ท่าทีมหาเศรษฐี สน-ไม่สน ‘คริปโทเคอร์เรนซี่’

คริปโทเคอร์เรนซี่กำลังเป็นที่สนใจของคนทั่วโลก แล้วบรรดามหาเศรษฐีคิดเห็นอย่างไรกับสกุลเงินดิจิทัล พวกเขาสนใจลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี่หรือไม่ ลองไปดูกัน

อีลอน มัสก์ – แฟนตัวยง เคยให้ใช้บิตคอยน์ซื้อรถเทสลาได้

เจ้าพ่อเทคโนโลยีอย่าง ‘อีลอน มัสก์’ เคยทวีตที่แสดงให้เห็นว่าเขาให้ความเชื่อถือสกุลเงินดิจิทัลหลายครั้ง โดยสกุลเงินที่เขาทวีตถึงได้แก่ บิทคอยน์ และดอจคอยน์ โดยเขาเคยทวีตว่า “บิตคอยน์คือโลกแห่งความมั่นคงของผม”

ความเชื่อมั่นของเขายังแสดงให้เห็นผ่านการที่บริษัทเทสลาลงทุนทุ่มซื้อบิตคอยน์ไปถึง 4.5 หมื่นล้าน และประกาศให้สามารถซื้อเทสลาได้ด้วยบิตคอยน์ ก่อนจะขายบิตคอยน์ออกไปในภายหลัง และล่าสุดก็ประกาศยกเลิกให้ใช้บิตคอยน์ซื้อเทสลาเพราะกังวลผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ถึงกระนั้น ความเคลื่อนไหวของเขาแต่ละครั้งล้วนส่งผลต่อมูลค่าสกุลเงินดิจิทัลในทันที

บิล เกตส์ – ไม่ลงทุนในบิตคอยน์ เพราะประเด็นสิ่งแวดล้อม

บิล เกตส์ ระบุว่าเขาไม่สนใจลงทุนในบิตคอยน์เนื่องจากการขุดบิตคอยน์ต้องใช้พลังงานไฟฟ้ามหาศาล นอกจากนี้ บิตคอยน์ยังสนับสนุนให้ไม่สามารถตรวจสอบธุรกรรมย้อนหลังได้

นอกจากนี้ เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา บิล เกตส์ ยังให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กถึงการลงทุนในบิตคอยน์ ซึ่งเขาพูดถึงกรณีการลงทุนในเงินดิจิทัลของผู้ก่อตั้งเทสลาอย่างอีลอน มัสก์ว่า “ความคิดของผมคือ ถ้าคุณมีเงินน้อยกว่าอีลอน มัสก์ คุณต้องระวังการลงทุนในบิตคอยน์ให้ดี

วอร์เรน บัฟเฟตต์ – บิตคอยน์คือภาพลวงตา ไม่มีมูลค่าในตัวเอง

มหาเศรษฐีชาวอเมริกันรายนี้กล่าวกับ CNBC ว่า บิตคอยน์ไม่ใช่การลงทุนที่ดี มันคือภาพลวงตา สกุลเงินคริปโทเป็นสิ่งที่ไม่มีมูลค่าในตัวเอง สกุลเงินคริปโทไม่สามารถผลิตอะไรได้ แต่มูลค่าของสกุลเงินมาจากความเชื่อที่ว่าบางคนจะให้มูลค่าต่อมันมากขึ้นในอนาคต

มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก – ตั้งองค์กรสร้างเงินดิจิทัล ‘ลิบรา’

ในปี 2562 มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ประกาศว่า ได้ร่วมกับ 27 องค์กร ก่อตั้ง Libra Association เพื่อร่วมกันสร้างสกุลเงินใหม่ขึ้นมาชื่อว่า ลิบรา (Libra) ซึ่งสร้างความกังวลให้หน่วยงานกำกับนโยบายการเงินทั่วโลกว่าจะทำลายระบบการเงินแบบเดิม จึงเชิญมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก มาให้การต่อสภาคองเกรส

กระทั่งมีการปรับปรุง White Paper เป็นฉบับที่ 2 ซึ่งมีท่าทีที่เป็นมิตรกับหน่วยงานกำกับดูแลมากขึ้น โปรเจ็กต์ลิบราจึงเดินหน้าต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนชื่อกระเป๋าเงินดิจิทัลของเฟซบุ๊กจาก Calibra เป็น Novi, ประกาศตั้งซีอีโอคนแรกของสมาคม, ประกาศรีแบรนด์ลิบราเป็น Diem ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในปลายปีนี้

แจ็ค หม่า เงินดิจิทัลสร้างมูลค่าได้ และเป็นสิ่งสำคัญในอนาคต

แม้ในปี 2561 มหาเศรษฐีจีนรายนี้จะเคยมองว่าบิตคอยน์มีโอกาสจะกลายเป็นฟองสบู่ แต่ล่าสุดในเดือน ต.ค.2563 ผู้ก่อตั้งอาลีบาบาและแอนท์กรุ๊ปรายนี้กล่าวในงาน Bund Summit ณ กรุงเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ว่าหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินทั่วโลกนั้นเป็นตัวฉุดรั้งนวัตกรรมทางการเงิน

หม่ามองว่าสกุลเงินดิจิทัลนั้นสร้างมูลค่าได้ และจะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับระบบการเงินหลังจากนี้ไปอีก 30 ปี โดยเราควรคิดหาวิธีสร้างระบบการเงินรูปแบบใหม่ผ่านสกุลเงินดิจิทัลนี้

ธนินท์ เจียรวนนท์ – เคยลงทุนในบิตคอยน์ ตอนนี้กำลังเรียนรู้อยู่

ในการพูดคุยผ่านคลับเฮาส์ (clubhouse) เมื่อเดือน ก.พ.2564 ที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงหนึ่ง เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ พูดถึงการได้ไปเข้าคอร์สอีคอมเมิร์ซที่ฮ่องกง เนื่องจากต้องการไปเฟ้นหาสตาร์ทอัพเก่งๆ เพื่อลงทุน

ซึ่งคอร์สนั้นทำให้เขาได้พบกับแจ็ค หม่า โดยเจ้าสัวธนินท์ยอมรับว่าไม่เข้าใจแจ็ค หม่า ในตอนนั้น จึงไม่ตัดสินใจลงทุนในอาลีบาบา และดูเหมือนจะเป็นการตัดสินใจที่พลาด

ขณะที่การลงทุนในบิตคอยน์ เขายอมรับว่ายังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ โดยเมื่อ 3 ปีก่อนเคยเสียเงินให้บิตคอยน์ไปราว 7 ล้านดอลลาร์ ส่วนขณะนี้กำลังศึกษาเรียนรู้เพื่อให้เข้าใจยิ่งขึ้น

รู้หรือไม่  – จากการจัดอันดับมหาเศรษฐีโลก ประจำปี 2564 โดยนิตยสาร Forbes ซึ่งมีมหาเศรษฐีจากคริปโทเคอร์เรนซี่ติดอันดับ 12 คน โดยฝาแฝด Cameron Winklevoss และ Tyler Winklevoss คือเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดจากการลงทุนในบิตคอยน์ และปัจจุบันพวกเขามีทรัพย์สินอยู่ที่คนละ 3 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 9.4 หมื่นล้านบาท