บลูบิค (BBIK) ที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันสัญชาติไทย นำโดย นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) อัพเดตความคืบหน้าหลังเข้าตลาดมาได้ 1 ปี พร้อมเผยยุทธศาสตร์ในอีก 3 ปีข้างหน้า คือจะไม่หยุดแค่ที่ปรึกษา แต่จะเป็น Growth Partner ของลูกค้าในระยะยาว
รวมถึงขยายธุรกิจของตัวเองนอกเหนือจากที่ปรึกษา ไปเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีและแพลตฟอร์ม เจาะกลุ่มธุรกิจขนาดกลาง เช่น แพลตฟอร์ม Human OS (จัดการด้านทรัพยากรบุคคล) และ LISMA (Social integration สำหรับ ERP) เป็นต้น และอนาคตมีแผนจะขยายแพลตฟอร์มไปยังส่วนงานอื่นๆ อีก เช่น CRM, Procurement, e-commerce
สาเหตุสำคัญคือ ไม่ใช่ธุรกิจทุกขนาดที่มีกำลังจ้างที่ปรึกษามาทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันได้ แต่ธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อย สามารถลงทุนแพลตฟอร์มที่เอาไปต่อยอดทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันได้ด้วยตัวเอง
[ 4 แผนใหญ่ของบลูบิค ]
สำหรับกลยุทธ์ในอีก 3 ปีที่จะถึงนี้ เราจะได้เห็น บลูบิค ขยายธุรกิจในรูปแบบต่างๆ ทั้งขยายไปยังสาขาตีางประเทศ ขยายผ่านการควบรวมและเป็นพาร์ทเนอร์ ซึ่งจะแบ่งเป็น 4 แผนการใหญ่คือ
- ขยายธุรกิจบริการหลักให้ครบวงจรเป็น Truly End-to-End Services มากขึ้น โดยล่าสุดได้มีการขยายบริการที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบและความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security and Solution Implementation Services) เนื่องจากองค์กรธุรกิจเริ่มเห็นความสำคัญเรื่องการลดความเสี่ยงภัยคุกคามไซเบอร์ที่ไม่น้อยไปกว่าการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน
- ลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับดิจิทัลแพลตฟอร์มที่เป็นเทรนด์แห่งโลกอนาคต เช่น AI, บล็อกเชน ซึ่งเพิ่งจะได้มีการอนุมัติจัดตั้ง บริษัท บลูบิค เน็กซัส จำกัด เพื่อรุกธุรกิจด้านพัฒนาระบบแพลตฟอร์มดิจิทัลและบล็อกเชนโซลูชัน (Digital Platform and Blockchain Solutions) แต่การลงทุนส่วนนี้จะยังไม่ใช่ส่วนสำคัญเมื่อเทียบกับธุรกิจหลักคือการให้คำปรึกษา และการสร้างแพลตฟอร์มใหม่ๆ
- ขยายธุรกิจต่างประเทศ ตอกย้ำมาตรฐานการให้บริการระดับสากล ซึ่งบริษัทฯระบุว่าจะใช้จุดแข็งด้านศักยภาพของบุคลากรไอทีผนวกกับข้อได้เปรียบด้านต้นทุนการให้บริการที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ล่าสุดมีการขยายธุรกิจบริการด้านพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีไปยังตลาดยุโรป ผ่านการจัดตั้ง บริษัท บลูบิค (สหราชอาณาจักร) จำกัด ที่ประเทศสหราชอาณาจักร และกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาจัดตั้งบริษัทย่อยในต่างประเทศเพิ่มเติม
- สร้างการเติบโตผ่านการควบรวมกิจการ (M&A) และกิจการร่วมค้า (JV) มากยิ่งขึ้น จะโฟกัสการลงทุนที่ต่อยอดบริษัทได้ ยกตัวอย่างเช่นการลงทุนจัดตั้ง บริษัทออร์บิท ดิจิทัล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บลูบิค และ บริษัท ปตท. นำ้มันและการค้าปลีก จำกัด(มหาชน) หรือ โออาร์ เมื่อปีที่ผ่านมา
[ ตั้งเป้าโตกระโดด 70%]
บลูบิค ได้คาดการณ์ว่าผลประกอบการปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 70% ซึ่งขณะนี้ บริษัทฯมียอดรอรับรู้รายได้จากแบ็คล็อก (Backlog) สะสมแล้ว 448 ล้านบาทโดยจะมียอดรับรู้รายได้ของปีนี้ถึง 226 ล้านบาท
ผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม 243.19 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 62
ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY) ที่มีรายได้ 126.9 ล้านบาท หรือเติบโต 92% และมีกำไรสุทธิ 30 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 105% โดยมีสัดส่วนการรับรู้รายได้แบบประจำ (Recurring Income) ราว 46% ของรายได้รวม ในขณะเดียวกันผลประกอบการรายได้ของปี 2564 อยู่ที่ 303 ล้านบาท