ไบเดนต่อสายคุย ผู้นำญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ ตอกย้ำพันธมิตรสำคัญของเอเชีย

ว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต่อสายพูดคุยกับผู้นำเกาหลีใต้และญี่ปุ่นในวันนี้ ย้ำแนวทางทำงานร่วมกันเพื่อจัดการโรคโควิด-19 และปัญหาสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี

นายมูน แจ-อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เปิดเผยในวันนี้ (12 พ.ย.) ว่า ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สื่อหลายสำนักฟันธงว่า นายโจ ไบเดนจะเป็นผู้นำสหรัฐฯ คนต่อไป

ผู้นำเกาหลีใต้ระบุว่า ในการพูดคุยกันมีโอกาสย้ำถึงความสำคัญในการจัดการโรคโควิด-19 และปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่รัฐบาลเกาหลีใต้ และรัฐบาลสหรัฐฯ จะต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด

การพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับผู้นำเกาหลีใต้ เกิดขึ้นหลังจากเมื่อไม่กี่วันก่อน รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ พบกับคณะทำงานของว่าที่ประธานาธิบดีไบเดนที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยคาดว่า ประเด็นหลักที่ทั้งสองฝ่ายหารือน่าจะเกี่ยวข้องกับการเปิดเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ ซึ่งมีความพยายามในสมัยรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ

นอกจากผู้นำเกาหลีใต้แล้ว แหล่งข่าวในรัฐบาลญี่ปุ่นยังเปิดเผยว่า นายโจ ไบเดน ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายโยชิฮิเดะ ซูกะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในวันนี้เช่นกัน โดยผู้นำญี่ปุ่นได้กล่าวแสดงความยินดีกับนายไบเดน พร้อมหวังว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เปิดกว้างและเสรี ซึ่งดูเหมือนจะเป็นยุทธศาสตร์หลักต่อเอเชียของรัฐบาลญี่ปุ่นชุดนี้

นักวิเคราะห์มองว่า นายซูกะต้องการให้สหรัฐฯ กลับมามีบทบาทในเอเชีย โดยเฉพาะจากกรณีที่จีนพยายามขยายอิทธิพลในเอเชีย รวมทั้งความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีด้วย

นอกจากนี้ผู้นำสหรัฐฯ และญี่ปุ่นยังพูดถึงการระบาดของโรคโควิด-19 รวมทั้งปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่นายไบเดนยืนยันว่า จะนำสหรัฐฯ กลับเข้าสู่ความตกลงปารีส ที่มีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งสหรัฐฯ ถอนตัวในสมัยประธานาธิบดีทรัมป์ ก่อนที่ทั้งคู่จะเห็นด้วยว่า ผู้นำสหรัฐฯ และญี่ปุ่นควรพบกันให้เร็วที่สุด โดยแหล่งข่าวระบุว่า อาจเป็นฝ่ายนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่จะเดินทางเยือนสหรัฐฯ หลังนายโจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า

ก่อนหน้านี้ว่าที่ประธานาธิบดีไบเดน ได้โทรศัพท์ไปถึงผู้นำหลายประเทศ เช่นผู้นำอังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศสและเยอรมนี เพื่อหารือถึงความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ในอนาคต