กรณีคนร้ายลอบวางระเบิดพื้นที่กรุงเทพฯ โดยตำรวจสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้แล้วหลายราย โดยเฉพาะนายลูไอ แซแง อายุ 23 ปีและนายวิลดัน มาหะ อายุ 29 ปี ที่ลอบวางระเบิดหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติและถูกจับระหว่างหลบหนีหลังก่อเหตุ
วันที่ 13 ส.ค. ที่กองบินตำรวจ ดอนเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจอรินทราช 26 ได้คุมตัวนายลูไอ และนายวิลดัน ที่ถูกนำตัวไปสอบสวนที่ศูนย์พิทักษ์สันติ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนหน้า หรือศปก.ตร.สน. อ.เมืองจ.ยะลา ก่อนหน้านี้ กลับมาเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายที่สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน โดยทั้งสองคนค่อนข้างเคร่งเครียด สวมเสื้อยืดสีขาว นุ่งโสร่ง ตัดผมสั้นเกรียนทั้งสองคน
สำหรับการควบคุมผู้ต้องหา จะนำตัวไว้ที่ สน.ปทุมวัน 1 คน อีกคนไว้ที่ สน.บางรัก โดยจัดกำลังเฝ้าคุมเข้มตลอด 24 ชม. ซึ่งกระบวนการจะเป็นการฝากขังต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ หลังมีการสอบปากคำแล้วที่ภาคใต้
ด้านพันตำรวจเอก กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ชี้แจงว่า ไม่มีการโอนคดีวางระเบิดในพื้นที่กรุงเทพฯ ไปให้กับกองบังคับการปราบปรามเป็นคนทำคดี แต่เป็นการร้องทุกข์กล่าวโทษตามขั้นตอนในคดีอาญาโดยให้ทุกคดีในพื้นที่เกิดเหตุเข้ามาร้องทุกข์กล่าวโทษแจ้งความรวมกันที่กองปราบปรามที่เดียวเพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยากและเกิดความสับสน เนื่องจากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นในหลายท้องที่และมีลักษณะคล้ายคลึงกัน

แพทย์ตรวจสุขภาพผู้ต้องหา
ส่วนอำนาจในการสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีกับผู้ต้องหายังคงเป็นอํานาจหน้าที่ของคณะ พนักงานสืบสวนสอบสวนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแต่งตั้งไปเมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งมีนายตำรวจระดับรองผู้บัญชาการและผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติร่วมในคณะทำงานด้วย
ด้าน พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 กล่าวที่นราธิวาส หลังเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ด่านศุลกากร หอการค้า จ.นราธิวาส ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 อำเภอ ประกอบด้วย อ.สุไหงโก-ลก ตากใบ และแว้ง ที่มีพรมแดนติดต่อกับรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย เพื่อวางมาตรการคุมเข้มบุคคลที่เดินทางเข้าและออกราชอาณาจักร หลังพบว่า นายลูไอและวิลดัน รับว่าเป็นคนขนระเบิดข้ามแดนจากรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ผ่านพรมแดน อ.สุไหงโก-ลก ที่กล้องวงจรปิดที่บริเวณด่านพรมแดน อ.สุไหงโก-ลก สามารถบันทึกภาพเอาไว้ได้
แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. สั่งให้มีการตรวจเข้มเป็นกรณีพิเศษตลอดแนวชายแดนทั้งหมด โดยเฉพาะสิ่งของที่นำเข้าไม่ว่ารถหรือคน