ผู้นำอังกฤษชี้อังกฤษได้รับอิสรภาพหลังเบร็กซิท ยืนยันจะบริหารประเทศในมุมมองที่แตกต่างจากสหภาพยุโรปและจะดีกว่าแน่นอน
วันที่ 1 มกราคม 2564 เว็บไซต์บีบีซีรายงานว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เปิดเผยถึงการแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป หรือที่เรียกว่า ‘เบร็กซิท’ ว่า ในตอนนี้สหราชอาณาจักรเหมือนได้อิสรภาพกลับมาอยู่ในมือแล้ว พร้อมให้ความเชื่อมั่นว่า การออกจากสหภาพยุโรปจะทำให้มีโอกาสบริหารประเทศในมุมมองที่แตกต่างและดีกว่า
การเปิดเผยครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่สหราชอาณาจักรพ้นกำหนดเปลี่ยนผ่านการออกจากสมาชิกสหภาพยุโรป เมื่อเวลา 23.00 น. ของวันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งหลายฝ่ายถือว่า เป็นการออกจากสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการ โดยที่ทั้งสองฝ่ายสามารถทำข้อตกลงระหว่างกันได้ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้นปี 2563
‘เบร็กซิท’ จะส่งผลเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดเดิมระหว่างสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปหลายเรื่อง เช่นสินค้านำเข้า-ส่งออก ที่ต้องมีกระบวนการทางเอกสาร และมีเงื่อนไขทางภาษี เช่นเดียวกับการเคลื่อนย้ายพลเมืองระหว่างสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปที่จำเป็นต้องยื่นขอวีซ่า หากต้องการพำนักมากกว่าระยะเวลาที่กำหนด นอกจากนี้ยังมีเงื่อนไขในรายละเอียดอีกหลายประเด็น ที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบเบื้องต้น แต่รอการเจรจาเพื่อทำความตกลงเพิ่มเติมอีกครั้ง
รัฐมนตรีหลายคนของอังกฤษเตือนว่า ในช่วงเวลาไม่กี่สัปดาห์นับจากนี้ ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจกับสหภาพยุโรปอาจต้องพบกับความไม่สะดวก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ฝ่ายสนับสนุนให้แยกตัวระบุว่า การแยกตัวจะทำให้สหราชอาณาจักรมีโอกาสใหม่ๆ ในการดำเนินนโยบาย รวมทั้งโอกาสที่จะเป็นมหาอำนาจของโลกที่เป็นอิสระ ขณะที่ฝ่ายไม่เห็นด้วยกับการแยกตัวมองว่า การแยกตัวจะส่งผลต่อเศรษฐกิจและจะทำให้สหราชอาณาจักรสูญเสียบทบาทในประชาคมโลก
กระบวนการ ‘เบร็กซิท’ ที่เริ่มต้นอย่างเป็นทางการในวันนี้ มีจุดเริ่มต้นมาจากการลงประชามติเมื่อเดือนมิถุนายน 2559 ซึ่งในความเป็นจริงข้อเสนอให้สหราชอาณาจักรแยกตัวจากสหภาพยุโรปเกิดขึ้นในสังคมมาอย่างต่อเนื่องหลายสิบปี สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากบทความสรุป ‘เบร็กซิท’ การบอกเลิกที่วุ่นวายทั้งยุโรป ได้ที่นี่