Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 แจ้งข่าวช็อกวงการต่อตลาดหลักทรัพย์ ตัดสินใจเทขายหุ้นทั้งหมด 59.99% ในบริษัท เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (ชื่อเดิม บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน)) มูลค่ากว่า 15 ล้านบาทให้กับ ‘ไบรอัน ลินด์เซ มาร์การ์’ กรรมการผู้จัดการบริษัทคนปัจจุบันของเทโร ภายใต้ข้อสงสัยถึงรอยร้าวและสาเหตุการแยกทางของผู้ที่ร่วมทุนกันมาอย่างยาวนาน

(คนซ้ายสุด) นายไบรอัน ลินด์เซ มาร์การ์ กรรมการผู้จัดการและกรรมการ บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน)

นาย ณ กาฬ เลาหะวิไลย ผู้อำนวยการฝ่ายข่าว สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เปิดเผยกับ workpointTODAY ว่า การแยกทางระหว่างบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือชื่อเดิม บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เป็นข้อตกลงที่เป็นไปอย่างฉันมิตรตามความต้องการของทั้งสองฝ่าย ไม่ปรากฏความขัดแย้งไม่ลงรอยแต่อย่างใด เนื่องจากสถานการณ์และสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ทั้งสองบริษัทจำเป็นจะต้องปรับตัว ปรับโครงสร้าง และขยับไปจัดการธุรกิจหลากหลายที่บริษัทฯ ถืออยู่โดยสะดวก

โดยภายใต้ข้อตกลงการซื้อขายหุ้นระหว่าง 2 บริษัท ไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอย่างรุนแรง โดยเฉพาะฝ่ายข่าวช่อง 3 ที่จะได้รายการภายใต้แบรนด์ ‘เรื่องเล่าฯ’ มาอยู่ใต้การบริหารงาน ด้วยเงื่อนไขในข้อตกลงซื้อขายที่ระบุว่ารายการข่าวภายใต้แบรนด์เรื่องเล่าฯ ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล่าเช้านี้ เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง รวมถึงเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ที่เคยอยู่ภายใต้การบริหารงานของบริษัท บีอีซี-เท-โร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) จะต้องกลับมาอยู่ภายใต้การบริหารงานของบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือช่อง 3 ครบ 100%

พนักงานเรื่องเล่าฯ เตรียมโยกสังกัด

“เนื่องจากรายการเรื่องเล่าเป็นรายการที่เป็นแบรนด์ของช่อง 3 ชัดเจน ไม่สามารถปล่อยให้ไปปรากฎในช่องอื่นๆ หรือหายไปได้ จึงทำให้ดีลดังกล่าวเกิดขึ้น ส่วนรายการอื่นๆ ที่เทโรเป็นผู้ผลิตให้น่าจะยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการเจรจา ไม่ว่าจะเป็นรายการข่าววันใหม่ รายการโกดังมหาสนุก ฯลฯ โดยคาดว่ายังคงมีเวลาจนกว่าจะถึงช่วงสิ้นปีที่สัญญาของหลายรายการจะหมดว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร”

นอกจากพนักงานฝ่ายผลิตรายการแล้ว พนักงานฝ่ายอื่นๆ ภายใต้แบรนด์เรื่องเล่าฯ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานฝ่ายโซเชียลมีเดีย ฝ่ายเว็บไซต์ รวมมากกว่า 20 คนที่ยังยินดีจะทำงานในรายการต่อไปตามปกติก็จะต้องย้ายเข้ามาอยู่ในฝ่ายข่าวช่อง 3 และกลายเป็นพนักงานของบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) เติมฝ่ายข่าวที่มีบุคลากรอยู่แล้วราว 250 คน จากรายการตีข่าวเช้า รายการข่าวเที่ยงวัน รายการเรื่องเด่นเย็นนี้ รายการข่าว 3 มิติ และรายการแฟลชนิวส์เป็นจำนวนราว 270 คน

ลุ้นโอกาส ‘สรยุทธ’ คืนจอปีหน้า

สำหรับกระแสข่าวที่ว่าการปรับโครงสร้างครั้งนี้เป็นไปเพื่อรอรับการกลับมาของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ก่อตั้งและอดีตผู้ดำเนินรายการเรื่องเล่าเช้านี้และเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์นั้น นาย ณ กาฬ ระบุว่า “เรื่องของคุณสรยุทธคงต้องให้เป็นเรื่องของปีหน้า ต้องรอดูเนื่องจากแม้คุณสรยุทธจะได้รับการอภัยโทษและผ่อนผันจริง แต่ยังคงมีกระบวนการขั้นตอนอีกหลายอย่างที่อยู่ระหว่างรอความชัดเจน จึงเร็วไปที่จะตอบได้ว่าคุณสรยุทธจะกลับมาหรือไม่ อย่างไร”

ส่วนการปรับโครงสร้างภายในองค์กรภายในปี 2564 คาดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นด้วยนับระยะเวลาจากการปรับโครงสร้างครั้งล่าสุดพึ่งผ่านมาไม่นานมากนัก โดยฝ่ายข่าวมีแผนจะให้ความสำคัญกับการยกระดับศักยภาพในการแข่งขัน เพิ่มการเวิร์กชอป รวมถึงหาแนวทางในการปรับรับความท้าทาย สร้างรายได้ และไม่สร้างภาระให้กับบริษัทฯ หลังรับรายการเรื่องเล่าฯ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีม

ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากความเห็นของผู้อำนวยการฝ่ายข่าวแล้ว การแยกทางระหว่างช่อง 3 และเทโรจึงอาจไม่ใช่การแตกคอ แต่สถานการณ์การแยกกันเราอยู่ รวมหมู่เราอาจจะไม่รอด เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถหายใจหายคอได้สะดวกขึ้นท่ามกลางวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจที่ถาโถมเข้ามาในปัจจุบัน

นาย ณ กาฬ เลาหะวิไลย ผู้อำนวยการฝ่ายข่าว สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3

ย้อนอดีต ‘บีอีซี-เทโร’ ปี 62 ขาดทุนเพิ่ม 400%

ทั้งนี้ บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่มีทุนจดทะเบียน 250,000,000 บาท ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2541 โดยมีชื่อเดิมว่า บริษัท เวิลด์ มีเดีย ซัพพลายส์ จำกัด ก่อนได้เปลี่ยนชื่อและเปลี่ยนแปลงสัดส่วนผู้ถือหุ้นเป็นการร่วมทุนกันระหว่างบริษัท บีซีอี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) และนายไบรอัน ลินด์เซ มาร์การ์ ที่ที่ผ่านมาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการและกรรมการ บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) มาโดยตลอด

ก่อนมาถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดในวันที่ 8 ธ.ค. 2563 ที่บริษัท บีซีอี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือช่อง 3 ตัดสินใจขายหุ้นทั้งหมดที่บริษัทฯ ถืออยู่กว่า 59.99% ของทุนจดทะเบียนในราคา 15 ล้านบาทให้กับนายไบรอัน ทำให้ช่อง 3 หมดความเป็นเจ้าของในเทโรโดยสิ้นเชิง และนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัท เพื่อสร้างความชัดเจนว่าเทโรไม่ได้อยู่ภายใต้การบริหารงานของกลุ่มบีอีซี เวิลด์อีกต่อไป ในชื่อใหม่ ‘บริษัท เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน)’ ที่ปรากฎความเปลี่ยนแปลงในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของบริษัทเรียบร้อยแล้ว

ด้านรายละเอียดการดำเนินธุรกิจของ บริษัท เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เน้นดำเนินธุรกิจตัวแทนจำหน่ายบัตรเข้าชมการแสดง ธุรกิจการจัดการแสดง ธุรกิจผลิตรายการ และธุรกิจวิทยุ โดยมีบริษัทลูกหลายบริษัท ได้แก่ บริษัท ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ จำกัด, บริษัท บีอีซี-เทโร ซีเนริโอ จำกัด, บริษัท บีอีซี-เทโร เรดิโอ จำกัด, บริษัท บีอีซี-เทโร เมียนมาร์ จำกัด และบริษัท ไลฟ์ เนชั่น บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด

โดยปี 2562 บริษัท เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) รายงานงบการเงินต่อกระทรวงพาณิชย์ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,610.34 ล้านบาท ลดลง 12.40% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และมีผลขาดทุน 211.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 406.77% โดยผลตอบแทนจากกำไรสุทธิต่อรายได้รวมลดลง 13% และอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น 10.44% อันเป็นเหตุผลว่าทำไมหลายฝ่ายถึงมองว่าการถอนตัวของช่อง 3 มาจากไม่ต้องการเผชิญสภาวะขาดทุนของบริษัทลูกเพิ่มเติมในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบหนักอย่างคอนเสิร์ตและอีเว้นท์

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า