จากอดีตผู้ต้องขัง สู่ช่างกีต้าร์แฮนด์เมด พลิกชีวิตคนเคยก้าวพลาด

“ขอบคุณที่ให้โอกาส ขอบคุณที่ให้ชีวิตใหม่ ขอบคุณที่เชื่อใจ” เป็นประโยคที่ได้ยินหลายๆ ครั้ง ตลอดการสนทนากับ ‘นัท’ ธานุวัฒน์ พิมพา อดีตผู้ต้องขัง วัย 30 ปี ที่ปัจจุบันเป็นช่างทำกีต้าร์แฮนด์เมด Blessing Custom Guitars จากมูลนิธิบ้านพระพร ระหว่างการเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเองกับ workpointTODAY จากวันที่เป็นผู้ต้องขังจนถึงวันได้รับอิสรภาพ ครอบครัวสังคมไม่ยอมรับ ถึงวันนี้ที่ได้กลับมามีชีวิตใหม่และได้ครอบครัวกับคืนมา หลังได้ฝึกอาชีพและทำกีต้าร์ขายที่มูลนิธิบ้านพระพร

นัทเล่าย้อนถึงชีวิตตัวเองตั้งแต่วัยเด็กว่าเขาเกิดในครอบครัวที่พ่อแม่แยกทางกัน และรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความรักจากครอบครัว แต่ก็พยายามจะเรียกหาความรักจากครอบครัวมาโดยตลอดด้วยวิธีการของตัวเอง จนเร่มเข้าสู่วัยรุ่นได้มีเพื่อน เริ่มเข้าสังคม เขาเองก็อยากเป็นที่ยอมรับ แต่สิ่งที่ทำให้เป็นที่ยอมรับได้ในกลุ่มเพื่อนของเขาคือ ‘ยาเสพติด’ เป็นจุดเปลี่ยนที่ดึงให้เขาเดินทางผิด

“เรามีแผลในใจ ที่พ่อแม่แยกทางกัน เราขาดการยอมรับจากครอบครัว เราพยายามทำให้ครอบครัวยอมรับทุกวิถีทาง แต่ไม่ได้ พอเรามาเจอเพื่อน เราเข้าหาสังคม รู้สึกว่าสังคมที่เราเข้าไปหา ตอบโจทย์เรื่องการให้การยอมรับ แต่สิ่งที่เขายอมรับนั้น เป็นเรื่องยาเสพติด เป็นสิ่งไม่ดีทั้งหลาย จนเราเสพติดสิ่งเหล่านั้น แล้วตัวเราเองก็ติดใจที่ได้รับการยอมรับจากเพื่อน เรามีความสุขกับตรงนั้น เลยจมอยู่กับตรงนั้น เป็นจุดที่เราออกห่างจากครอบครัว แล้วมาอยู่กับเพื่อนเต็มตัว เพื่อนจะให้บุกน้ำลุยไฟ ก็ยอม เราแสดงความกล้าให้เพื่อนยอมรับ จนสุดท้ายชีวิตก็ก้าวเข้าสู่เรือนจำ จากนั้นชีวิตก็ดิ่งลง ครอบครัวก็ทิ้ง เป็นชีวิตในเรือนจำที่ไร้ญาติ ก็ต้องไปดิ้นรนในเรือนจำอีก ทำตัวให้เฟี้ยว เพื่อให้อยู่รอด”

‘ไม่มีโอกาสแก้ไข’ ทำให้ตลอดชีวิตวัยรุ่นใช้ชีวิตในเรือนจำ

หลายครั้งที่นัทได้รับอิสรภาพ ปล่อยตัวออกจากเรือนจำ ก็มีเหตุในต้องกลับเข้าไปใหม่ ตลอดชีวิตวัยรุ่นเรียกได้ว่าอยู่ในเรือนจำมาตลอด 6 ครั้ง ออกมาได้นานสุดคือ 6 เดือนก็กลับเข้าไปใหม่ ความจริงเขาอยากมีชีวิตที่เดินทางถูกต้องเหมือนคนอื่น เขาพยายาม แต่ไม่มีที่ไหนต้อนรับ

“ออกจากเรือนจำ ก็พยายามเดินทางงาน แต่คนมีประวัติอย่างผมมันไม่ง่าย ต้องหางาน ดิ้นรน ครอบครัวก็ตัดขาด… แค่เดินไปสมัครงานก็โดนไล่ตั้งแต่หน้าประตูป้อมยามแล้ว ยังไม่ทันถึงฝ่ายบุคคลเลย ผมพยายามแต่ไม่ไม่มีที่ไหนเปิดโอกาสเลย สุดท้ายเมื่อไม่มีโอกาสให้เริ่มต้นใหม่ ก็กลับไปเดินทางเดิม เข้าหาเพื่อน เพื่อให้มีเงิน ให้อยุ่รอด ชีวิตก็เลยเข้าสู่เรือนจำ เข้าออกอยู่อย่างนั้นซ้ำไปซ้ำมา 6 ครั้ง” ธานุวัฒน์ กล่าว

จุดเปลี่ยน พลิกชีวิตจากนักโทษ สู่ช่างทำกีต้าร์

กระทั่งการเข้าไปครั้งสุดท้ายได้มี ‘มูลนิธิบ้านพระพร’ เข้าไปให้คำแนะแนว ด้วยความที่เขาเป็นคริสเตียน และได้เจอกับคนจากบ้านพระพร ทำให้รู้สึกว่าที่นี่คือที่ของเขา มีความหวังเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่มูลนิธิบอกกับเขาว่า “ถ้าไม่มีหนทางไป ให้ไปที่บ้านพระพร” จึงเป็นจุดเริ่มที่ทำให้ได้รับชีวิตใหม่

นัทเล่าว่า “จริงๆ ผมไม่ได้อยากเป็นคนไม่ดี ผมอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ไม่มีใครสนับสนุน เมื่อมูลนิธิบ้านพระพรบอกแบบนั้นผมจำขึ้นใจเลย แล้ววันที่ผมออกมาผมก็ดิ่งมาที่มูลนิธิบ้านพระพร และด้วยกฎระเบียบของบ้านพระพรที่สอนผมให้ทำตัวดีขึ้น และยังสร้างอาชีพให้ คือ ช่างกีต้าร์”

กีต้าร์ทำเองทุกขั้นตอน ฝึกความอดทน การวางแผน ช่วยเปลี่ยนนิสัย

“ในการทำกีต้าร์ 1 ตัว จะเริ่มจากไม้ 1 แผ่น ซึ่งก่อนที่เราจะได้มา มีทั้งความอดทน ความพยายาม ต้องรู้จักวางแผนกับมัน เราต้องมองภาพก่อนเลยว่า เราจะทำกีต้าร์ 1 ตัว เราจะทำอย่างไร เราต้องวางแผนไว้ตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งแน่นอนว่าได้ฝึกความอดทน การวางแผน ความคิด เราก้าวผ่านตรงนั้นมาได้ ความลำบาก ความท้อ บางครั้งไสกบ ยังไม่ได้สักที มันยังเบี้ยวอยู่ ความพยายามเหล่านี้มันทำให้ผมมีวันนี้ เพราะผมก้าวผ่านความพยายามเหล่านี้มาได้”

ระยะเวลาในการทำกีต้าร์ 1 ตัว ใช้เวลานาน 3 เดือน ไม่เพียงแค่ความอดทน ทำให้ใจเย็นขึ้น เปลี่ยนเรื่องอารมณ์ ความคิด การมองโลกในแง่ดีขึ้น การรู้จักวางแผนการใช้ชีวิต แต่การที่เขาได้มีอาชีพที่สุจริต สร้างรายได้ให้ตัวเอง ทำให้เขาได้รับการยอมรับจากครอบครัว ได้รับความเชื่อใจจากครอบครัว เพราะเขาได้มีโอกาสพิสูจน์ตัวเองว่าเขาสามารถเป็นคนดีได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้การทำกีต้าร์เปลี่ยนเขาทั้งหมด

ตั้งใจทำกีต้าร์ให้ดีที่สุด ให้สมกับโอกาสที่ได้รับ

“กีต้าร์ที่พวกผมทำ มันเป็นกีต้าร์ที่ให้โอกาส และเปลี่ยนชีวิตคน และผมได้รับโอกาสจากใครสักคนที่จะสั่งกีต้าร์ผม เรามองเห็นโอกาสว่า เขาไว้ใจให้คนขี้คุกอย่างเราให้ทำกีต้าร์ เขาเสียเงินให้เรา 3 – 4 หมื่น เราไม่ใช่ว่าทำเสร็จแล้วส่งแน่นอน ความพิเศษที่เรามีก็คือ เราเห็นโอกาสที่มากกว่าการรับเงินเขา เราอยากทำให้มันดีที่สุด ขอบคุณลูกค้าทุกคนที่เข้ามายื่นมือสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นงานซ่อม งานสร้าง โอกาสเหล่านี้ ผมจะรับมันและทำให้ดีที่สุด” นัท กล่าว

มูลนิธิบ้านพระพร วิชาอาชีพ เปลี่ยนพฤติกรรมผู้พ้นโทษ

อาจารย์วุฒิชัย วงศ์จิโรจน์ ประธานคณะทำงานมูลนิธิบ้านพระพร กล่าวว่า โครงการวิชาชีพกีต้าร์แฮนด์เมด จุดเริ่มต้นมีไว้เพื่อฟื้นฟูและฝึกวิชาชีพให้กับผู้ที่พ้นโทษออกมา ซึ่งผู้พ้นโทษต้องย้อนกลับไปตั้งแต่เป็นวัยรุ่น ตั้งแต่ที่เขากระทำความผิดและเข้าไปในเรือนจำ อาจจะมีพฤติกรรม เช่น ไม่ขยันทำงาน ขี้เกียจ ทางมูลนิธิจึงนำวิชาชีพเข้ามาเพื่อแก้ไขพฤติกรรม พอแก้ไขได้แล้วเขาอยากจะทำเป็นอาชีพก็จะผลักดันส่งเสริมให้

โดยช่วงที่ยังไม่มีสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 มูลนิธิได้เข้าไปแนะนำในเรือนจำ ให้ความรู้ แง่คิด ในเรื่องการเริ่มต้นใหม่ และการรู้จักคุณค่าในตัวเอง ให้เขามีความเชื่อมั่นว่าสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้

“เรารู้สึกดีใจที่ได้ช่วยแก้ไขฟื้นฟูชีวิตที่ก้าวพลาดไป ถ้าเราไม่ช่วยเขา เขาก็คงจะแตกสลายอยู่แบบนั้น และไม่เพียงแต่ชีวิตเขาแตกสลายเขายังทำให้สังคมได้รับผลกระทบนั้นไปด้วย แต่พอมูลนิธิได้มีส่วนเข้าไปแก้ไขฟื้นฟูมันทำให้เขามีความเป็นตัวเป็นตน มีความเป็นมนุษย์กลับคืนมา” อาจารย์วุฒิชัย กล่าว

นอกจากกีต้าร์แฮนด์เมด ที่มูลนิธิบ้านพระพร มีอาชีพทำหมูปิ้ง ชานมไข่มุก ลูกชิ้นทอด เลี้ยงจิ้งหรีด ทำเบเกอรี่ และเย็บผ้า โดยใช้ชื่อแบรนด์ว่า ‘บ้านฉัน’

อาจารย์วุฒิชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า “อยากให้สังคมลองเปลี่ยนความกลัว คนที่เคยทำผิด เป็นการมีความหวังกับพวกเขาว่าสามารถกลับเข้าสู่สังคมได้ ประเทศไทยมีมูลนิธิบ้านพระพร และอีกหลายหน่วยงานที่คอยให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟูพวกเขา เมื่อหน่วยงานให้การรับรองแล้ว สังคมควรเปิดใจ ให้เขาได้มีโอกาสกลับเข้าสู่สังคมได้”