SHARE

คัดลอกแล้ว

ประเทศไทยมีศักยภาพพอจะดึงคนไทยเก่งๆ คนต่างชาติที่มีความสามารถเข้ามาในประเทศได้แค่ไหน ท่ามกลางเทรนด์ผู้คนโยกย้ายถิ่นฐานไปอาศัย และทำงานในต่างประเทศเกิดขึ้นทั่วโลก ส่วนหนึ่งเพื่อโอกาสในชีวิตที่ดีขึ้น บางคนเพื่อศึกษาหาความรู้ หรือบางคนก็หาที่ที่ปลอดภัยกว่าจากประเทศหรือเมืองที่ตัวเองอยู่กลายสภาพเป็นผู้ลี้ภัยจากหลายสาเหตุ

โดยมากการเคลื่อนย้ายอพยพถิ่นฐานย้ายประเทศ มาจากผลตอบแทนทางการเงินที่ดีกว่า รวมทั้งแรงจูงใจทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้เพราะมีวัฒนธรรมการอยู่ต่างถิ่นต่างแดนปรากฎทั่วโซเชียลมีเดีย รวมๆแล้วการโยกย้ายถิ่นฐานจึงเป็นกระแสหนึ่งของโลก ไม่ใช่แค่ประเทศไทย

ในแง่โอกาสในชีวิต ผลสำรวจบอกว่า ชาวต่างชาติกว่า 40% ที่ไปใช้ชีวิตทำงานหาเงินในต่างประเทศ าสถานภาพการเงินดีขึ้น และกว่า 60 % มองว่าคุณภาพชีวิตในชีวิตประจำวันดีขึ้นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม มีอีกประเด็นหนึ่งมาชวนคิดคือ เรื่องของนักเรียน นักศึกษาไทยที่เรียนจบในต่างประเทศ พวกเขามีแนวโน้มจะกลับมาทำงานในประเทศไทยเพื่อช่วยพัฒนา สร้างสรรค์ประเทศไทยกันมากน้อยแค่ไหน

อ.ชัชชาติ มักจะพูดว่า หัวใจของการสร้างเมืองให้ดี ต้องดึงคนเก่งไว้ให้ได้ วิธีคือ ต้องสร้างเมืองที่มีคุณภาพชีวิต อยู่ได้อย่างมีความสุข ให้ผู้คนมีอิสระในการแสดงความเห็น คนที่เก่ง สามารถแสดงความคิดสร้างสรรค์ได้ ถึงจะเรียกว่าเป็น ‘เมืองในอนาคต’ ที่หัวใจสำคัญของเมือง คือ ‘คน’ ไม่ใช่สิ่งปลูกสร้าง และเล่าให้ฟังว่าหลายเมืองในอเมริกาดึงดูดคนเก่งที่เป็นคนต่างชาติไว้ได้ เพราะเรื่องคุณภาพชีวิต แนวความคิด เรื่องความเท่าเทียม อิสระเสรีภาพ จึงดึงคนเก่งไว้ได้

สำหรับประเทศไทย หากดูเฉพาะนักเรียนนักศึกษาไทยกลุ่มที่ไปเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ มีรายงานถึงกว่า 3.2 หมื่นคน ซึ่งประเทศที่นักเรียน นักศึกษาไทยเลือกไปเรียนมากที่สุดอันดับแรก คือ ออสเตรเลีย ตามมาด้วย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น อียิปต์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เยอรมนี แคนาดา และนิวซีแลนด์

พอฟังจากที่ อ.ชัชชาติ ยกตัวอย่างในต่างประเทศที่ดึงคนกลับประเทศได้ หรือแม้แต่การใช้โมเดลดึงคนต่างชาติที่มีทักษะด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีให้มาอยู่ในประเทศนั้นๆได้ ทำให้น่าคิดว่า เราจะสามารถดึงคนไทยคนเก่งของเรากลับมาร่วมสร้างชาติได้มากขึ้นอย่างไร ซึ่งว่ากันแล้วประเทศกำลังพัฒนาหลายๆประเทศโดยมากประสบปัญหาเดียวกัน คือผู้คนต่างออกไปแสวงหาโอกาสนอกประเทศ

เรามาลองดูกรณีศึกษาในต่างประเทศกันว่าเขาดึงคนเก่งที่ออกไปเรียนไปทำงานต่างประเทศกลับมากันอย่างไร

เริ่มจากประเทศใน สหภาพยุโรป ที่เผชิญปัญหาสมองไหลเช่นกัน วิธีการ คือ การตั้งตั้นสร้างนโยบาย ที่เน้น “เพิ่มโอกาส” และ “ผลตอบแทน” ในอาชีพที่มีทักษะสูง โดยเฉพาะในภาครัฐ และทำให้ค่าจ้างในภาครัฐเพิ่มขึ้น นอกจากนี้การปรับปรุงระบบการศึกษาก็เป็นอีกหนึ่งนโยบายสำคัญ สร้างระบบการศึกษาที่มีคุณภาพในประเทศก็ช่วยส่วนหนึ่ง

ส่วนกลุ่มที่ย้ายไปแล้ว ก็ออกนโยบายจูงใจทางภาษีให้กลับมาลงทุนเป็นผู้ประกอบการในประเทศบ้านเกิด ซึ่งจะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจได้

ดังนั้นเราจะเห็นสิ่งที่ประเทศในยุโรปพยายามทำคือ สร้างมาตรฐานการครองชีพที่ดีขึ้น สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจที่ดี โอกาสทางอาชีพในบ้านเกิด การจ้างงาน และอีกส่วนหนึ่งอันนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย คือต้องสร้างสภาพแวดล้อมทางการเมืองที่ดีด้วย เพราะทำให้คนมีความหวัง

อีกหนึ่งกรณีศึกษาสำคัญคือ ไต้หวัน ที่มองเห็นว่าปัญหาสมองไหลจะเป็นปัญหาใหญ่ ตั้งแต่ยุค 80 เลย ไต้หวัน ใช้เวลาและความพยายามมาหลายปี เพื่อดึงคนย้ายถิ่นกลับมามีส่วนร่วมในการเติบโตทางเศรษฐกิจ เริ่มแรกใช้วิธีจูงใจด้วยการใช้วิธีให้เงินค่าชดเชย และค่าขนย้าย ค่าใช้จ่ายในการกลับมาตั้งถิ่นฐาน ถัดมาใช้วิธีสร้างโอกาสทางอาชีพให้และสร้างความรู้สึกใกล้ชิดกับประเทศให้คนเหล่านี้มีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจ เช่น การสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม และดึงคนเก่งๆกลับมาโดยให้แรงจูงใจทางภาษี รายได้ เป็นการสร้างโอกาสการทำงานให้

นี่เป็นตัวอย่างการออกแบบนโยบายที่จะต้องคำนึงให้คนในชาติรู้สึกใกล้ชิดกับประเทศบ้านเกิด ให้รู้สึกมีบทบาทในการพัฒนา

นอกจากนี้แนวทางไต้หวัน คือการส่งเสริมและสร้างผู้ประกอบการ ออกนโยบายสนับสนุนการทำธุรกิจและที่ทำควบคู่คือ การสร้างการศึกษาที่มีคุณภาพ ลงทุนด้านการสร้างทรัพยากรคน สร้างแพทย์ วิศวกร และนักวิทยาศาสตร์

มาดูกรณี มาเลเซีย มีนโยบายให้นักเรียนทุนรัฐบาลกลับมาใช้ทุนในบริษัทเอกชนในอุตสาหกรรมเป้าหมายแทนที่จะมาใช้ทุนทางฝั่งภาครัฐ

อีกหนึ่งประเทศที่ใช้วิธีคล้ายกับไต้หวัน คือ เกาหลีใต้ ที่ดึงคนเก่งให้กลับประเทศด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมทั้งภาครัฐ และเอกชน จัดตั้งศูนย์วิจัยต่างๆ ให้เงินสนับสนุนกับคนที่ย้ายกลับมา ไม่ว่าค่าเดินทาง หรือเงินช่วยเหลืออื่นๆ ไปถึงการจ้างงานในกลุ่มงานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีโดยให้อัตราค่าตอบแทนที่สูง

รวมทั้งยังพยายามดึงคนเก่งในประเทศไม่ให้ไหลออกด้วยการสร้างแรงจูงใจให้กับคนรุ่นใหม่สายงาน IT และวิทยาศาสตร์ที่มีความสามารถ โดยมีโปรแกรมที่เรียกว่า ‘Brain Pool’ สนับสนุนทางการเงินสำหรับการจ้างงานระยะสั้น ร่วมกับมหาวิทยาลัยในเกาหลีใต้ รวมทั้งจัดตั้งศูนย์วิจัยเพื่อจัดหาตำแหน่งงานให้ สร้างโอกาสให้มีตำแหน่งงานดีๆสำหรับผู้จบการศึกษาปริญญาเอก รวมถึงมีองค์กรและเครือข่ายของคนเกาหลีพลัดถิ่นในต่างแดนด้วยเพื่อสร้างคอนเนคชั่นเชื่อมโยงกับประเทศบ้านเกิด

เล่ามาแบบนี้แต่ถึงอย่างนั้นก็ดึงดูดคนกลับมาได้จำนวนหนึ่งเท่านั้น
หลายประเทศเลยต้องใช้วิธี “แย่งตัวคนต่างชาติที่เก่งๆ” เข้าประเทศตัวเอง

วิธีสร้างชาติด้วยการดึงคนต่างชาติเข้าประเทศทำมานานแล้วเช่นในช่วงยุคทศวรรษ 50-60 ที่นักวิทยาศาสตร์ที่เก่งๆในสหราชอาณาจักร และหลายประเทศในยุโรปย้ายกันไปอเมริกาและแคนาดา จนวันนี้เราจะเห็นว่าในดินแดนนวัตกรรมระดับโลก “ซิลิคอนวัลเลย์” มีคนต่างชาติมากมายที่นั่น และก็เป็นแหล่งนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของอเมริกาอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน

โมเดลนี้เลยได้เห็นกันในอีกหลายประเทศ ที่ใช้วิธีนี้เปิดรับชาวต่างชาติมีคุณภาพให้เข้ามา ประเทศที่โดดเด่นเรื่องนี้เลยคือ สิงคโปร์ มีมาตรการที่เรียกว่า Tech pass ดึงคนที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีขั้นสูง หรือผู้บริหาร Tech Company เข้ามาทำงานในประเทศ โดยมาตรการนี้ให้สิทธิประโยชน์คนที่เข้ามา ทำธุรกิจด้านเทคโนโลยีในสิงคโปร์ได้อย่างอิสระ และพาครอบครัวมาอยู่ได้มีเงินสนับสนุนให้ ทำให้สิงคโปร์ถือเป็นประเทศดึงดูดคนเก่งเป็นลำดับต้นๆของเอเชียเลย

ลักษณะเดียวกันนี้ยังเกิดที่ฮ่องกง มีนโยบายดึงผู้เชี่ยวชาญคนทักษะดีๆในอุตสาหกรรมเป้าหมายมาทำงานในประเทศ อุตสาหกรรมเป้าหมาย ก็มีทั้งด้าน เอไอ 5G ไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ดาต้า อานาลิติกส์ ฟินเทค โรบอต

ส่วนมาเลเซีย ตั้งหน่วยงานเฉพาะมาดูแลดึงคนเก่งๆเข้าประเทศ แบบให้คนต่างชาติที่มีทักษะสูงถือวีซ่านาน 10 ปี

หรือที่ได้ยินข่าวเป็นกระแสคือ สวีเดน เปิดให้คนจบปริญญาโทจากที่ไหนก็ได้เข้ามาหางานในประเทศสวีเดนได้ โดยสามารถขอใบอนุญาตมีถิ่นที่อยู่ในสวีเดนได้เป็นการชั่วคราว เป็นเวลา 3 – 9 เดือน เพื่อแสวงหาโอกาสในการทํางานหรือทําธุรกิจในสวีเดนได้ แม้ในรายละเอียดจะมีเงื่อนไขไม่ง่ายเช่นกัน แต่ก็เห็นถึงเทรนด์ดึงคนต่างชาติเข้ามาทำงานสร้างรายได้ จ่ายภาษีให้กับประเทศปลายทาง

        สำหรับ ประเทศไทย อันที่จริงเรามีการเตรียมแผนดึงคนเก่ง คนทักษะสูงเข้ามาทำงานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี เพราะอุตสาหกรรมในอีอีซีเป็นอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งจะคล้ายโมเดลที่เล่ามาก่อนหน้า มีการทำสมาร์ทวีซ่าให้กลุ่มนักลงทุน ผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ นวัตกรรมเข้ามา รวมทั้งนักลงทุนสตาร์ทอัพ ซึ่งก็ไฟเขียวเข้ามาแล้วกว่า 900 คน

และเมื่อเร็วๆนี้ รัฐบาลก็เพิ่งจะออกวีซ่าระยะยาว 10 ปี ให้กลุ่มคนเก่ง คนมีฝีมือ และกลุ่มที่มีความมั่งคั่งสูง กลุ่มเกษียณจากต่างประเทศ กลุ่มที่ต้องการทำงาน Remote ระยะไกลโดยทำงานในประเทศไทย รวมทั้งกลุ่มผู้เชี่ยวชาญพิเศษ และครอบครัว

พอจะเห็นความพยายาม ซึ่งไม่ใช่ง่ายแต่ก็ต้องพยายามสร้างแรงจูงใจให้มากที่สุด สิ่งสำคัญคือ ประเทศไทยต้องเร่งปูฐานสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่จะดึงดูดคนเก่งให้อยากเข้ามาทำงานอาศัยอยู่ในประเทศ อย่างที่เราได้ยินว่ามีบรรดาผู้เชี่ยวชาญออกมาเสนอแนวคิดและลงมือทำให้ประเทศไทย เป็น “ฮับด้านเทคโนโลยีดิจิทัลในอาเซียน” ให้ได้ จะได้ดึงคนเก่งๆเข้ามาพัฒนาประเทศไทยได้
วันนี้เราจึงต้องสู้กับนานาประเทศ

ขอปิดท้ายด้วยเรื่องนี้จะเห็นภาพชัดขึ้นว่าทำไมเรื่องนี้สำคัญ รายงานขีดความสามารถในการแข่งขันโลกปี 2022 หรือ The World Competitiveness Yearbook จาก International Institute for Management Development หรือ IMD เผยผลการจัดอันดับขีดความสามารถทางการแข่งขันทางเศรษฐกิจของ 63 ประเทศทั่วโลกปี 2022 พบว่าขีดความสามารถการแข่งขัน ‘ไทย’ ร่วง 5 อันดับจากปีก่อน มาอยู่อันดับ 33 จากปีก่อนหน้า ด้วยคะแนน 68.67 เต็ม 100 คะแนน

ขีดความสามารถในการแข่งขันก็คือ การวัดว่าศักยภาพของประเทศเราตอนนี้เป็นยังไงบ้างเมื่อเทียบกับนานาประเทศ ซึ่งเขาก็วัดกันหลายมิติทั้งเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ภาพรวมเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนในประเทศและระหว่างประเทศ รวมทั้งปัจจัยเรื่องคนด้วย แปลว่า วันนี้ยิ่งจำเป็นที่เราต้องการ คนเก่งๆมีความสามารถกลับมาช่วยกันพัฒนาประเทศของเรา

เพราะมีการศึกษา พบว่า คนที่มีการศึกษาดีมากขึ้น ก็มีแนวโน้มที่จะย้ายถิ่นฐานมาก อันนี้เป็นงานศึกษาของ McKinsey & Company บริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจระดับโลกระบุไว้ และนี่ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วโลก

ดังนั้นก็ทำให้กลับมาคิดบนพื้นฐานอย่าง ที่ อ.ชัชชาติ บอกไว้ ซึ่งจริงๆก็ไม่ใช่แค่เมือง แต่คือทั้งประเทศ การสร้างพื้นที่ให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อยู่ได้อย่างมีความสุข มีอิสระในการแสดงความเห็น มีความเท่าเทียม อิสระเสรีภาพ และสุดท้ายขอเพิ่มเรื่องการที่ประเทศนั้น ๆ สามารถสร้างโอกาสทางชีวิตที่ดีก็จะดึงคนเก่งไว้ได

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า