งบกลาง ในงบฯ ปี 65 เคยเป็นประเด็นถกเถียง หลังกมธ.เสียงข้างมาก อนุมัติงบที่ตัดลดจากหน่วยงานอื่น กว่า 1.6 หมื่นล้านบาท ไปเป็นงบกลางทั้งหมด ขณะที่ กมธ.เสียงข้างน้อย นำโดยพรรคก้าวไกล ชี้ให้เห็นว่าจะเป็นการตีเช็คเปล่าให้พล.อ.ประยุทธ์ นำไปใช้ โดยตรวจสอบได้ยาก
วันที่ 18 ส.ค. 2564 นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส. จังหวัดน่าน พรรคเพื่อไทย (กมธ.เสียงข้างมาก) อภิปรายในส่วนของงบกลาง ชี้ว่า ค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เป็นรายการที่กรรมาธิการเพิ่มเข้ามาในงบกลาง ส่วนตัวเห็นด้วยเพราะสอดรับกับที่เคยอภิปรายไปในวาระแรก
สิ่งที่เป็นประเด็นปัญหาในสังคมขณะนี้ คือความไม่ไว้วางใจกับผู้ที่จะนำงบประมาณไปใช้ ส่วนตัวเห็นใจกรรมาธิการเสียงข้างมาก เพราะตัดสินใจด้วยความยากลำบาก เพราะทุกปีไม่เคยนำงบที่ปรับลดมาใส่ในงบกลาง เมื่อต้องการนำไปแก้โควิด-19 แต่ไม่มีช่องทางของหน่วยรับงบประมาณมารองรับ จึงจำเป็นต้องเอาเข้าสู่งบกลาง ซึ่งผู้กำกับดูแลงบกลางคือนายกรัฐมนตรี เพราะงบกลางคืองบที่ต้องจัดให้กับสิ่งที่ไม่มีหน่วยงานรองรับเป็นการเฉพาะ
ดังนี้ ขอเสนอให้บันทึกไว้ว่า งบเงินกู้ 500,000 ล้านบาทที่ให้ไป และ 16,362 ล้านบาทนี้ จะนำไปกองรวมกัน ดังนั้นเพื่อความมั่นใจ 16,362 ล้านบาท เราต้องการแก้ปัญหาโควิด-19 ซึ่งปัญหาที่หนักที่สุดคือประชาชนคนไทยไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 หลังจากรับงบประมาณก้อนนี้ลงในงบกลางแล้ว ให้เขียนไปในสิ่งที่สภาฯ มอบหมาย เลยว่า ต้องเอาไปซื้อวัคซีน mRNA ให้กับประชาชน เพราะงบกลางเมื่อผ่าน ต.ค. แล้ว สามารถเอาไปใช้ได้ทันที
“นี่ผมเศร้ามากนะ 20 ล้านโดส เพิ่งจะอนุมัติเงินไปจอง แล้วมันจะทันหรือ หลังจากทำสัญญา 4 เดือนถึงจะได้ mRNA มา เพราะฉะนั้นเอาไปซื้อ mRNA ผู้ว่าแบงก์ชาติบอกมาจะกู้อีก 1 ล้านล้าน นั่นแสดงว่า 500,000 ล้านนี้ไม่พอแล้วที่เราอนุมัติไป เอาไปซื้อ mRNA ผมขีดเส้นใต้ 3 ครั้ง ถ้าไม่ทำอย่างนี้ สิ่งที่ประชาชนเกรงว่าจะเอางบก้อนนี้ไปปู้ยี่ปู้ยำจะเกิดความเสียหายขึ้น”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังกมธ. ได้อภิปรายเหตุที่ขอให้ปรับลดงบกลาง ตามลำดับแล้ว ที่ประชุมสภา ได้เปิดให้ลงมติมาตรา 6 งบประมาณรายจ่ายงบกลาง 578,409,336,900 บาท ผลการลงคะแนน ผ่านด้วยเสียงข้างมาก 326 เสียง ไม่เห็นด้วย 52 เสียง (51+1)