รู้จัก Beko แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าจากตุรกี ขายดีในยุโรป

ถ้าพูดถึงแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า Beko (ที่อ่านออกเสียงว่า เบโค) หลายคนคงเคยเห็นผ่านหูผ่านตาเวลาไปเลือกช้อปของในห้างสรรพสินค้ามาบ้าง แต่หลายๆ คนอาจจะไม่รู้ที่มาของแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เข้ามาตีตลาดไทยเป็นเวลากว่า 8 ปี หรือบางคนอาจจะเข้าใจผิดคิดว่า Beko เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติจีนหรือญี่ปุ่น

ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว Beko เป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติตุรกีที่มีส่วนแบ่งการตลาดมหาศาลในยุโรป นอกจากสัญชาติแล้ว Beko ยังมีเรื่องราว Brand Story ไหนที่น่าสนใจอีกบ้าง TODAY Bizview จะสรุปให้อ่านกัน

[ แบรนด์จากกลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในตุรกี ]

แม้ว่าจะทำตลาดในไทยในนามแบรนด์ Beko แต่จริงๆ แล้ว Beko เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่อยู่ใต้การบริหารงานของบริษัท ‘อาร์เซลิก’ (Arcelik) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องใช้ในครัวเรือนสัญชาติตุรกีที่มีการดำเนินงานในกว่า 100 ประเทศ มีสาขาตั้งอยู่ใน 53 ประเทศ และมีโรงงานผลิตกว่า 30 แห่งใน 9 ประเทศ รวมมีพนักงานในเครือกว่า 45,000 คน

‘อาร์เซลิก’ (Arcelik) เป็น 1 ใน 3 บริษัทผู้ผลิตสินค้าขนาดใหญ่สำหรับครัวเรือนที่มี ‘ส่วนแบ่งการตลาด’ สูงสุดในยุโรป มีรายได้รวม 6.5 พันล้านยูโร (ประมาณ 2.4 แสนล้านบาท) ในปี 2564 เคียงข้างกับแบรนด์ใหญ่หลายแบรนด์ในยุโรปที่เราคุ้นเคยอย่าง BSH Hausgeräte, Electrolux และ Indesit

โดย ‘อาร์เซลิก’ (Arcelik) มีแบรนด์เครื่องใช้ในครัวเรือน-เครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ภายในเครือถึง 12 แบรนด์ ได้แก่ Arcelik, Beko, Grundig, Blomberg, FlekBregenz, Arctic, Leisure, Defy, Altus, Dawlance และ Voltas

แต่จริงๆ แล้วความยิ่งใหญ่ของ Beko ยังไม่หมดเท่านั้น เพราะไม่ใช่แค่ Beko อยู่ใน ‘อาร์เซลิก’ (Arcelik)

แต่ ‘อาร์เซลิก’ (Arcelik) นั้นยังอยู่ในเครือของ ‘คอช กรุ๊ป’ (Koç Holding) กลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในตุรกีที่ก่อตั้งโดยคนตระกูล Koç หนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในตุรกี

ถ้านับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทแรกในเครือ ‘คอช กรุ๊ป’ จะมีอายุรวมกว่า 96 ปีแล้ว ‘คอช กรุ๊ป’ เป็นบริษัทเดียวในตุรกีที่ติดอันดับใน Fortune Global 500 หรือ 500 บริษัทชั้นนำของโลกในปี 2559 โดยหุ้นของบริษัทในเครือ ‘คอช กรุ๊ป’ กว่า 16 แห่งถูกซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์อิสตันบูล

[ น้องใหม่ในอายุ 8 ปีในไทย เตรียมตีตลาดเอเชียแปซิฟิก ]

ในพื้นที่เอเชียแปซิฟิก Beko ยังคงเป็น ‘น้องใหม่’ ที่กำลังเร่งสร้างการเติบโต ปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก คิดเป็น 4% ของกลุ่ม ‘อาร์เซลิก’ (Arcelik) ทั้งหมด

โดย ‘อุทกู บาริช พาซาร์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านกลยุทธ์และงานดิจิทัล บริษัท อาร์เซลิก อธิบายว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่ยูนีคและมีการแข่งขันสูง แต่เป็นตลาดที่มีการเติบโตเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่อาเซียน ส่วนประเทศที่มียอดขายเติบโตเร็วที่สุดในอาเซียน คือ ไทย เวียดนาม มาเลเซีย

ในปี 2021 Beko เติบโตในไทยและเอเชียแปซิฟิก 20%
ในปี 2022 Beko ตั้งเป้าเติบโตในไทยและเอเชียแปซิฟิก 37%
ในปี 2024 Beko ตั้งเป้าเติบโตในไทยและเอเชียแปซิฟิก 2 เท่า

โดยในไทยและเอเชียแปซิฟิก Beko เน้นขาย 3 ผลิตภัณฑ์หลักอย่าง ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ และเครื่องซักผ้า โดยตู้เย็นมียอดขายสูงสุดในสัดส่วนกว่า 40% ของทั้งหมด

เป้าหมายของสินค้าในแต่ละกลุ่ม คือ
– เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในประเภท ‘ตู้เย็นสองประตู’ ขึ้นไปถึง 5%
– เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในประเภท ‘ตู้เย็นไซด์บายไซด์’ ขึ้นไปถึง 7.5%
– เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในประเภท ‘เครื่องซักผ้า’ ขึ้นไปถึง 9%

นอกจากนั้น เพราะในตลาดไทย Beko ยังใหม่และยังอยู่ในช่วงขยายธุรกิจ จึงตั้งเป้าเพิ่มช่องทางขาย 40% หรือประมาณ 700 ร้านค้า รวมถึงมีเป้าหมายที่จะทำให้ Beko กลายเป็น Top of Mind Brand ของเครื่องใช้ไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

[ เลือก ‘ไทย’ เป็นจุดยุทธศาสตร์ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ]

ก่อนหน้านี้เพื่อขยายธุรกิจในพื้นที่เอเชียแปซิฟิก Beko ได้ลงทุนสร้างโรงงานหลายแห่งในภูมิภาคนี้ รวมถึงใน ‘ไทย’ ที่แบรนด์ระบุว่า “เป็นจุดยุทธศาสตร์”

ทำให้แบรนด์เลือกใช้งบประมาณกว่า 6 พันล้านบาทในการสร้างโรงงาน Beko ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราช จังหวัดระยอง เพื่อเป็นแหล่งผลิต ‘ตู้เย็น’ จัดจำหน่ายภายในประเทศไทยและส่งออกไปยังอีกหลายพื้นที่ทั่วโลก

ในปีก่อนมีกำลังการผลิต 350,000 หน่วยต่อปี ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 600,000 หน่วยต่อปี และคาดว่าจะขยับเพิ่มขึ้นเป็น 750,000 หน่วยในปี 2024

ในอนาคตอันใกล้ Beko เตรียมจะผลิตตู้เย็นระดับพรีเมี่ยม 3 แบบ ได้แก่ ตู้เย็นบานสวิงด้านบนและช่องแช่แข็งแบบลิ้นชักด้านล่าง ตู้เย็นบานเปิดสวิงทั้งด้านบนและล่างพร้อมมือจับ และตู้เย็นแบบบานเปิดแบบฝรั่งเศส ที่โรงงานในไทย โดยใช้งบประมาณลงทุนราว 130 ล้านบาท เพื่อวางจำหน่ายในตลาดอเมริกา เอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง และยุโรปในช่วงต้นปี 2023

ถ้าสำรวจตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะตู้เย็นในประเทศไทยจะเห็นว่า Beko มีการเติบโตที่น่าสนใจและค่อยๆ ขยายตัวเข้าครอบครองชั้นสินค้าในพื้นที่ค้าปลีกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่จะเห็นแบรนด์เครื่องใช้ในครัวเรือนสัญชาติตุรกีนี้เติบโตไปได้อีกแค่ไหนในไทยคงต้องรอดู