Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

พ.ต.อ.ธนสิทธิ ผู้วิเคราะห์ความเร็วรถเฟอร์รารี่เผยครั้งแรกคำนวณ 177 กม./ชม.จริง แต่ตอนหลังเชื่อ ดร.สายประสิทธิ์ จึงเปลี่ยนเป็น 79 แต่เมื่อตรวจสอบใหม่พบว่าคลาดเคลื่อน 46% จึงจะกลับไปแก้ข้อมูลใหม่ แต่ตำรวจเจ้าของคดีบอกว่าคดีสิ้นสุดไปแล้ว

ภาพ : FB จิรายุ ห่วงทรัพย์

วันที่ 13 ส.ค. 2563 คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ร่วมกับ ร่วมกับ คณะกรรมาธิการ กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรมหาชน และกองทุน เชิญผู้เกี่ยวข้องกับคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา ที่ขับรถเฟอร์รารี่ ชนรถจักรยานยนต์ของ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ จนเสียชีวิตเข้าชี้แจง

พ.ต.อ.ธนสิทธิ แตงจั่น นักวิทยาศาสตร์ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลาง ชี้แจงกรณีเปลี่ยนแปลงข้อมูลความเร็วของรถเฟอร์รารี่ที่ตรวจวัดครั้งแรก ในปี 2555 ได้ 177 กม./ชม. มาเป็น 79.23 กม./ ชม. ในภายหลังว่า ครั้งแรกเมื่อได้รับหนังสือจากพนักงานสอบสวนระบุให้ตรวจรถเฟอร์รารี่ จึงตรวจจากการวัดจริงและไฟล์ภาพ ลงความเห็นในครั้งแรกว่าวิ่งด้วยความเร็ว 177 กม./ชม.

ต่อมาได้รับเอกสารของ รองศาสตราจารย์ ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ ม.เทคโนดลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ซึ่งมีมีตัวอ้างอิงที่มาของข้อมูลรถ มีวิธีการคำนวณ ซึ่งเป็นวิธีการคำนวณคนละวิธีกับที่ตำรวจใช้ แต่ด้วยขณะนั้นมีระยะเวลาจำกัด และคิดว่าวิธีใหม่ของ ดร.สายประสิทธิ์ อาจจะเป็นวิธีที่ถูกต้อง จึงได้เปลี่ยนแปลงความเร็วของรถตาม

หลังจากให้ปากคำไปแล้ว ภายในเดือนเดียวกัน 29 มี.ค. 2559 ตนได้นำข้อมูลของ ดร.สายประสิทธิ์ มาให้ทีมวิเคราะห์วิธีการคำนวณอีกที พบว่ามีความผิดพลาดมากถึง 46% พอรู้ว่าผิดจึงรีบนำข้อมูลไปแจ้งผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลางทราบทันที ไม่ได้นิ่งนอนใจ และจะขอแก้ไขโดยจะให้ปากเพิ่มเติม

พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง จึงโทรศัพท์แจ้ง พ.ต.อ.วีรดล ทับทิมดี เจ้าของคดี ทันที โดยมีการเปิดลำโพงสนทนาให้ตนได้ยินด้วย แต่ได้รับแจ้งว่า เอกสารส่งให้พนักงานอัยการไปแล้ว หมดหน้าที่ของตำรวจแล้ว และคดีเรื่องความเร็วขาดอายุความไปแล้ว ผู้บังคับการและตน จึงมีความเชื่อว่า ไม่จำเป็นต้องสอบเพิ่มเพราะหมดอายุความไปแล้ว

“ผมก็เลยเชื่อโดยสำคัญผิดว่ามันขาดอายุความไปแล้วเหมือนกัน แต่นั่นคือผมได้ขอให้มีการแก้ไขแล้ว”

ภาพ : FB จิรายุ ห่วงทรัพย์

เมื่อ กมธ.ถามว่า กองพิสูจน์หลักฐานกลางน่าจะมีองค์ความรู้ที่สะสมมา น่าจะเชื่อได้มากกว่าคนนอก และทั้งๆ ที่ไม่แน่ใจทำไมใช้เป็นหลักฐาน

พ.ต.อ.ธนสิทธิ ตอบว่า วันที่ได้ดูวิธีการคำนวณของ ดร.สายประสิทธิ์ นอกจากตนแล้ว ยังมี พ.ต.อ.วิวัฒน์สิทธิสรเดช ดร.ด้านพิสิกส์ที่ดูด้วยกันแล้วก็ยังไม่พบข้อบกพร่อง ประกอบกับการที่ ดร.สายประสิทธิ์ แนะนำตัวว่ามีคุณวุฒิด้านความปลอดภัยทางรถยนต์ ตนจึงมีความเชื่อว่าน่าเชื่อถือในระดับยอมรับได้

พ.ต.อ.ธนสิทธิ ยังระบุด้วยว่า คณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรียกให้ตนไปร่วมประชุม เมื่อ วันที่ 21 ก.ค. 2559 ตนไปรออยู่ครึ่ง ชม. แล้วมีเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ต้องให้ปากคำแล้วจะเชิญมาภายหลัง แต่ก็ไม่ได้รับเชิญอีกเลย จึงไม่ทราบว่ามีข้อมูลว่าตนชี้แจงต่อ กมธ.ชุดนั้นได้อย่างไร

ทั้งนี้ต่อมา 11 ส.ค. 2559 ตนได้รับหนังสือจากจเรตำรวจ ให้ไปให้ปากคำก็ไปยืนยันความเร็วว่าขอยืนยันตามรายงานเดิม 177 กม./ชม. ต่อมา 4 ก.ย. 2560 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหนังสือเชิญไปให้ถ้อยคำ ซึ่งตนก็ไปให้ถ้อยคำว่ามีความผิดพลาดขอให้กลับมาใช้ 177 กม./ชม.

ด้าน พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้ลงนามในคำสั่งไม่เห็นแย้งกับอัยการ ชี้แจงว่า ดูตามสำนวนตามลำดับชั้นที่ส่งขึ้นมา และมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า เป็นการใช้ดุลพินิจโดยสุจริต เที่ยงธรรมไม่ได้เลือกปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม จากการฟังคำชี้แจงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยอมรับว่าตนก็ตกใจเหมือนกัน ทำไมกลับคำง่าย ไม่ยึดหลักของตนเอง โดยจะจะปรับปรุงการทำงานของเราให้ประชาชนเชื่อมั่นและศรัทธา

 

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า