทางบวกที่ทำให้เทรนด์ Large Scale Application เกิดขึ้นในไทยได้และเป็นเรื่องที่องค์กรยุคใหม่ไม่อาจมองข้าม การพูดคุยครั้งนี้นำโดย ‘ปกรณ์ เจียมสกุลทิพย์’ ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี และ ‘สรณัญช์ ชูฉัตร’ ประธานเจ้าหน้าที่พัฒนาประสบการณ์ ของบริษัท BBIK
[ แบบไหนถึงจะเรียกว่าเป็นแอปพลิเคชันขนาดใหญ่ ]
‘ปกรณ์’ บอกว่า แอปพลิเคชันขนาดใหญ่ หรือ Large Scale Application มี 5 ลักษณะด้วยกันคือ
1.High Concurrent User มีการใช้งานพร้อมกันเป็นจำนวนมาก เช่น Taobao, Shopee
2.High Transaction Throughput มี Transaction การใช้จ่ายผ่านแอปในจำนวนมหาศาล หรือแม้แต่การกดเพิ่มสินค้าเข้ามาในตะกร้าแม้ยังไม่ได้จ่ายเงินนับเป็น Transaction ประเภทหนึ่ง
3.Massive Data Volume มีข้อมูลจำนวนมหาศาล เช่น แอปพลิเคชันช้อปปิ้ง แอป mobile banking เป็นต้น แอปขนาดใหญ่เหล่านี้เก็บข้อมูลผ่าน log แต่เข้ามาดูสินค้า เข้ามาดูร้านค้า ก็นับเป็น data ที่เก็บเอาไว้ได้ สำหรับแอปใหญ่คนใช้เยอะ อาจถึงระดับกิกะไบท์หรือเทราไบท์ต่อวันซึ่งเป็นจำนวนมหาศาล
4.Integration Point มีการเชื่อมต่อระบบหลายจุด ยกตัวอย่างเช่น แอปธนาคาร ระบบพร้อมเพย์ มีการเชื่อมต่อ API กับร้านค้าออนไลน์ เชื่อมต่อกับระบบ virtual banking เพื่อให้การทำธุกรรมนั้นไร้รอยต่อ
5 Strict Performance and Security ยิ่งแอปมีขนาดใหญ่ คนใช้เยอะ ยิ่งต้องการันตีประสิทธิภาพการใช้งาน พร้อมใช้ 24 ชม. และต้องการันตีความปลอดภัย โดยธรรมชาติแล้วองค์กรจะลงทุนระบบความปลอดภัยเพื่อหลีกเลี่ยงการโจรกรรมข้อมูล ซึ่งถ้าเกิดขึ้นแล้วรับมือได้ไม่ดีจะกระทบชื่อเสียงบริษัท
องค์กรจะไม่พึ่งพาเซิร์ฟเวอร์เดียว แต่ต้องใช้โครงสร้างทางเทคนิคแบบไมโครเซอร์วิสรองรับการขยายใช้งานทันที
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือวันลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต เมื่อมีคนมาลงทะเบียนโหลดถึงจุดพีค เซิร์ฟเวอร์เครื่องเดียวไม่สามารถรองรับได้ ต้องใช้ไมโครเซอร์วิส และคลาวด์คอมพิวติ้งที่มีความยืดหยุ่นกว่า
[ ไทยพร้อมแล้วสำหรับตลาดแอปพลิเคชันขนาดใหญ่ ]
นอกจากไทยเราจะมีผู้ใช้งานดิจิทัลเยอะแล้ว ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ช่วยหนุนการเติบโตของแอปพลิเคชันขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนจากภาครัฐผ่านนโยบายต่างๆ เช่น Thailand 4.0 และ Cloud First Policy รวมถึงโครงการขนาดใหญ่ เช่น Digital Wallet และ Digital ID สิ่งเหล่านี้สร้างโครงสร้างพื้นฐานและผลักดันให้เกิดการใช้งานดิจิทัลในวงกว้าง
โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไทยเองก็ค่อนข้างแข็งแรงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในอาเซียน มีการเข้ามาลงทุนตั้งดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์ region จาก Google, AWS มีการลดลงของต้นทุนเทคโนโลยีทำให้การลงทุนในระบบขนาดใหญ่มีแนวโน้มเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ไทยยังมีการเติบโตในอุตสาหกรรมหลักที่มีการลงทุนในแอปพลิเคชันขนาดใหญ่เป็นพิเศษ คือ ธนาคาร, อีคอมเมิร์ซ, เฮลท์แคร์, การลงทุนภาครัฐ ทำแอปให้ประชาชนเข้าถึงง่าย, เครือข่ายมือถือ, อุตสาหกรรมการผลิต
แน่นอนว่า AI ในความหมายของ Generative AI จะเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาแอปพลิเคชันอย่างมาก เกิด AI Integration ให้บริการและทำ transaction แทนผู้ใช้ ทำให้แอปพลิเคชันต้องรองรับการเรียกใช้งานผู้ช่วย AI ในอนาคต
ความสำคัญของประสบการณ์ผู้ใช้ (User Experience – UX)
หนึ่งใน 5 องค์ประกอบหลักของ Large Scale Application คือความปลอดภัยและความเสถียรในการใช้งาน แต่ถ้าขาดประสบการณ์การใช้งานที่ดีก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ เพราะผู้ใช้งานไม่ได้ต้องการแค่แอปที่ไม่ล่ม แต่ต้องการแอปที่ใช้งานง่าย ลื่นไหล เป็นมิตร และเข้าใจผู้ใช้มากขึ้น
ตลาด User Experience (ประสบการณ์ผู้ใช้) ทั่วโลกมีการเติบโต 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 และคาดว่าจะเติบโตเป็น 33,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2573
ซึ่งในแง่ดีไซน์และประสบการณ์ผู้ใช้นี้ ‘สรณัญช์’ ให้มุมมองว่าตลาดการแข่งขันของแอปขนาดใหญ่ เอกลักษณ์คือสิ่งสำคัญ ในอดีตแอปพลิเคชันมีหน้าตาคล้ายกันเนื่องจากใช้ Template แต่ปัจจุบันธุรกิจต่างๆ ต้องการสร้างจุดแข็งและเอกลักษณ์ของตนเองผ่านประสบการณ์การใช้งานที่ดี
ผู้ใช้งานเริ่มเปรียบเทียบประสบการณ์การใช้งานจากหลายๆ ที่ เช่น เปรียบเทียบแอปธนาคารกับการใช้บริการร้านอาหาร ทำให้ทุกอุตสาหกรรมต้องลงทุนในประสบการณ์ผู้ใช้
ในขณะเดียวกัน การพัฒนาแอปพลิเคชันขนาดใหญ่ที่รองรับผู้ใช้จำนวนมหาศาล ต้องออกแบบโดยคำนึงถึงผู้ใช้ทุกเพศทุกวัยและผู้บกพร่องเพื่อให้ทุกคนสามารถใช้งานได้
แอปที่ผู้ใช้งานชอบ คือแอปที่สามารถสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล นำเสนอประสบการณ์ที่ปรับให้เข้ากับความชอบและความต้องการของเราซึ่งแตกต่างจากการออกแบบสำหรับกลุ่มผู้ใช้จำนวนมากแบบเดิม
และเพื่อให้เกิดความมั่นใจ การสร้าง Trust ในการออกแบบจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น การเงิน การออกแบบต้องสร้างความไว้วางใจและความสบายใจให้กับผู้ใช้ มีการยืนยันรัดกุมก่อนจะจ่ายเงินออกไป
และทั้งหมดนี้คือสิ่งที่องค์กรไทยจะต้องทำ หากต้องการขับเคลื่อนธุรกิจด้วย แอปพลิเคชันขนาดใหญ่ ซึ่งไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือแต่เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ เป็นแพลตฟอร์มที่ต้องรองรับผู้ใช้งานจำนวนมหาศาลเชื่อมต่อลูกค้า กับธุรกิจเข้าด้วยกัน