SHARE

คัดลอกแล้ว

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ พบข้อมูล ‘รถบรรทุก’ เกิดเหตุถนนยุบ เคยบรรทุกน้ำหนักเกิน สั่งเอาจริงให้ทุกเขต สำรวจไซด์งานก่อสร้างพร้อมสุ่มตรวจ เล็งติดตั้ง ‘เครื่องตรวจจับน้ำหนัก’ ใต้สะพาน ภายในปีนี้

ภาพจาก กรุงเทพมหานคร

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ให้สัมภาษณ์กรณีรถบรรทุกคันหนึ่งประสบเหตุตกบ่อ บนถนนสุขุมวิท บริเวณหน้าซอยสุขุมวิท 64/ 1 เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 66 ว่า เบื้องต้นได้ข้อมูลจากงานวิจัยการชั่งน้ำหนักรถของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า บรรทุกคันเดียวกันที่เกิดเหตุถนนยุบนั้น มีข้อมูลจากเครื่องวัด Bridge Weight Motion หรือเครื่องตรวจจับน้ำหนักใต้สะพาน พบว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 66 เวลา 15.32 น. รถบรรทุกคันนี้บรรทุกน้ำหนัก อยู่ที่ 61.4 ตัน ขณะที่น้ำหนัก ตามที่ระเบียบกรุงเทพมหานครได้ประะกาศใช้เมื่อปี 2565 อยู่ที่ 25 ตัน ซึ่งเป็นน้ำหนักสอดคล้องกับ พ.ร.บ.ของกรมทางหลวง

ภาพจาก กรุงเทพมหานคร

นายชัชชาติ ระบุ ยังไม่ยืนยันว่า เป็นการทำผิดกฎหมาย เนื่องจากต้องรอกระบวนการสอบสวนของตำรวจ ตรวจหาน้ำหนักที่แท้จริงในวันเกิดเหตุ แต่ข้อมูลที่นำมาแสดงต่อสื่อในครั้งนี้เป็นงานวิจัยที่เก็บไว้ เป็นการค้นหาข้อมูลเลขทะเบียนซึ่งเป็นคันเดียวกัน หากดูจากข้อมูล พบว่า รถบรรทุกน้ำาหนักเกิน 36.4ตัน และวิ่งนอกเวลาด้วย

ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวต่อว่า หากพิจารณาตามอำนาจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรุงเทพมหานครสามารถบังคับใช้ระเบียบน้ำหนักรถบรรทุกได้ แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ของ กทม. โดยเฉพาะเทศกิจไม่มีประสบการณ์ ความรู้ ในการตรวจจับน้ำหนักของรถบรรทุก ที่ผ่านมาต้องอาศัยความร่วมมือกับตำรวจ ซึ่งในอนาคต จะมีการตรวจเอาผิดรถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกิน โดยเมื่อวานนี้หลังจากที่ได้หารือกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะต้องวางมาตรการร่วมมือกันทุกฝ่ายดำเนินการสกัดกั้นรถบรรทุกน้ำหนักเกิน

นายชัชชาติ ย้ำว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นกำลังสำคัญที่จะบังคับใช้กฎหมาย เพราะเป็นคดีอาญา เพราะเป็นผู้เขียนสำนวนว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้อง

ส่วนปัญหาเรื่องส่วยจากสติกเกอร์สีเขียวที่พบหน้ารถบรรทุก ข้อมูลจากสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการส่งส่วยให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่เพื่อให้สามารถบรรทุกน้ำหนักเกินและวิ่งนอกเวลาได้ ทางกทม.ในฐานะหน่วยงานท้องถิ่น จะดำเนินการอย่างไร ถ้าหากตำรวจไม่ดำเนินการ นายชัชชาติ ยืนยันว่า จะต้องขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างจริงจัง

และยืนยันว่า สำนักงานเขต ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับส่วยอย่างแน่นอน เพราะดูเฉพาะความสะอาด เช่น มีผ้าคลุมรถหรือไม่ หากมีความร่วมมือจาก 3 หน่วยงาน คือ กทม. กรมทางหลวง และตำรวจท้องที่มาร่วมทำงานสร้างความมั่นใจให้กับพื้นที่ เมื่อมีหลายฝ่ายทำงานร่วมกัน จะทำให้ปัญหาการจ่ายส่วยลดลงเพราะมีหลักฐาน โดยเชื่อว่าตำรวจจะเอาจริงเอาจัง เนื่องจากปัจจุบันประชาชนเห็นหมด แนวปฏิบัติเดิมๆ อาจจะใช้ไม่ได้ในยุคนี้ สังคมจะเห็นว่าใครทำผิดและใครทำถูก ส่วนกทม. จะสำรวจปัญหาว่ามีในส่วนไหนเช่นกัน

นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทาง กทม. ไม่ได้ให้ความสำคัญแค่รถบรรทุกคันนี้ แต่เป็นการวางแผนเพื่อภาพรวมความปลอดภัยในอนาคตให้สามารถนำข้อมูลทางวิชาการมาปรับใช้ได้ และนำมาสู่ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมขนส่งทางบก ตำรวจทางหลวง ตำรวจท้องที่ และหน่วยงานท้องถิ่น

สำหรับมาตรการจากนี้ นายชัชชาติ ระบุว่า ได้วางแผนทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยระยะสั้น กทม.จะขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่เทศกิจ ไปที่ไซด์งานก่อสร้างเพื่อสุ่มตรวจน้ำหนักรถบรรทุก ได้สั่งการสำนักงานเขตทุกเขตสำรวจไซด์งานก่อสร้างที่มีงานถมดิน ทั้งหมด 319 แห่ง ให้เจ้าหน้าที่สังเกตด้วยตาเปล่า หากพบรถบรรทุกที่คาดว่ามีน้ำหนักเกิน จะนำเครื่องชั่งน้ำหนักเคลื่อนที่ ที่ได้รับการประสานงานจากกรมทางหลวง 2 เครื่องไปสุ่มตรวจ หากพบว่าไซด์งานใด สั่งให้รถบรรทุกน้ำหนักเกินจะมีการตักเตือนและอาจสั่งหยุดการก่อสร้าง

ส่วนในอนาคตทาง กทม.เตรียมจะติดตั้งอุปกรณ์เครื่องวัด Bridge Weight Motion หรือเครื่องตรวจจับน้ำหนักใต้สะพาน 10 จุด ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลการวิจัยเสร็จสิ้นเสียก่อน คาดว่าจะติดตั้งได้ภายในสิ้นปีนี้ ส่วนปีหน้ามีแผนการขยายการติดตั้งให้เพิ่มมากขึ้นคาดว่า 100 จุด แต่จะไม่ระบุว่า จุดไหนเพื่อให้เกิดการบังคับใช้งานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ทั้งนี้ต่างประเทศมีการใช้เครื่องวัดตัวนี้ในหลายประเทศมีค่าความแม่นยำที่ยอมรับได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า กทม. จะเก็บข้อมูลน้ำหนักรถบรรทุกเพื่อยื่นฟ้องคดีอาญาในรายกรณีต่อไปหรือไม่ นายชัชชาติ ระบุว่า ต้องรอให้เครื่องวัดมีความพร้อมเสียก่อน คาดว่าจะมีการติดตั้งเครื่องวัด Bridge Weight Motion ได้กระจายในปีหน้า ยอมรับว่า จะต้องมีการเก็บข้อมูลหลายขั้นตอน.และต้องศึกษาข้อกฎหมายร่วมด้วยเพื่อให้มีน้ำหนักในการยื่นฟ้องต่อศาล ซึ่งกทม.จะ บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นมากขึ้นและจะ เอาผิดไม่ใช่เฉพาะเพียงคนขับรถบรรทุกเท่านั้น แต่จะเอาผิดไปถึงผู้รับเหมาและผู้ว่าจ้างรถบรรทุกด้วยเพราะถือเป็นการทำผิดร่วมกัน

ขณะที่ การประชุมเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายชัชชาติ ได้สั่งกำชับให้ฝ่ายเกี่ยวข้องตรวจสอบงานก่อสร้างบนถนนที่เป็นบ่อท่อร้อยสายไฟฟ้าลงดินของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ที่มีอยู่ 879 แห่งบนถนนในกรุงเทพฯ และบ่อของสำนักการระบายน้ำ ที่มีอยู่อีกกว่า 30 แห่ง เพื่อเข้มงวดกับมาตรฐานในระหว่างการก่อสร้าง ช่วยลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้อีก รวมถึงกำชับให้สำนักงานเขต ออกสำรวจไซด์งานก่อสร้างอีก 319 แห่ง ห้ามบรรทุกน้ำหนักเกินเด็ดขาด

ภาพจาก กรุงเทพมหานคร

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ เผย รถบรรทุก ตกหลุมบ่อ ถนน สุขุมวิท 64/1 บรรทุกน้ำหนักถึง 45 ตัน

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า