SHARE

คัดลอกแล้ว

หลายคนคงเคยเห็นผ่านตากันมาบ้างกับเครื่องประดับที่มีลักษณะคล้าย ‘งู’ หรือที่รู้จักกันในชื่อคอลเลกชัน Serpenti ที่มักจะอยู่บนข้อมือเหล่าเซเลบริตี้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Lisa Blackpink, Anne Hathaway และคนอื่นๆ

ซึ่งแบรนด์ที่อยู่เบื้องหลังเครื่องประดับสุดคลาสสิคนี้ก็คือ ‘Bvlgari’ (อ่านว่าบุลการี) แบรนด์เครื่องประดับที่มาอายุยาวนานกว่า 147 ปีจากเครือแบรนด์หรู ​LVMH

แน่นอนว่าแม้ ‘Bvlgari’ จะเป็นเครื่องประดับที่มีอายุยาวนานนับ 100 ปีแล้ว แบรนด์ยังก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์เครื่องประดับที่ได้แรงบันดาลใจจาก ‘ยุคกรีก-โรมัน’ ไว้อีกด้วย

และที่น่าสนใจคือ ภาพจำในอดีตจนถึงปัจจุบันของแบรนด์คือเครื่องประดับที่มีราคาสูงเริ่มตั้งแต่หลักแสนบาทไปจนถึงหลักล้านบาท

แต่ล่าสุดแบรนด์ได้ออกสินค้าในคอลเลกชันที่ช่วยเหลือมูลนิธิเด็กในราคาหลักหมื่น ทำให้หลายๆ กลุ่มลูกค้าเข้าถึงได้ คอลเลกชันชื่อ ‘Save the Children necklace’ ได้ ซึ่งคอลเลกชั่นนี้กำลังเป็นที่นิยมมากในโลกโซเชี่ยลมีเดีย

บทความนี้ TODAY Bizview มาชวนอ่านเรื่องราวของ ‘Bvlgari’ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทำไมแบรนด์ยังคงรักษาเอกลักณ์ไว้ได้นับร้อยปี พร้อมทั้งยังสามารถขยายกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น

[ จุดเริ่มต้นจากชายเชื้อชาวกรีกผู้หลงใหลในเครื่องประดับเงิน สู่การสร้าง ‘Bulgari’ ตัวอักษร U ไม่ใช่ V ]

ต้องเกริ่นก่อนว่าจุดเริ่มต้นของแบรนด์มาจาก ‘Sotirio Voulgaris’ ชายเชื้อสายกรีกที่หลงใหลในการออกแบบเครื่องประดับเงิน และเขายังถือเป็นช่างมากฝีมือที่มีความประณีตในการประดิษฐ์

และได้เปิดร้านเครื่องประดับขึ้นในปี 1877 ณ กรุงโรม ประเทศอิตาลีในชื่อ ‘Bulgari’ ซึ่งมีแรงบันดาลใจมาจากนามสกุลภาษากรีกของเขานั่นก็คือ ‘Voulgaris’

นอกจากที่ ‘Sotirio Voulgaris’ จะหลงใหลในการออกแบบแล้วเขายังหลงใหลในศิลปะยุคกรีก-โรมันอีกด้วย ทำให้เมื่อความหลงใหลของทั้ง 2 อย่างมารวมกันจนเกิดเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Bulgari ขึ้นมาด้วยภาพจำที่ว่าเครื่องประดับกรีกที่มีลูกเล่นแบบอิตาลีรังสรรค์เครื่องประดับแต่ละชิ้นด้วยฝีมือของเขาเอง

[ เปลี่ยนทายาท เปลี่ยนตัวอักษร สร้างภาพจำที่ดีกว่าเดิม ]

ถัดมาในปี 1904 ดีไซน์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของ Bulgari (ตอนนั้นยังสะกดด้วยตัว U) กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่คนชนชั้นสูง ขณะที่ภายหลังจากนั้นเพียง 28 ปี (ปี 1932) แบรนด์ก็ได้เข้าสู่การสืบทอดให้กับทายาทรุ่นที่ 2 อย่างรวดเร็ว

โดย 2 ลูกชายของผู้ก่อตั้งที่มีชื่อว่า ‘Constantino’ และ ‘Giorgio’ ได้เข้ามาเปลี่ยนเกมธุรกิจของ ‘Bulgari’ ให้มีภาพจำใหม่ๆ ด้วยการเปลี่ยนตัวอักษร ‘U’ เป็น ‘V’ หรือกลายมาเป็น ‘Bvlgari’ ที่เขียนแบบนี้มาจนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะเป็นดีเทลเล็กๆ แต่ก็สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ไม่น้อย

นอกจากนี้ 2 ทายาทยังออกแบบตกแต่งร้านให้มีภายในที่หรูหรา แต่ก็ดูลึกลับซับซ้อนตามชื่อเสียงที่แบรนด์ รวมถึงเปิดตัวหินอ่อนอิตาลีสีชมพูและสีเบจซึ่งกลายมาเป็นจุดเด่นของ Bvlgari อีกด้วย‍

[ สงครามโลกครั้งที่ 2 ทำแบรนด์สะดุดแต่เมื่อสิ้นสุดก็กลับมารุ่งอีกครั้ง ]

การดำเนินธุรกิจของแบรนด์ก็ดูเหมือนจะไปได้ดีและเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งช่วงปี 1939 ที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 Bvlgari ได้ถอดอัญมณีล้ำค่าต่างๆ อาทิ เพชร พลอย ทับทิม ออกจากการออกแบบเครื่องประดับ เนื่องจากข้อจำกัดในช่วงสงครามทำให้ยากต่อการนำข้ามา

โดยช่วงเวลานั้แบรนด์แก้ปัญหาด้วยการมุ่งสร้างแต่เครื่องประดับที่ทำจากทองคำแทน เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่ายิ่งในช่วงสงครามแล้วทองคำจะมีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่วิกฤตก็อยู่ได้ไม่นานเท่าไรนัก

และเมื่อ 6 ปีผ่านไป (ปี 1945) สงครามจบลง Bvlgari ก็เริ่มออกแบบเครื่องประดับที่ประดับด้วยอัญมณีอีกครั้ง ซึ่งด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้แบรนด์โด่งดังมากในหมู่ขุนนางหรือกลุ่มคนชนชั้นสูง

[ ขึ้นผู้สู่นำเทรนด์ ขยายธุรกิจไปทั่วโลก เปิดตัวข้อมือรูปงู ]

ถัดมาในปี 1960 ถือเป็นปีสำคัญของ Bvlgari เลยก็ว่าได้เพราะจากที่แบรนด์ได้ดีไซน์สินค้าตามแฟชั่น ก็เปลี่ยนมาเป็นตัวเองมากขึ้น โดยการเป็นผู้นำเทรนด์แฟชั่นแทน

โดยกลยุทธ์ของแบรนด์ในตอนนั้นคือการหยิบอัญมณีสีสันสดใส มาเจียระไนเครื่องประดับให้เป็นเครื่องประดับที่มีดีไซน์แปลกตาดูล้ำหน้าและน่าทึ่งแทน

นั่นก็คือคอลเลกชัน Serpenti ที่เลือกใช้ ‘งู’ เป็นสัญลักษณ์จนทำให้กลายเป็นเปลี่ยนจุดสำคัญและภาพจำให้กับแบรนด์จนถึงทุกวันนี้ โดยคอลเลกชันนี้เริ่มต้นมาจากตระกูลผู้ก่อตั้งที่มีเชื้อสายกรีก ทำให้มีความเชื่อเรื่องตำนานกรีก-โรมันและศาสนาคริสต์

ซึ่ง ‘งู’ ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญเพราะสะท้อนถึงตัวแทนของการมีพลัง ภูมิปัญญา การเกิดใหม่ ความมีชีวิตชีวา ความรอบรู้และชั่วนิรันดร์ และด้วยความนิยม ความหมาย ดีไซน์คอลเลคชั่นนี้ทำให้ งู กลายมาเป็นภาพจำของ Bvlgari ไปชั่วกาล

ถัดจากนั้นมาในปี 1970 แบรนด์ได้เริ่มขยายธุรกิจไปในระดับสากลมากขึ้น โดยการเปิดร้านในนิวยอร์ก เจนีวา และปารีส ซึ่ง Bvlgari ยังได้เริ่มออกแบบนาฬิกาสร้อยข้อมืองูอย่าง ‘tubogas’ ที่มีชื่อเสียงตั้งแต่เปิดตัว รวมถึงต่อยอดคอลเลกชัน Serpenti ที่เด่นในสร้อยข้อมือรูปงูจนถึงปัจจุบันอีกด้วย

[ ปี 2011 เข้าสู่เครือ LVMH อย่างเป็นทางการ ]

ต่อมาในปี 2011 LVMH เครือแบรนด์หรูจากฝรั่งเศส ได้เข้าซื้อ Bvlgari มาอยู่ภายใต้พอร์ตธุรกิจแฟชั่นมาจนถึงปัจจุบันอีกด้วย ซึ่งในปี 2023 Bvlgari มียอดขายเพิ่มขึ้น 13% มีกลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างมีนัยสำคัญ และปัจจุบัน LVMH มีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 15 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว

เริ่มต้นจากความหลงใหล สู่ผู้นำเทรนด์แฟชั่น คงเอกลักษณ์ของแบรนด์ไว้ไม่เปลี่ยนนับ 100 ปี จึงไม่แปลกเลยที่ ‘Bvlgari’ จะแบรนด์เครื่องประดับที่มีชื่อเสียงระดับโลกจนวันนี้…

ที่มา :

https://www.richdiamonds.com/inspiration/the-history-of-bvlgari

https://www.bulgari.com/en-int/

https://www.bulgari.com/en-int/jewellery/necklaces/save-the-children-necklace-silver-ceramic-black-349634

https://www.lvmh.com/news-documents/press-releases/excellent-start-to-the-year-for-lvmh/

https://www.prestigeonline.com/hk/jewellery/bvlgari-serpenti-history/

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า