SHARE

คัดลอกแล้ว

โรงผลิตเบียร์ต้องใช้น้ำเฉลี่ย 60 ลิตร เพื่อผลิตเครื่องดื่มแก้วโปรดของคุณ 1 ลิตร เทียบให้เห็นภาพก็คือ 1 ลิตร เท่ากับน้ำ 5 แก้ว และว่ากันตามจริงการผลิตเบียร์ 1 ลิตร ต้องใช้น้ำโดยเฉลี่ยตั้งแต่ 60-180 ลิตร ทั้งนี้จะใช้น้ำต่างกันกี่ลิตรก็ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตของแต่ละโรงงานต่างๆในโลกด้วย

 

เมื่อน้ำถือเป็นส่วนสำคัญเบอร์หนึ่งในอุตสาหกรรมการผลิตเบียร์ หลายปีที่ผ่านมาโรงเบียร์หลายแห่งในโลกก็เริ่มควบคุมการใช้น้ำกันมากขึ้น

อุตสาหกรรมเบียร์แบรนด์หลักๆ กำลังพยายามที่จะลดปริมาณการใช้น้ำตลอดห่วงโซ่อุปทานการผลิต เรื่อยไปถึงบรรจุภัณฑ์ การขนส่ง รวมทั้งแนวคิดการจะนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ในกระบวนการผลิตเบียร์ได้อย่างไรด้วย

หนึ่งในประเทศผู้ผลิตเบียร์ชั้นนำของโลกอย่าง ‘เนเธอร์แลนด์’ ที่สมาคมผู้ผลิตเบียร์เนเธอร์แลนด์ เห็นถึงความสำคัญของ Circular Economy ที่จะต้องคำนึงถึงน้ำในภาคเกษตรด้วย เพราะแม้จะเป็นโรงงานผลิตเบียร์ แต่ในพื้นที่รอบโรงงานมีพื้นที่เกษตรใกล้เคียง และอย่างที่รู้ว่าการทำเกษตรก็ต้องพึ่งพิงใช้น้ำจำนวนไม่น้อยเช่นกัน เมื่อทั้งโรงงานเบียร์ และภาคเกษตร อยู่ใกล้กัน การทำธุรกิจที่ต้องคำนึงถึงผู้อื่น และการสร้างธุรกิจยั่งยืนที่ต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังจึงเป็นเรื่องสำคัญ 

เราไปดูตัวอย่างทางตอนใต้ของเนเธอร์แลนด์กัน แถบนี้เป็นพื้นที่ที่เข้าข่ายขาดแคลนน้ำ และก็ยังเป็นที่ตั้งของโรงผลิตเบียร์ที่ชื่อว่า ‘Swinkels Family Brewers’ ซึ่งโรงงานเบียร์แห่งนี้ ได้วางโมเดลที่จะช่วยดูแลแบ่งปันกับเกษตรกรที่ทำการเกษตรอยู่ใกล้เคียงกับโรงงานผลิตเบียร์ 

โรงงานแห่งนี้ใช้นวัตกรรมในการเข้ามาช่วย “รักษาระดับน้ำใต้ดิน” ให้เกษตรกร และสร้างระบบชลประทานขนาดเล็กเพื่อเปลี่ยนเส้นทางน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วจากโรงงานก่อนปล่อยลงสู่แม่น้ำ นอกจากนี้ยังมีโครงการนำน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้ว กลับมาใช้ใหม่หมุนเวียนอีกครั้งในภาคเกษตร 

โดยปีที่ผ่านมา โรงเบียร์แห่งนี้ ได้ทำการบำบัดน้ำที่ใช้แล้วจากโรงงานให้ สามารถนำน้ำกลับคืนมาใช้ได้มากถึง 800,000 ลูกบาศก์เมตร โดยใช้ในพื้นที่ปศุสัตว์และเกษตร ทำให้ปริมาณน้ำเพียงพอสำหรับเกษตรกรรายย่อย 20 แห่งที่ตั้งอยู่รอบโรงเบียร์ พร้อมยังติดตั้งระบบปั๊มน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์เติมน้ำเข้าไปในระดับน้ำใต้ดิน เพื่อรักษาระดับน้ำใต้ดินในการทำการเกษตรไม่ให้ลด โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศแห้ง

นี่คือการนำนวัตกรรมมาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆเพื่อรับมือกับความขาดแคลน และยังช่วยภาคเกษตรไปด้วย

ยังมีกรณีตัวอย่างที่โรงเบียร์ Gulpener แบรนด์เก่าแก่อีกแบรนด์ของเนเธอร์แลนด์ ที่ทุ่มทุนใช้วิธีสร้างโรงเบียร์ใหม่ไปเลย โดยโรงงานผลิตเบียร์แห่งนี้ออกแบบการใช้พลังงานที่คุ้มค่ามากขึ้น โดยเน้นใช้พลังงานความร้อนจากไอน้ำในกระบวนการผลิตเบียร์ ซึ่งสามารถประหยัดพลังงานได้มากถึง 75% ทำให้โรงเบียร์แห่งนี้กลายเป็นโรงเบียร์ที่มีความยั่งยืนที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป 

Jan-Paul Rutten ผู้อำนวยการโรงเบียร์ Gulpener เล่าว่า เป้าหมายที่จะหยุดใช้พลังงานฟอสซิลในปี 2030 คือการสร้างโรงเบียร์ใหม่ที่ดีต่อส่ิงแวดล้อมมากขึ้นและจะทำให้ธุรกิจยั่งยืน โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การสร้างโรงเบียร์ใหม่เพื่อวางระบบการใช้พลังงานในการผลิตใหม่ จึงถือเป็นการลงทุนก้าวใหญ่ในตอนนี้เพื่ออนาคตที่ดี 

และที่ดูจะเห็นความพยายามมากขึ้นไปอีก คือโรงเบียร์บางแห่งเริ่มทดลอง ใช้น้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วกลับมาผลิตเป็นตัวเครื่องดื่มเบียร์เลย 

มีกรณีศึกษาอย่างเบียร์ Village Brewery โรงเบียร์คราฟต์ในแคนาดา คิดวิธีที่จะลดปริมาณการใช้น้ำเพื่อให้กระบวนการผลิตยั่งยืนมากขึ้น ทดลองใช้น้ำเสียจากเทศบาลที่ผ่านการบำบัดแล้วมาผลิตเบียร์ จุดมุ่งหมายก็เพื่อแสดงให้เห็นเป้าหมายที่ผู้ผลิตเบียร์คราฟท์รายนี้ต้องการมีส่วนร่วมกับโลกในการรักษาความมั่นคงทางน้ำ

การจะทำแบบนี้ก็ต้องใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ๆ นำน้ำเสียมาแปรรูปผ่านโรงบำบัดทางชีวภาพ ใช้ระบบกรองแบบอัลตราฟิลเตรชั่น ออกซิเดชัน รีเวิร์สออสโมซิส และทดสอบน้ำให้แน่ใจว่าไม่มีเชื้อโรคหลงเหลืออยู่ จนจบกระบวนการที่น้ำสะอาดพอๆกับน้ำประปานั่นเอง 

แต่อุปสรรคใหญ่ที่สุดสำหรับโรงเบียร์คือ การใช้น้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วมาทำเบียร์ ยังต้องต่อสู้กับทัศนคติของผู้บริโภค แม้จะมีการนำเสนอให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพ เป็นน้ำที่สะอาด และปลอดภัย แต่ก็ยังมีอุปสรรคทางความรู้สึก

จริงๆเรื่องนี้ถ้าย้อนไปในตั้งแต่ปี 2018 มีการทดลองผลิตเบียร์โดยใช้น้ำเสียมาแล้ว เป็นความร่วมมือระหว่างโรงเบียร์ Nya Carnegie กับสถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมแห่งสวีเดน และบริษัท Carlsberg ของสวีเดน ร่วมกันผลิตเบียร์ที่เรียกว่า PU:REST ซึ่งไม่ได้มุ่งหวังการค้าทางพาณิชย์ แต่เป็นแคมเปญกระตุ้นให้สาธารณชนรู้สึกว่าการดื่มเบียร์จากน้ำเสียที่บำบัดแล้วไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้

อีกทั้งองค์กรด้านเทคโนโลยีน้ำเสียของสวีเดน (IVL Swedish Environmental Research Institute) มองว่าการรีไซเคิลน้ำเสียที่บำบัดแล้วอาจเป็นอนาคตที่ไม่ใช่แค่การผลิตเบียร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงน้ำดื่มอื่นๆทั่วไปด้วย 

ในยุโรปตระหนักถึงปัญหาความมั่นคงทางน้ำที่น่าจะเป็นปัญหาเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศที่ไม่มีพื้นที่ทางออกสู่ทะเล อย่างน้อยเทคโนโลยีนี้ก็จะทำให้เรานำน้ำกลับมาใช้ใหม่ได้หลายวิธี 

ปัจจุบันเราได้ยินคำคุ้นหูอย่าง “Carbon Neutral”  (ความเป็นกลางทางคาร์บอน) หมายถึง การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ ตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิต ซึ่งมีการกำหนดเป้าหมายร่วมกัน ว่าจะต้องทำให้ได้ภายในปี 2050 หรือ พ.ศ.2593 ซึ่งแน่นอนว่านี่เป็นการดำเนินการที่แข่งกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ที่โลกกำลังเข้าสู่ช่วงน่าสิ่วน่าขวาน ที่เห็นชัดๆตอนนี้คือ ผลจากปัญหา Climate Change ก็ทำให้มีพื้นที่ขาดแคลนน้ำในโลกมากขึ้นเรื่อยๆ รายงานขององค์การสหประชาชาติ ระบุว่าภายในปี 2568 ประชากร 2 ใน 3 ของโลกอาจประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ 

เมื่อเชื่อมโยงกับธุรกิจเบียร์ก็จะเห็นว่า เบียร์เจ้าใหญ่ๆในโลกต่างก็ต้องเร่งมือกันสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนต่อโลกกัน อาทิ ไฮเนเก้น ที่มีโรงงานผลิตเบียร์ 167 แห่งทั่วโลก ก็ทำเฉกเช่น องค์กรธุรกิจใหญ่ๆทำกันในเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านการทำงานร่วมกับรัฐบาล เอ็นจีโอ ในการช่วยเติมเต็มแหล่งน้ำ หลักๆ คือ ปลูกต้นไม้สร้างพื้นที่สีเขียวที่เป็นแหล่งต้นน้ำ ทำโครงการปลูกป่าเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพ นอกเหนือไปจากการพยายามบำบัดน้ำเสียจากกระบวนการผลิตเบียร์ รวมทั้งความพยายามลดการใช้น้ำในโรงเบียร์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ขาดแคลนน้ำ 

การปลูกต้นไม้ บำบัดน้ำเสียจากการผลิต อาจจะฟังดูเป็นเรื่องพื้นฐานไปแล้ว ดังนั้นเป็นความท้าทายที่องค์กรธุรกิจ ยังต้องคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆมาเพื่อใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นไปอีกในกระบวนการผลิตแต่ละขั้นตอนให้สามารถใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า