SHARE

คัดลอกแล้ว

ใกล้จะถึงคิวขึ้นชกแล้ว สำหรับ Kickboxing Exhibition Fight ระหว่าง บัวขาว บัญชาเมฆ กับ โคตะ มิอุระ ในศึก KAT Presents Legend of Rajadamnern ที่ทั้งคู่จะขึ้นชกกันบนเวทีมวยราชดำเนิน ในวันศุกร์ที่ 19 ส.ค. นี้ เวลา 21.15 น.

แม้จะเป็นเพียงการชกโชว์ที่ไม่มีการตัดสินผลการแข่งขัน แต่ด้วยความที่สองฝั่งมีความเป็นซูเปอร์สตาร์สูงทั้งคู่ ทำให้ไฟต์นี้ได้รับความสนใจจากผู้คนเป็นอย่างมาก

วันนี้ workpointTODAY จะพาทุกคนไปรู้จักกับที่มาที่ไปของไฟต์พิเศษนี้ ว่ามีประเด็นใดน่าสนใจบ้าง

 

เวทีราชดำเนินโฉมใหม่

แน่นอนว่าหลายคนต่างคุ้นชื่อสนามมวยราชดำเนินเป็นอย่างดี แต่ในความเป็นจริงคงมีน้อยคนที่จะติดตามการชกบนสังเวียนระดับตำนานนี้ ยกเว้นกลุ่มคนในวงการหมัดมวย รวมถึงกลุ่มที่เรียกตนเองว่า ‘เซียนมวย’ 

สนามมวยราชดำเนินเริ่มจัดการแข่งขันขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ 23 ธันวาคม 2488 หรือเกือบ 77 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่สงครามโลกครั้งที่ 2 เพิ่งจะยุติลง โดยเริ่มแรกเป็นสนามมวยกลางแจ้ง ก่อนที่จะมีการต่อเติมหลังคาและสร้างอัฒจันทร์ จนเริ่มใช้ได้จริงในช่วงปลายปี 2494 

การที่เวทีแห่งนี้มีสถานะเป็นสนามมวยแห่งชาติ และจัดการชกมาเป็นเวลานานอย่างต่อเนื่อง ทำให้เวทีมวยราชดำเนินกลายเป็นเวทีระดับตำนานของประเทศที่ใครๆ ก็รู้จัก

แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือ ในสายตาคนทั่วไป ความขลังหรือความเป็นตำนานที่เอ่ยไปข้างต้น ไม่ได้มีส่วนช่วยให้คนอยากตีตั๋วเข้าไปดูการแข่งขันเท่าใดนัก จึงเป็นที่มาของการปรับปรุงครั้งล่าสุด ภายใต้การนำของ บริษัท โกลเบิล สปอร์ต เวนเจอร์ส จำกัด (Global Sport Ventures) หรือ GSV ที่ต้องการปรับปรุงภาพลักษณ์ของทั้งเวทีและรูปแบบการแข่งขัน เพื่อหวังให้กลายเป็นสปอร์ต เอนเตอร์เทนเมนต์ เซ็นเตอร์ระดับโลก

ในแง่ของการแข่งขัน ทาง GSV ได้จัดศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ หรือ RWS ซึ่งเป็นรายการมวยไทยที่มาในรูปแบบของกติกาใหม่ เพื่อเพิ่มความตื่นเต้นและความสนุกสนานยิ่งขึ้น โดยจัดการแข่งขันมาตั้งแต่ 22 ก.ค. ที่ผ่านมา

และไฟต์ บัวขาว vs โคตะ นี้เอง ที่จะเป็นการเปิดตัวเวทีแห่งนี้อย่างเต็มรูปแบบ ให้ภาพลักษณ์ใหม่ของเวทีมวยราชดำเนินออกไปสู่สายตาของคนในวงกว้างมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการคืนสังเวียนราชดำเนินของบัวขาวครั้งแรกในรอบ 18 ปีอีกด้วย

 

ตำนาน vs ดาวรุ่ง

การนำนักมวยระดับตำนานของไทยมาเจอกับนักสู้ดาวรุ่งของญี่ปุ่นเป็นอีเวนต์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก และก็ไม่แน่ว่าจะมีไฟต์แบบนี้เกิดขึ้นอีกหรือไม่

ตัวของบัวขาวเอง ถือเป็นนักมวยชาวไทยที่มีชื่อเสียงที่สุดในปัจจุบันและยืนระยะมาได้อย่างต่อเนื่อง ในความเป็นจริงแม้ว่าประเทศไทยจะเคยมีนักมวยที่ดังเปรี้ยงปร้างหลายคน แต่แทบไม่มีใครที่อยู่ในกระแสได้ต่อเนื่องนานเท่าบัวขาวมาก่อน

ส่วนฝั่งของโคตะก็เป็นนักสู้สายเลือดใหม่ที่น่าจับตามอง นับเป็น 1 ในนักกีฬาศิลปะการต่อสู้ชาวเอเชียที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งในสายตาของคนไทย แม้จะยังไม่ได้แสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์มากนัก แต่ด้วยความที่เจ้าตัวเป็นลูกชายของ คาซูโยชิ มิอุระ นักฟุตบอลระดับตำนานของญี่ปุ่น จึงทำให้เขามีโปรไฟล์ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ยิ่งบวกเข้ากับรูปร่างหน้าตาที่หล่อเกินบรรยาย ส่งผลให้โคตะกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ที่มีชื่อเสียงในวงกว้างได้ไม่ยากนัก

การที่บัวขาวในวัย 40 ปี ซึ่งเป็นช่วงปลายอาชีพ กับจังหวะกับที่โคตะในวัย 20 ปี พุ่งขึ้นมาพอดี เลยเป็นโอกาสที่อาจเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่แฟนๆ ชาวไทยจะได้เห็นซูเปอร์สตาร์ 2 คนขึ้นชกกันแบบนี้

 

การต่อยอดจากมวยไทย 

ในการชกครั้งนี้ จะเป็นการใช้กติกาแบบคิกบ็อกซิง (Kickboxing) ซึ่งลดทอนอาวุธจากการชกแบบมวยไทย ตรงที่จะตัดการใช้ศอกออก และมีการคิดคะแนนที่แตกต่างออกไป 

นอกจาก GSV ที่เป็นหัวเรือใหญ่ และเวิร์คพอยท์ทีวี ช่อง 23 ที่เป็นผู้ถ่ายทอดสดแล้ว อีกหนึ่งหน่วยงานที่มีบทบาทในการจัดการชกไฟต์นี้ขึ้น คือหน่วยงานของภาครัฐอย่าง กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทย ที่มีจุดประสงค์ในการส่งเสริมให้เห็นว่า กีฬามวยไทยสามารถต่อยอดไปได้อย่างไรบ้าง

อย่างในกรณีของบัวขาว ก็เป็นนักสู้อีกคนที่มีพื้นฐานมาจากกีฬามวยไทย ก่อนจะไปสร้างชื่อเสียงโด่งดังจากศึก K-1 ซึ่งเป็นการแข่งขันคิกบ็อกซิงรายการดังที่ญี่ปุ่น

ดังนั้นในการชกไฟต์นี้ นอกจากจะมีจุดประสงค์เพื่อโปรโมตเวทีราชดำเนินโฉมใหม่แล้ว ยังต้องการแสดงให้เห็นว่าการชกมวยไทยนั้น สามารถที่จะต่อยอดไปยังศิลปะการต่อสู้แบบอื่นๆ ได้ และก็ไม่มีใครที่เหมาะจะเป็นตัวอย่างมากกว่าบัวขาวอีกแล้ว

แฟนๆ ชาวไทยสามารถติดตามการชกไฟต์นี้ได้ในวันศุกร์ที่ 19 ส.ค. นี้ โดยจะมีการถ่ายทอดสดผ่านทางเวิร์คพอยท์ ช่อง 23 ตั้งแต่เวลา 21.15 น. เป็นต้นไป

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า