สภาฯ ถกงบปี 65 วาระ 2-3 วันแรกครึ่งวันเช้า ฝ่ายค้านเสนอ ‘รีดไขมัน’ ได้อีก ชี้ไม่สอดคล้องสถานการณ์โควิด

อภิปรายงบฯ 65 วันแรก ‘อาคม’ แจงยึดประโยชน์สูงสุดเพื่อประชาชน ปรับลดเงิน 1.6 หมื่นล้านบาท โยกไปไว้งบกลางเพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 ขณะที่ ฝ่ายค้าน จี้รีดไขมันได้อีก

วันที่ 18 ส.ค. 2564 สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 จำนวน 3.1 ล้านล้านบาท

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2565 ได้รายงานผลการพิจารณาของ กมธ. ว่า การพิจารณาของกมธ. ให้ความสำคัญสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนแม่บทเฉพาะกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 นโยบายแผนระดับชาติว่า ด้วยความมั่นคงแห่งชาติ และนโยบายสำคัญของรัฐบาล เพื่อให้การดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสบผลสำเร็จเป็นรูปธรรม เกิดผลสัมฤทธิ์ และประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน

กมธ.มีข้อเสนอในภาพรวมที่สำคัญ เพื่อให้รัฐบาลดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมายผลสัมฤทธิ์ ตัวชี้วัดที่มีความสอดคล้องที่เชื่อมโยงระดับหน่วยงาน และระดับประเทศ การประเมินความคุ้มค่าต่อทรัพยากรที่จัดสรร ลดความซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณ มุ่งเน้นการลงทุนในการพัฒนาเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดรายได้ การเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ การพัฒนาเศรฐกิจฐานราก การสร้างงานสร้างอาชีพ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และการใช้งบประมาณมีความคุ่มค่า รวมทั้งการแก้ไขปัญหาด้านเศรฐกิจและสังคม จากผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง และขยายตัวในวงกว้าง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน กมธ. ได้ปรับลดงบประมาณลง จำนวน 16,362,010,100 บาทถ้วน

นอกจากจะได้พิจารณาจากความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ แผนระดับต่างๆ และนโยบายสำคัญของรัฐบาลแล้ว ยังได้คำนึงถึงแผนแม่บทเฉพาะกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ที่เป็นผลมาจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ตลอดจนเป้าหมายและผลการดำเนินงานจริง ความคุ้มค่า และขีดความสามารถในการใช้จ่ายงบประมาณ รวมทั้งให้ความสำคัญกับเงินนอกงบประมาณ หรือรายได้ที่จัดเก็บเอง การนำผลการใช้จ่ายจริงในปีงบประมาณที่ผ่านมา และความพร้อมในการดำเนินงานเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา

ส่วนรายการที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน รายการที่ปรับลดเป้าหมายหรือปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินงานให้เกิดความประหยัด เช่น การฝึกอบรม สัมมนา การจ้างเหมาบริการ การจ้างที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ เป็นต้น รวมทั้งรายการที่มีผลการดำเนินงานล่าช้ากว่าแผนที่กำหมดไว้ และคาดว่าใช้จ่ายไม่ทันปีงบประมาณ 2565 หรือรายการผูกพันงบประมาณเดิมที่มีผลการจัดซื้อจัดจ้างต่ำกว่าวงเงินงบประมาณที่เสนอไว้ และรายการที่สามารถใช้เงินจากแหล่งอื่นนอกเหนือจากงบประมาณได้ เช่น เงินนอกงบประมาณ หรือรายได้ที่จัดเก็บเอง และเงินสะสมคงเหลือในหน่วยงาน หรือกองทุน

ขณะที่ การเพิ่มงบฯ กมธ.ได้พิจารณาเพิ่มให้กับงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทาแก้ไขปัญหาและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด จำนวนทั้งสิ้น 16,362,010,100 บาทถ้วน ตามจำนวนที่ปรับลดงบประมาณได้ เพื่อสำรองไว้บรรเทาแก้ไขปัญหาและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม

นายอาคม กล่าวอีกว่า ยังอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงงบประมาณส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน 38,893,400 ล้านบาท เป็นงบประมาณรายจ่ายของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.ปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม ฉบับที่ 20

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล กรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2565 สัดส่วนพรรคเพื่อไทย อภิปรายในระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 3 ครั้งที่ 11 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษกล่าวว่า การตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท เป็นงบประมาณที่ตั้งโดยความประมาทและขาดวิสัยทัศน์ ต่อการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ปีนี้เป็นปีแรกที่งบประมาณติดลบ ซึ่งจากการตรวจสอบงบประมาณพบว่ามีการปรับลดลงในหมวดของการดำเนินงานมากที่สุดประมาณ 30 – 40% ขณะที่หน่วยงานราชการไม่มีการตั้งงบแก้ไขปัญหาโควิด-19 ส่วนงบประมาณแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจก็ตั้งไว้น้อยมาก

“งบประมาณเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ พี่น้องประชาชนยากลำบาก มีการตั้งไว้น้อยมาก อาจจะมีงบประมาณซื้ออาวุธไปซื้ออายุธเยอะ ลงทุนทำถนนหนทางเยอะ” นายวรวัจน์ กล่าว

นายวรวัจน์ ยังกล่าวอีกว่า ขอเสนอปรับลดงบประมาณลง 4% คิดเป็นเงิน 120,000 ล้านบาท เพื่อให้รัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลนำเงินจำนวนนี้ไปแก้ไขและดำเนินการตามนโยบายที่เคยให้คำสัญญากับประชาชนไว้ว่าจะแก้ไขปัญหาต่างๆ เมื่อดูงบประมาณที่ตั้งไว้ 3 ปี ตั้งแต่ 2563 – 2565 ยังไม่มีความชัดเจนว่างบที่ตั้งไว้จะนำไปแก้ไขหรือดำดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและพรรคร่วม 3 พรรคอย่างไร หากลงมติผ่านงบประมาณฉบับนี้ไปแปลว่าพรรคการเมืองโดยเฉพาะซีกรัฐบาล จะไม่มีงบประมาณดำเนินงานตามนโยบาย หมายความว่ากำลังจะทำผิดกฎหมายเลือกตั้งจึงขอให้ปรับลดและนำไปแก้ไขก่อน

“การปรับราคาให้ข้าวหอมมะลิมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นของพรรคพลังประชารัฐ ยังไม่เห็นผลสำเร็จ เช่นเดียวกับข้าวขาวราคาตกต่ำทำให้เกษตรยากลำบาก ขณะที่การปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาท ยังไม่เห็นการดำเนินการ การปรับเพิ่มเงินเดือนสำหรับวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี 20,000 บาท อาชีวะ 18,000 บาท วันนี้ยังพบคนตกงานจำนวนมาก นอกจากนี้ยังรวมถึงการพักหนี้กองทุนหมู่บ้าน 4 ปี การตั้งกองทุนพลังประชารัฐหมู่บ้านละ 2 ล้านบาทก็ยังไม่มีในงบประมาณ

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่พบการแก้ไขและดำเนินการตามนโยบายต่างๆ เช่น นโยบายเด็กแรกเกิด ได้เงิน 5,000 บาท เบี้ยผู้สูงอายุ 1,000 บาท ยางพาราราคายังตกต่ำ ส่วนพรรคภูมิใจไทย นโยบายการให้เงินเดือน อสม. ก็ยังไม่ถูกระบุอยู่ในงบ”

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท

ในมาตรา 4 โดยขอปรับลดงบประมาณ ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณปี 65 ลง 1 แสนล้านบาท คงเหลือ 3 ล้านล้านบาท แม้ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ร่างฯ ผ่านวาระแรก สู่ชั้นกมธ. จะรีดไขมันได้แล้ว 1.6 หมื่นล้านบาท แต่เห็นว่า ยังสามารถรีดไขมันได้อีก

โดยในระดับจุลภาค (ระยะสั้น) ยังมีไขมันอยู่ 3 ประเภท คือ

1. ไขมันที่ไม่ตอบโจทย์ ความสำคัญคือวิกฤตที่ประเทศกำลังพบเจออยู่
เช่น งบกลาโหมที่ตัดได้ 3 พันล้านบาท จาก 3 หมื่นล้านบาท, งบความมั่นคง เช่น ปืนตำรวจ ปืนมหาดไทย บิ๊กเดต้า (BIg Data) ของ กอ.รมน. ตำรวจ กลาโหม เพราะในเวลานี้ประชาชนต้องวัคซีนมากกว่ากระสุน อย่างปืนตำรวจ เห็นว่า มีการสะสมปืนตำรวจมากขึ้น 600 เท่าภายใน 10 ปี เลยเห็นว่าไม่จำเป็น ที่ปี 65 จะซื้อปืนตำรวจไปอีกทำไม

2. ไขมันที่เน้นลงทุนในสิ่งก่อสร้างมากกว่าชีวิตคน โดยเป็นงบก่อสร้างปรับปรุงอาคารสำนักงานจังหวัด บ้านพักข้าราชการ 167,000 ล้านบาท ซึ่งตัดไปได้เพียงพันกว่าล้านบาทเท่านั้น ในขณะที่งบที่เกี่ยวกับสวัสดิการประชาชน อย่างบัตรสวัสดิการคนจน ถูกตัด 2 หมื่นล้านบาท งบประกันสังคม โดนตัด 1.9 หมื่นล้านบาท จึงเห็นได้ชัดว่าให้คุณค่าสิ่งปลูกสร้างมากกว่าชีวิตคน

3. งบที่มีพิรุธ ราคาสูงกว่าท้องตลาด , ใบเสนอราคาไม่สมบูรณ์ ซึ่ง ส.ส.ของก้าวไกลจะลงรายละเอียดต่อไป
ส่วนระดับมหภาค (ระยะยาว) นายพิธา เสนอปรับโครงสร้างจัดกระดูกรัฐราชการไทยใหม่ แก้ปัญหาโครงสร้างหน่วยงานที่เป็นปัญหา ความซ้ำซ้อน กระจัดกระจาย ไม่ชัดเจน และปรับการทำงานของกระทรวง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกันเช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม บีโอไอ เพื่อให้ตอบโจทย์วิสัยทัศน์ใหม่ของโลก หลังสถานการณ์โควิด-19

สอดคล้องกับ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็น กมธ.ฯ ด้วยเช่นกัน ที่เห็นด้วยกับการปรับลดงบฯ 65 ลง 1 แสนล้านบาท ด้วยวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ถึงแม้จะเก็บรายได้และกู้จนเต็มเพดาน แต่ก็จะยังไม่มีงบฯ ไม่เพียงพอใช้จ่ายได้เต็มวงเงิน จำเป็นต้องใช้เงินคงคลังส่วนหนึ่งมาโปะอยู่ เพราะไม่แน่ว่ารายได้ที่คาดว่าจะจัดเก็บได้ 2.4 ล้านล้านบาท จะยังคงเดิมหรือไม่ และปัญหาจะยังดำเนินในปีงบฯ 66-67 อีกไม่นาน คิดว่า สำนักงบประมาณ อาจต้องเสนอปรับลดเงินเดือนบุคลากร ดังนั้นปีนี้เป็นปีที่สำคัญที่ควรปรับโครงสร้างงบฯ ให้ออกจากวิกฤต

น.ส.ศิริกัญญา ยกตัวอย่าง โครงการแก้มลิง แต่ละแห่งมีความจุต่ำกว่า 1 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่กรมชลประทานก็ยังหวงของ และขอเอาไว้ทำเอง เป็น 100 กว่าโครงการ อีกทั้งถนนชนบท ก็ยังมีการตัดต่อไปเรื่อยๆ แม้แต่งานเก็บผักตบชวา ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ยังถือไว้กับกรมต่างๆ 6 กรม แน่นอนว่าเก็บได้ทุกปีตั้งงบใหม่ได้ทุกปี