SHARE

คัดลอกแล้ว

‘เศรษฐา’ เยี่ยมกทม. ยันนโยบาย สอดคล้องวิสัยทัศน์ 8 ด้านของรัฐบาล ฝากเร่งแก้ แท็กซี่เถื่อน-ไกด์เถื่อน-PM 2.5

วันนี้ (23 ก.พ. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เดินทางไปที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เพื่อติดตามความก้าวหน้าในการเร่งรัดการพัฒนากรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยมีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารให้การต้อนรับ โดยนายชัชชาติ ได้บรรยายสรุปถึงปัญหาและแนวทางพัฒนากรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาจราจร ที่มีปัญหามาอย่างยาวนาน ให้นายกฯ รับฟัง

เบื้องต้นได้กวดขันวินัยจราจร ติดตั้งกล้อง CCTV ปรับปรุงจุดคอขวด และงานก่อสร้าง แก้ไขจุดฝืดทั้ง 100 จุดโดยจะทำให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ พร้อมทั้งจะพูดคุยกับ กรมการขนส่งทางบก และ ขสมก. เพื่อทำให้ขนส่งสาธารณะครอบคลุม ปรับปรุงรถให้ทันสมัยเพิ่มป้ายรถเมล์ใหม่ แก้ปัญหารถติด ด้วยการส่งเสริมเรื่องระบบขนส่งสาธารณะให้เพียงพอกับประชาชน

นอกจากนี้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เป็นปัญหาสำคัญ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากมลพิษท่อไอเสีย โดยจะมีมาตรการลดฝุ่นจากควันรถ เข้มงวดตรวจควันดำ ให้รถยนต์เปลี่ยนไส้กรอง รวมถึงมีมาตรการ Work From Home พยายามโปรโมทให้หันมาใช้รถ EV (อีวี) รวมถึงลดการใช้รถเก่า ที่ขณะนี้ได้ปรับปรุง ร่างพ.ร.บ.รถยนต์ แล้ว คาดเดือนมิถุนายนนี้จะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ เพื่อเปลี่ยนแรงจูงใจทางเศรษฐกิจ ดึงรถเก่าออกจากระบบ ตลอดจนลดการเผาในพื้นที่กรุงเทพมหานครได้ แต่การควบคุมกับประเทศเพื่อนบ้านยังเป็นเรื่องที่ยาก และพยายามจะคืนพื้นที่สีเขียว ผ่านโครงการปลูกต้นไม้ล้านต้น

ส่วนการแก้ปัญหาหาบเร่แผงลอย พยายามหาพื้นที่ที่เหมาะสม เช่น ที่ของการรถไฟริมทางทางเท้า เพื่อให้พ่อค้า แม่ค้า ได้เข้าไปขายของโดยให้เสียค่าเช่า ขณะเดียวกันได้พยามกวดขันห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า เนื่องจากในพื้นที่กรุงเทพมีเยาวชนเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าถึงร้อยละ 14 พร้อมขอให้นายกรัฐมนตรีปราบปรามแหล่งจำหน่าย เพื่อควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า สำหรับการพัฒนาเมืองได้มีการวางแผนไว้แล้ว รวมถึงการขุดลอกคูคลองกว่า 3,000 กิโลเมตร โดยจะพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายว่า ยินดีที่ได้มาเยือนกรุงเทพมหานครเป็นครั้งแรก การนำเสนอที่ชัดเจนจากผู้ว่าฯ กทม. สอดคล้องกับนโยบาย 8 ข้อของนโยบายที่ได้แถลงวิสัยทัศน์เมื่อวานนี้ และสิ่งที่ดำเนินการอยู่หลายเรื่องเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ยอมรับว่า ยังขาดการสนับสนุนจากหน่วยงานอื่น หรือถึงแม้จะมีการสนับสนุนแต่ก็ยังขาดความรวดเร็ว ดังนั้น ต้องร่วมมือกัน เพื่อพัฒนากรุงเทพให้ดีขึ้น วันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการพบปะพูดคุยกัน เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีการมอบหมายงานให้แต่ละส่วนมาพูดคุยกับ กทม. อย่างชัดเจน

ส่วนของรัฐบาลได้มอบหมายให้นางพวงเพชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คอยประสานงาน กับ กทม. เพื่อทำให้การดำเนินงานนั้นรวดเร็วขึ้น หากต้องการความช่วยเหลือก็สามารถประสานงานได้ และอยากให้ทุกฝ่ายมาร่วมพูดคุยในเชิงลึก เช่น การขุดลอกคูคลอง ที่อยากให้พูดคุยกับทางกองทัพบกให้ชัดเจนว่าจะดำเนินการจุดไหนบ้าง

รวมถึงเรื่องจราจร แม้สิ่งที่ ผู้ว่าฯ กทม. ดำเนินการอยู่นั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ยังขาดการสื่อสาร ดังนั้น สามารถประสานงานไปยังรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีให้ช่อง NBT และช่อง 9 MCOT ช่วยประชาสัมพันธ์ในสิ่งที่ผู้ว่าฯ กทม. ดำเนินการได้ ตลอดจนการทำรถไฟฟ้าให้ประชาชนเข้าถึงการบริการ และได้ราคาถูก โดยอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการขนส่งทำเรื่องนี้ให้ดีขึ้น รวมถึงเรื่องค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย

สำหรับปัญหาแท็กซี่ไม่ยอมกดมิเตอร์นั้น ถือว่ากัดกร่อนการท่องเที่ยวประเทศไทย ขอฝากให้กระทรวงคมนาคมไปดำเนินการเรื่องนี้ รวมถึงฝากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แก้ปัญหาไกด์เถื่อน แท็กซี่เถื่อน ตลอดจนเรื่องความสะอาด เพื่อสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าประเทศจนก้าวสุดท้ายออกนอกประเทศ

ในส่วนการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่มีปัญหาทุกปี และสิ่งที่ผู้ว่าฯ กทม. ออกมาตรการWork From Home ถือเป็นเรื่องที่ดีสามารถช่วยลดฝุ่นได้ ยืนยันรัฐบาลให้ความสำคัญ และบริหารจัดการได้เป็นอย่างดีทุกภาคส่วน แต่เป็นเรื่องเศรษฐกิจ และปัญหาปากท้องของประชาชน ที่ต้องบริหารจัดการให้ถูกต้อง ที่ต้องใช้เงินมากยิ่งขึ้น จึงขอบคุณ กทม. ที่นำรถอัดฟางเข้ามา ช่วยเพิ่มประโยชน์ให้กับประชาชนได้อีกหนึ่งช่องทาง

ส่วนปัญหาฝุ่นควันจากประเทศเพื่อนบ้าน ได้โทรศัพท์สายตรงไปยังผู้นำในประเทศเพื่อบบ้านแล้ว และจะพยายามทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในด้านนี้ดีขึ้น และมีอากาศที่สะอาดขึ้นย้ำว่าอยากให้มีการประสานงานที่ดีขึ้น ให้ความสำคัญกับหน่วยงานของ กทม. มากขึ้น ส่วนรัฐบาลก็อยากให้พูดคุยกันบ่อยขึ้น และอยากให้มีการสื่อสารที่ดี

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ตรวจเยี่ยมแถวเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กรมการขนส่งทางบก สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค สำนักเทศกิจ และสำนักอนามัย พร้อมทั้งปล่อยขบวนรถออกปฏิบัติการ บริเวณลานคนเมือง

นายเศรษฐา ได้ให้สัมภาษณ์ว่า จากการแถลงวิสัยทัศน์ 8 ข้อ เมื่อวานนี้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนากรุงเทพมหานครด้วย และปฏิเสธไม่ได้ว่า แม้จะพยายามกระจายความเจริญไปสู่ต่างจังหวัด แต่กรุงเทพมหานครยังถือเป็นประเทศไทยเล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งวันนี้ตนมาเยือน กทม. เป็นครั้งแรก และได้ทราบถึงวิสัยทัศน์และแผนงานทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว และมีหลายนโยบายสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลด้วย และให้มีการประสานกับนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในการทำงานร่วมกัน

สำหรับเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า ยืนยันว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และต้องจัดการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง และต้องมีการเข้มงวดเรื่องการนำเข้า ถือเป็นหน้าที่ขอกรมศุลกากรต้องเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจข้นมากขึ้น

สำหรับการแก้ปัญหาเรื่องฝุ่น ที่หลายฝ่ายมองว่า มาตรการของกทม.เป็นเรื่องเดิมๆที่เคยทำมาอยู่แล้วในทุกๆปีนั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่กทม.ทุกคนด้วย เพราะปัญหาฝุ่นมีทุกปีอยู่แล้ว แต่ปีนี้ปริมาณฝุ่นลดลงชัดเจน และทางผู้ว่าฯกทม. ได้มีผลงานดีๆในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนมาเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องร่วมกับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ เป็นต้น รวมถึง ประชาชนก็เริ่มหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งหากสามารถทำให้ประชาชนเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าได้มากขึ้นได้ก็จะเป็นเรื่องดี และยืนยันว่า รัฐบาลและกทม.พยายามแก้ปัญหาอยู่ แต่ให้ฝุ่นอยู่ในระดับศูนย์เลย คงไม่เป็นธรรมกับผู้ว่าฯกทม. เพราะผู้ว่าฯพยามทำอย่างเต็มที่

การแก้ปัญหารถติดในกทม. นายกรัฐมนตรี เชื่อว่า มีความพยายามในการบริหารจัดการเรื่องการจราจรได้ดีกว่านี้ได้ ซึ่งทางกทม.จะเพิ่มความเข้มงวดในด้านวินัยจราจร และให้ประชาชนมาใช้บริการรถโดยสารสาธารณะมากยิ่งขึ้น รวมถึงการลดค่าโดยสาร รวมถึงการทำระบบเชื่อมต่อจากซอยต่างๆมายังถนนใหญ่ จะมีส่วนช่วยลดความหนาแน่นของการจราจรได้

สำหรับข้อเสนอจากกทม. ในการย้ายท่าเรือคลองเตยนั้น นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลก็จะมีพิจารณาว่า จำเป็นย้ายหรือไม่ โดยยอมรับว่า ต้องคำนึงถึงเรื่องการขนส่ง ที่เป็นฐานการส่งออกควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 ซึ่งต้องพิจารณาให้ครบทั้งองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง เฟส 2 และเฟส 3 หากโครงการนี้เสร็จสมบูรณ์ที่ต้องทำต่อเนื่องกันไป โดยที่ต้องไม่ให้มีการกระทบกับส่งออก

ด้าน นายชัชชาติ ชี้แจงว่า เรื่องท่าเรือคลองเตยอยู่ในวาระเรื่องฝุ่นแห่งชาติอยู่แล้ว ตั้งแต่ปี 62 และต้องเป็นเรื่องที่มาทบทวนว่า เหมาะสมหรือไม่ แต่จากตัวอย่างในทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นมหานครต่างๆ หรือ ลอนดอน ท่าเรือต่างๆมีการย้ายออกข้างนอกหมด ซึ่งช่วยควบคุมน้ำทะเลที่หนุนสูงได้อีกด้วย แต่เรื่องนี้คงต้องศึกษารายละเอียดให้รอบคอบอีกครั้ง

นายกฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า ในช่วง 4 ปีนี้ อยากเห็นการพัฒนาในหลายมิติทั้งเรื่องความสะอาด ความปลอดภัย การแก้ปัญหา PM2.5 เรื่องการทำให้คุณภาพชีวิตของคนกทม.ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแท็กซี่ หรือหาบเร่แผงลอย และทำให้กทม.เป็นเรื่องน่าอยู่ พร้อมกับยืนยันว่า สามารถทำงานร่วมกับผู้ว่าฯกทม.ได้เป็นอย่างดี ไม่มีปัญหาอะไรกัน และมีการพูดคุยตลอดเวลา สามารถยกหูต่อสายตรงได้ตลอด

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า