เปิดแผนพลิกฟื้น ‘กรุงเทพประกันภัย’ เพิ่มคุ้มครองชั้น 2+ มีประกันดำน้ำ-จิตเวช

‘กรุงเทพประกันภัย’ เปิดแผนการดำเนินงานปี 2566 ชี้เป็นปีแห่งการพลิกฟื้นกลับมามีกำไร ตั้งเป้าเบี้ยรับรวม 30,000 ล้านบาท ลุยพัฒนาโปรดักต์ทุกมิติ

ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2565 ดังนี้

-เบี้ยรับรวม 26,676.3 ล้านบาท เติบโต 8.8%

-รายได้สุทธิจากการลงทุน 6,254.6 ล้านบาท

แม้จะมีรายได้เติบโตเกินคาด แต่กรุงเทพประกัยภัยกลับมีผลการดำเนินงานขาดทุน 638.4 ล้านบาท เนื่องจากปีที่แล้วบริษัทมีการจ่ายเคลมสินไหมทดแทนประกัยภัยโควิด-19 ไปกว่า 8,700 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทยังมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 5.00 บาท รวมทั้งปี 15.50 บาท

“วิกฤตที่ผ่านมา เราไม่ล้มหรอก แต่เราก็เซ ถือว่าหนักหนาสาหัส เราเจอวิกฤตที่เราอาจจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเราก็ขายประกัน (โควิด) ไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเราก็พยายามจ่ายเคลมสินไหมให้เร็วที่สุด โดยของเราใช้ระยะเวลาจ่ายเคลมอยู่ที่ 11 วัน จากที่ คปภ. กำหนดไว้ว่าไม่เกิน 15 วัน”

“ปี 2566 เราจะโตอย่างไร ภายใต้วิกฤตเราต้องเด้งกลับ แต่ผมไม่ได้บอกว่าจะเด้งไปสู่จุดเดิม แต่จะเด้งไปในจุดที่ใหญ่กว่าเดิม และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน” ดร.อภิสิทธิ์กล่าว

บนเป้าหมายพลิกฟื้นไปในจุดที่ใหญ่กว่าเดิมและสร้างการเติบโตแบบยั่งยืน กรุงเทพประกันภัยวางเป้าหมายปี 2566 ไว้ดังนี้ ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวม 30,000 ล้านบาท โต 12.5% แบ่งเป็น เบี้ยประกันภัยรถยนต์ 13,096 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยที่ไม่ใช้ประกันภัยรยนต์ หรือ Non-Motor ประมาณ 16,904 ล้านบาท

ดร.อภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า เป้าหมายนี้ไม่ยากเกินไป แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากภาวะโดยรวมยังมีความเปราะบาง ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจโลก ที่เงินเฟ้อสูงขึ้น แบงก์ล้ม ซึ่งมีความกังวลว่าจะเกิดโดมิโนเอฟเฟกต์ ส่วนไทยเองภาคส่งออกอาจยังไม่สู้ดีเนื่องจากพาร์ทเนอร์สั่งสินค้าลดลง ซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อจีดีพี

แต่ถึงอย่างนั้นประเทศไทยยังมีปัจจัยบวกคือภาคท่องเที่ยวที่กำลังรอนักท่องเที่ยวจีนกลับมา ซึ่งภาครัฐมีการปรับประมาณการนักท่องเที่ยวในปีนี้เพิ่มเป็น 28 ล้านคน ซึ่งนี่จะส่งผลบวก ก่อให้เกิดการขยายตัวของประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจท่องเที่ยว

อีกทั้งรัฐบาลยังมีนโยบายจัดเก็บค่าธรรมเนียมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยในอัตรา 150-300 บาท/คน หรือที่เรียกว่าค่าเหยียบแผนดิน ซึ่งคาดว่าค่าธรรมเนียมเหล่านี้ส่วนหนึ่งจะนำกลับมาเป็นค่าเบี้ยประกัยสุขภาพของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ส่วนประกันภัยรถยนต์นั้นคาดว่าจะได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากยอดขายรถยนต์ใหม่ในปี 2566 ที่คาดว่าจะเป็นบวกต่อเนื่องเป็นปีที่สอง โดยเฉพาะรถยนต์ EV ที่เติบโตอย่างมาก ปีนี้คาดว่าจะมีรถ EV ที่จดทะเบียนแล้วรวม 40,000 คัน จากปีที่แล้ว 13,000 คัน

แต่ถึงอย่างนั้นก็มีปัจจัยลบต่อธุรกิจประกันวินาศภัย คือ ภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง ธนาคารเองก็ระวังการปล่อยสินเชื่อรถยนต์มากขึ้น การที่ผู้คนกลับมาเดินทางก็เสี่ยงมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมากขึ้น เป็นต้น

สำหรับกรุงเทพประกันภัย วางกลยุทธพลิกฟื้นสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนไว้ดังนี้

-แผนประกันภัยรถยนต์ 2+ Super Special ซึ่งคุ้มครองเพิ่มมากขึ้น และคุ้มค่าในราคาที่เหมาะสมกับสภาพค่าครองชีพในปัจจุบัน คือ นอกจากจะคุ้มครองครอบคลุมภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว ลูกเห็บ และลมพายุแล้ว ยังคุ้มครองความเสียหายจากการพลิกคว่ำหรือตกข้างทาง

รวมถึงคุ้มครองความเสียหายต่อกระจกบังลมรถยนต์ อันเนื่องมาจากอุบัติเหตุอื่นๆ ที่นอกเหนือจากการชน เช่น หินกระเด็นใส่ กิ่งไม้หล่นใส่ หรือกระทบวัตถุต่างๆ เป็นต้น โดย BKI เป็นเจ้าแรกในตลาดที่มีความคุ้มครองแบบนี้ เบี้ยประกันเริ่มต้น 7,300 บาท

-แผนประกันสำหรับ EV ปัจจุบันกรุงเทพประกันภัยมียอดประกัยรถ EV สะสม (งานใหม่รวมต่ออายุ) ราว 2,000 คัน เป็นเบี้ยประกันภัยกว่า 100 ล้านบาท คาดว่าทั้งปี 2566 จะอยู่ที่ 120-140 ล้านบาท โดยปัจจุบันได้รับประกันภัยรถยนต์ EV เป็นประเภท 1 ซ่อมห้าง ซึ่งบริษัทมีแผนพัฒนาความคุ้มครองใหม่ๆ เพิ่มจำนวนรุ่นรถ EV ที่รับประกันภัย และเตรียมความพร้อมด้านข้อมูลความรู้แก่อู่ในสัญญาด้วย

-เตรียมเสนอแผนประกันภัยสุขภาพ+จิตเวช จากสภาวะที่คนไทยเป็นโรคซึมเศร้าเป็นจำนวนมาก แต่ได้รับการรักษาเพียงนิดเดียวเท่านั้น โดยประกันสุขภาพที่เพิ่มความคุ้มครองจิตเวชเข้ามา จะครอบคลุมถึงค่ารักษาพยาบาล ค่าตรวจอาการโรคที่เกี่ยวเนื่องกับจิตใจ ครอบคลุมทั้ง IPD และ OPD คาดว่าจะเสนอขายได้ในช่วงกลางปีนี้

-แผนประกันภัยนักดำน้ำ รองรับความเสี่ยงต่างๆ ของนักดำน้ำ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล การเคลื่อนย้ายเพื่อรักษาพยาบาลฉุกเฉิน เงินชดเชยต่างๆ เช่น อุปกรณ์ดำน้ำเสียหาย การยกเลิกโปรแกรมท่องเที่ยวดำน้ำ

-เพิ่มศักยภาพการบริการ ไม่ว่าจะเป็น ยกระดับอู่ซ่อมในสัญญาให้มีคุณภาพมากขึ้นผ่านโครงการอู่ชวนซ่อม, ปรับลดระยะเวลาการจ่ายค่าซ่อมอู่ในสัญญาภายใน 3 วันทำการ จากเดิม 5 วันทำการ, อำนวยความสะดวกลูกค้าประกันภัยรถยนต์ ไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษา OPD โดยจะเรานำร่องกับโรงพยาบาล 50 คู่สัญญา หรือกว่า 150 แห่ง ก่อนขยายให้ครอบคลุมทั่วประเทศต่อไป

ในปีนี้กรุงเทพประกันภัยยังทุ่มลงทุนด้านเทคโนโลยีถึง 700 ล้านบาท พัฒนาเทคโนโลยีแบบรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น

-พัฒนา API Platform เพื่อให้เชื่อมต่อกับคู่ค้ารายใหม่ได้มากขึ้น

-ใช้เทคโนโลยี Cloud Claims Contact Center เข้ามาช่วยให้เจ้าหน้าที่บริการลูกค้าได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านระบบออนไลน์

-มีบริการ Self Service Notification สำหรับการเคลมประกันภัยรถยนต์

-ต่อยอด Data-Driven Organization เน้นให้ผู้บริหารและพนักงานนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ

-ติดตั้ง Endpoint Detection and Response (EDR) ใช้ตรวจสอบและตรวจจับพฤติกรรมน่าสงสัย สร้างความเชื่อมั่นให้ระบบความปลอดภัยไซเบอร์

-จัดจ้างศูนย์เฝ้าระวังความมั่นคงปลอดภัยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ Security Operation Center (SOC)

ด้าน ‘ชัย โสภณพนิช’ ประธานกรรมการ กรุงเทพประกันภัย กล่าวว่า “จากแผนการดำเนินงานทั้งหมด คาดว่าปีนี้บริษัทน่าจะกลับไปทำกำไรในระดับเดียวกับปี 2562 ได้ ซึ่งจะมาทั้งจากกำไรที่เกิดจากการรับประกันภัย และกำไรที่เกิดจากการขายหุ้น”