SHARE

คัดลอกแล้ว

ที่ประชุม กพช. วันนี้ เห็นชอบใช้ ‘น้ำมันดีเซล-น้ำมันเตา’ แทนก๊าซธรรมชาติที่ราคาสูง ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 65 พร้อมงัด มาตรการลดต้นทุน หวังควบคุมอัตราค่าไฟปีหน้า

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งมี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ที่ประชุมได้มีการพิจารณาสถานการณ์ความไม่สงบระหว่างสหพันธรัฐรัสเซียและประเทศยูเครนที่ยังไม่มีข้อยุติ ส่งผลให้ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในตลาดโลกมีความผันผวนและปรับตัวเพิ่มขึ้นในระดับสูงจากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของหลายประเทศทั่วโลก โดยทำให้เกิดการตึงตัวของอุปทานก๊าซธรรมชาติและน้ำมัน รวมถึงการอ่อนตัวของค่าเงินบาท

โดยที่ประชุม กพช. มีมติเห็นชอบมาตรการบริหารจัดการพลังงานในสถานการณ์วิกฤติราคาพลังงาน ในช่วงเดือนตุลาคม – ธันวาคม 2565 เช่น มาตรการตามแนวทางการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ ปี 2565 ด้วยการนำน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตา มาทดแทนก๊าซธรรมชาติที่มีราคาสูง ซึ่งตอนนี้ราคาก๊าซธรรมชาติ อยู่ที่ 26-29 USD/MMBtu แต่หากราคาก๊าซธรรมชาติลดลง ก็จะสั่งมาสำรองสำหรับความมีเสถียรภาพ ถ้าราคาสูงขึ้นไปจะบริหารโดยการใช้น้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาเข้ามาแทน ซึ่งเป็นไปตามมติของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน

มีการจัดการแหล่งก๊าซในประเทศที่อยู่ในอ่าวไทยและบนบก รวมถึงพื้นที่ที่เป็นพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับมาเลเซียในการเพิ่มเติมช่วง 2 เดือนนี้ ให้ได้ประมาณ 100 ล้านลูกบาศก์ฟุต มีการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะโรงที่ 8  ซึ่งได้มีการดำเนินการอยู่แล้ว 555 gigawatt-hour รวมถึงการรับซื้อไฟฟ้าระยะสั้นจากพลังงานทดแทนที่เป็นโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก และขนาดเล็กมาก ประมาณ 163 gigawatt-hour สำหรับมาตรการที่ดำเนินการเพิ่มเติม คือจะมีการจัดหาน้ำมันดีเซลเพิ่มเติมสำหรับโรงไฟฟ้าก๊าซเทอร์ไบน์ สามารถที่จะใช้ก๊าซเพิ่มเติมได้ จะรีบดำเนินการตรงนี้ประมาณ 20 ล้านลิตร และจะนำน้ำมันเตาเข้ามาเพิ่มขึ้น 0.5 เปอร์เซ็นต์ ที่โรงไฟฟ้าบางปะกง ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่สามารถให้เรือเข้าไปส่งได้ รวมถึงรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานน้ำระยะสั้นจาก สปป.ลาว และมีการนำโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะโรงที่ 4 มาผลิตไฟฟ้า

“มาตรการที่เสนอทางคณะกรรมการ กพช. เพิ่มเติมไปด้วยก็คือว่า เมื่อเราบริหารจัดการในเรื่องของราคาพลังงานในช่วงที่มีความผันผวนแล้ว สิ่งหนึ่งที่จะต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทั่วไป รวมถึงกิจการต่างๆ ที่เป็นธุรกิจด้วย ก็คือการประหยัดพลังงาน เช่นการตั้งอุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส หรือปิดไฟส่องสว่างในพื้นที่ที่ไม่จำเป็น กำหนดเวลาเปิด-ปิดป้าย LED ต่างๆ ถ้าเผื่อมีการลดหรือทำอะไรต่างๆ เหล่านี้ได้ ก็ควรจะต้องมีการดำเนินการกัน แต่มาตรการนี้เป็นการขอความร่วมมือ และจะกลายเป็นมาตรการที่มีผลบังคับ หากราคา LNG เพิ่มสูงขึ้นเกิน 50 USD/MMBtu เป็นเวลาติดต่อกัน 14 วันขึ้นไป” ปลัดกระทรวงพลังงาน ระบุ

ทั้งนี้ ที่ประชุม กพช. ได้มอบหมายให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบมาตรการบริหารจัดการพลังงานฯ แต่ละมาตรการ ได้แก่ สำนักงาน กกพ. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ (ชธ.) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เร่งดำเนินการในมาตรการ โดยต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด  ซึ่งที่ประชุม กพช. ได้มอบหมายให้ สำนักงาน กกพ. ติดตามสถานการณ์ราคาพลังงาน โดยเปรียบเทียบราคา Spot LNG นำเข้ากับราคาเชื้อเพลิงและต้นทุนในแต่ละมาตรการ เพื่อนำมาพิจารณาในการที่จะคงการใช้มาตรการที่มีความคุ้มค่า และเลิกใช้มาตรการที่ไม่มีความคุ้มค่าโดยคำนึงถึงประโยชน์ต่อประชาชนเป็นสำคัญ

เห็นชอบกำหนดอัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียว (Utility Green Tariff) ในโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าขายปลีก

1. อัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียวจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่มีอยู่เดิมในระบบไฟฟ้า ซึ่งเป็นการนำใบรับรองการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: REC) ของโรงไฟฟ้าเดิมที่รัฐมีกรรมสิทธิ์มาให้บริการร่วมกับการให้บริการพลังงานไฟฟ้า และเป็นการให้บริการในลักษณะที่ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่ต้องเจาะจงแหล่งที่มาของไฟฟ้าและ REC ในการขอรับบริการ โดยมีอัตราค่าบริการส่วนเพิ่ม (Premium) เพิ่มเติมจากอัตราค่าไฟฟ้าตามปกติที่ครอบคลุมต้นทุนค่า REC รวมถึงองค์ประกอบอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะกำหนดต่อไป

2. อัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียวจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนใหม่ และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเดิมในระบบไฟฟ้าทั้งของรัฐและเอกชน ซึ่งเป็นการให้บริการพลังงานไฟฟ้าและ REC ซึ่งมาจากแหล่งเดียวกัน โดยผู้ใช้ไฟฟ้าต้องเจาะจงกลุ่มโรงไฟฟ้า (Portfolio) ในการรับบริการ และอัตราค่าบริการกำหนดจากต้นทุนการให้บริการพลังงานไฟฟ้าและ REC ของแต่ละ Portfolio รวมถึงองค์ประกอบอื่นๆ ตามที่ กกพ. จะกำหนดต่อไป ทั้งนี้ ในการกำหนดองค์ประกอบและโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าสีเขียวทั้งสองรูปแบบ รวมถึงการจัดสรรต้นทุนการให้บริการแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วไปที่ครอบคลุมต้นทุนสาธารณะ และวิธีการและเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ กกพ. จะพิจารณากำกับดูแลภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 ให้โปร่งใสและเป็นธรรมต่อผู้ใช้ไฟฟ้าทุกกลุ่ม

ทบทวนอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้า

กพช.มีมติเห็นชอบการทบทวนการกำหนดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้า ตามหลักเกณฑ์การกำหนดโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้า ประเทศไทย ปี 2554-2558 โดยให้ปรับปรุงข้อความการนำส่งเงินเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้าตามมาตรา 97 เพื่อการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีที่ใช้ในการประกอบกิจการไฟฟ้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย

จากเดิมระบุว่า “โดยเรียกเก็บจากผู้รับใบอนุญาตจำหน่ายไฟฟ้าในอัตรา 0.5 สตางค์ต่อหน่วย” เป็นระบุว่า “โดยเรียกเก็บจากผู้รับใบอนุญาตจำหน่ายไฟฟ้าในอัตราไม่เกิน 0.5 สตางค์ต่อหน่วย” เพื่อให้ กกพ. สามารถกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้าจากผู้รับใบอนุญาตจำหน่ายไฟฟ้าเป็น 0 บาทต่อหน่วยเป็นการชั่วคราว ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะช่วยลดผลกระทบภาระค่าไฟฟ้าต่อประชาชน จากสถานการณ์ราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน และเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทุกภาคส่วน

“ตอนนี้กำลังบริหารจัดการกันอยู่ การทำตรงนี้จะส่งผลถึงงวดหน้า เพราะฉะนั้นเราต้องคุมช่วงนี้ให้ได้ก่อน เพราะอัตราค่าไฟต่างๆ เหล่านี้จะดูย้อนหลัง เพราะฉะนั้นสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ทุกวันนี้ เพื่อที่จะควบคุมในส่วนของอัตราค่าไฟฟ้าในปีหน้าไม่ให้เป็นภาระกับประชาชน… แต่ลดได้เท่าไหร่คงจะต้องประเมินกันอีกที มันพูดไม่ได้ว่างวดหน้าไม่ขึ้น เราทำทั้ง 9 มาตรการเพื่อลดต้นทุนเพื่อไม่ให้เป็นภาระ และจะส่งผลกับการขึ้นค่าไฟในรอบต่อไป แต่จะลดได้หรือเพิ่มได้ต่างๆ เหล่านี้ ทาง กกพ. จะเป็นผู้ดูแลในเรื่องของโครงสร้างตรงนั้น” นายกุลิศ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าว และว่า ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงวิกฤติพลังงานอยู่ ราคายังคงมีความผันผวน ถ้าเราร่วมด้วยช่วยกันในการประหยัดงานได้ ก็ขอเชิญประชาชนทุกภาคส่วนในการประหยัดพลังงาน อย่างห้างสรรพสินค้า ช่วงที่อากาศเย็น อาจปิดแอร์ หรือบันไดเลื่อนก่อนห้างปิด 1 ชั่วโมงก็จะช่วยกันได้ในส่วนนี้ แต่ยังคงเป็นมาตรการขอความร่วมมือ

ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า สถานการณ์เหล่านี้เป็นสถานการณ์วิกฤติกับทุกประเทศในโลก ทุกภูมิภาค หลายๆ อย่างที่รัฐบาลใช้เวลาในช่วงที่ผ่านมาจนถึงเวลานี้ เราต้องปรับตัวให้สามารถรับมือสถานการณ์วิกฤติในด้านต่างๆ ด้วย เพราะเราเป็นห่วงโซ่เดียวกัน ในหลายๆ ภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นการค้า การลงทุน เศรษฐกิจต่างๆ รัฐบาลก็ขอใช้เวลาในเรื่องนี้ ในการแก้ปัญหาเหล่านี้

ภาพจาก ศูนย์บริการข้อมูลมติ กพช. / กบง.  และเพจไทยคู่ฟ้า

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า