บิตคอยน์ร่วงหลุด 40,000 ดอลลาร์ หลังจีนสั่งห้ามทำธุรกรรมเงินคริปโต

ราคาบิตคอยน์ร่วงลงหลุดระดับ 40,000 ดอลลาร์ในช่วงเที่ยงวันนี้ หลัง 3 สมาคมการเงินของจีน ประกาศสั่งแบนการใช้เหรียญคริปโตในการทำธุรกรรม ชี้มีความเสี่ยงสูงและเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจ

วันที่ 19 พ.ค. 2564 สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานโดยอ้างข้อมูลจากเว็บไซต์คอยน์เดสก์ ระบุว่า ราคาบิตคอยน์ร่วงลงกว่า 13% สู่ระดับต่ำสุดระหว่างวันมาอยู่ที่ 38,585.86 ดอลลาร์ เมื่อเวลาราว 00.54 น. วันอังคาร (18 พ.ค.) ตามเวลาสหรัฐ หรือ 11.54 น.วันนี้ ตามเวลาประเทศไทย นับเป็นการร่วงลงหลุดระดับ 40,000 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกในรอบ 14 สัปดาห์

การร่วงลงของราคาบิตคอยน์ในวันนี้ สืบเนื่องมาจากการที่ 3 สมาคมด้านอุตสาหกรรมการเงินของจีน ประกอบด้วย สมาคมการเงินอินเทอร์เน็ตแห่งชาติจีน (National Internet Finance Association of China), สมาคมธนาคารจีน (China Banking Association) และสมาคมด้านการชำระเงินและหักบัญชีจีน (Payment and Clearing Association of China) ออกแถลงการณ์ร่วม สั่งบรรดาสถาบันการเงินและแพลตฟอร์มการชำระเงินทั้งหลายในจีนห้ามดำเนินธุรกรรมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโตเคอร์เรนซีโดยเด็ดขาด

ขณะเดียวกัน ทั้ง 3 สมาคมยังได้แถลงการณ์เตือนถึงนักลงทุนในเรื่องของความเสี่ยงที่มาจากการเก็งกำไรสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งไม่สามารถใช้จ่ายในฐานะสกุลเงินปกติทั่วไปได้ในปัจจุบัน พร้อมกับระบุว่า ราคาของคริปโตเคอร์เรนซี เช่น BITCOIN หรือแม้กระทั่ง Dogecoin นั้นถือว่าเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่มีเสถียรภาพ อีกทั้งยังมีความผันผวนสูง และมีความอ่อนไหวมาก และคริปโตเคอร์เรนซีก็ถือได้ว่าเป็นภาคอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยง และเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจ 

ทั้งนี้ ราคาบิตคอยน์ดิ่งลงอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์ หลังเผชิญข่าวลบมาตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค. ซึ่ง อีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา ประกาศระงับการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าด้วยบิตคอยน์ เพราะห่วงว่าการขุดบิตคอยน์ที่ต้องใช้พลังงานสูงจะทำลายสภาพแวดล้อม และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายมัสก์ก็ได้ส่งสัญญาณผ่านการโพสต์บนทวิตเตอร์อีกครั้งว่า บริษัทเทสลาอาจเทขายบิตคอยน์ทั้งหมดที่ถืออยู่ ซึ่งส่งผลให้ราคาบิตคอยน์ร่วงลงหลุดจากระดับ 45,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 เดือน