“แคนดี้” น้ำตาซึมตกเป็นจำเลยสังคมกักตุนแอลกอฮอล์​ ไม่ท้อขอทำดีต่อไป

แคนดี้ รากแก่น น้ำตาซึมตกเป็นจำเลยสังคมกักตุนแอลกอฮอล์​ ตอนนี้คดีอยู่ในขั้นเขียนสำนวนสอบสวน ขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ  ไม่ท้อขอทำดีส่งของมอบให้โรงพยาบาล ช่วยวิกฤตโควิด 19 

​ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชน​เป็นครั้งแรกสำหรับลูกทุ่งสาว “แคนดี้ รากแก่น” ที่ก่อนหน้านี้ถูกเอี่ยวในข้อหากักตุนแอลกอฮอล์​  ซึ่งเจ้าตัวก็ได้แถลงข่าวชี้แจงความ​บริสุทธิ์​ไปแล้วในอินสตาแกรม ล่าสุดเจ้าตัวนำอาหารแห้งอาทิ ปลากระป๋อง บะหมี่ และ face shield 150 ชิ้นที่ทำขึ้นเองมามอบให้โรงพยาบาลรามาธิบดี ผ่านมูลนิธิรามาธิบดี และมอบให้โรงพยาบาลศิริราช จากนั้นก็ได้เปิดใจกับสื่อมวลชน

ความคืบหน้าของของคดีความไปถึงไหนแล้ว ? 

“ตอนนี้คดีอยู่ในขั้นเขียนสำนวนสอบสวน ครั้งที่แล้วไปหาตำรวจแต่งยังไม่ได้เขียนสำนวน ก็เลยให้ทนายกำลังดำเนินการเขียนสำนวนอยู่ ครั้งที่แล้วที่คุณตำรวจได้เขียนไป แถลงไปเป็นการได้หลักฐานจากฝั่งนั้นไป แต่ยังไม่ได้ข้อมูลจากฝั่งเรา”

ตอนนี้เราตกเป็น “จำเลยสังคม” เรารู้สึกยังไง?

แคนดี้ รากแก่น

“อันดับแรกต้องปฏิเสธเต็มปากเต็มคำก่อนเลยว่าเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ พูดได้อย่างเต็มปาก แอลกอฮอล์ไม่เกี่ยวอะไรกับแคนดี้เลย แต่การพูดไปก็ไมได้หวังว่าให้ทุกคนต้องเชื่อในสิ่งที่แคนดี้พูดทั้งหมด หรือให้ทุกคนมายอมรับในตัวแคนดี้ แต่เราเชื่อในความจริงที่เรามี สิ่งที่ทำมาตลอดมันเป็นความปรารถนาดีกับสังคมมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้มันอาจจะเกิดจากการประสานงานผิดพลาดประการใด จนเกิดเป็นเรื่องเป็นราวและต้องตกเป็นจำเลยสังคมกับความผิดเล็กๆ ที่เราทำ ก็ว่าอะไรไม่ได้ ตอนนี้เราเลือกอยู่กับคนที่เขาเขใจเรา เชื่อในตัวเรา รักเรา และนี่ไม่ใช้ครั้งแรกที่ตกเป็นจำเลยสังคม เราเป็นคนสาธารณะ หยิบจับอะไรก็อาจจะไม่ถูกใจคนทุกคนทั้งหมด แต่ว่าอย่างที่บอกว่ามันเจ็บ มันเฮิร์ท (น้ำตาคลอ) แต่มันเป็นแค่ช่วงหนึ่ง แต่พอเราฮึดขึ้นมาได้ ความจริงก็เป็นความจริง เอาความจริงมาสู้ดีกว่า เราจะไปเสียใจมากทำไม เราต้องลุกมาให้ความจริงมันทำงาน”

วันนั้นที่เราตื่นขึ้นมาในข่าวเขียนว่าเราเป็น “ผู้ต้องหา” สะเทือนใจแค่ไหน?

“ตกใจมากเลยค่ะ มันเป็นการขึ้นโรงพักครั้งแรกของแคนดี้ มันเป็นคำที่ค่อนข้างรุนแรง แต่พอสอบถามพี่ทนายไปแล้ว ท่านก็อธิบายว่าทุกคนสามารถเป็นผู้ต้องหาได้ เพราะหน้าที่ตำรวจคือการกล่าวหาอยู่แล้ว มันเป็นขั้นตอนการปฏิบัติงานของเขา ซึ่งพอเราถูกกล่าวหามา เราก็ต้องไปเอาหลักมาฐานมาแย้ง เราก็พึ่งรู้เหมือนกันว่าเป็นการทำงานแบบนี้ และเราตกใจกับคำแรกไป แต่เราก็มาสบายใจได้ก็แค่เอาหลักฐานและความจริงมากล่างอ้าง มาชี้แจง แค่นี้เราก็พ้นมลทินแหละ เราก็เลยเอาความจริงมาสู้เท่านั้นเอง”

เรารู้สึกยังไง ความใจดีของเรามันส่งผลกระทบให้เราขนาดนี้?

“(น้ำตาคลอ) คำนี้คือแทงใจมากเลยนะ ความที่ไว้วางใจ ความที่อะไรก็ได้ ทำให้เรารู้สึกว่าเราต้องทำอะไรให้ระวัดระวังให้มากๆๆๆๆ เซฟตัวเองก่อนเลยอันดับแรก การที่เราจะทำอะไรเพื่อสังคมมันกระทบตัวเราไม่พอ แต่มันชิงไปถึงครอบครัว แต่เลือกที่จะไม่ไปอ่านหรือไปเสพข่าวที่คนที่เขาเข้ามาด่า ทำเราให้สบายใจขึ้น และก็มีหลายคนที่ไม่รู้จักเราเขาก็มีสิทธิ์ด่าเราได้ ถึงได้บอกว่าตอนนี้โอเคแหละ เราได้รับคำแนะนำจากผู้ใหญ่รอบด้านว่าเราใจดีเกินไป บอกว่าเราเป็นคนที่ไว้ใจคนอื่นเกินไป เพราะฉะนั้นก็ระวังให้เยอะๆ นะ (ตอนที่เขามาเอาฝากเรา เราได้นึกไหม? ว่ามันเยอะเกินไปหรือเปล่า) จริงๆ เราเป็นแม่ค้าออนไลน์อยู่แล้ว และเอาจริงๆ นะค่ะ เราขอโทษเอาไว้ตรงนี้เลยว่ามันไม่ได้เยอะ มันเท่ากับรถปูนคันเดียว เท่านั้นเอง และเขาขอแค่ความร่วมมือเรา เขาขอแค่เอามาถ่ายโอนชั่วคราวเท่านั้นเอง เราก็เข้าใจว่าหน้าที่เรามีแค่นั้น ช่วยได้ก็คือช่วยได้ เพราะคนนี้เราก็ทำงานมาด้วยกัน ไปงานบุญมาด้วยกันพอสมควร”

แต่ก่อนหน้านี้รัฐก็ออกกฎว่าห้ามกักตุนแอลกอฮอล์ล?

“คำว่ากักตุนต้องเข้าใจคำนี้ก่อนว่ามีเอาไว้ไม่ได้ขาย ไม่ได้จำหน่ายเอาไว้เพื่อใช้ แต่เขาเอามาฝากไว้เพื่อจะไว้ถ่ายโอนสินค้าและกำลังจะขนขึ้นรถไปไว้ที่โรงงานของเขา เขาแค่ขอพื้นที่ ที่สามารถเอารถคันใหญ่เข้ามาขนถ่ายได้ เนื่องจากโรงงานที่เขาจะเอาไว้ถ่ายโอนมันปิดเท่านั้นเอง ไม่ได้กักตุนอะไรเลย มันเป็นการถ่ายของชั่วคราวเท่านั้นเอง”

“ถามว่าเกี่ยวข้องกับกรณีนี้ไหม คือถ้าพูดในแง่ของธุรกิจเราก็ซื้อขายเป็นปกติ เพราะอาชีพเราเป็นแม่ค้า แต่ไม่เกี่ยวกับล็อตนี้เท่านั้นเอง แต่จะให้ปฏิเสธว่าเราไม่เคยขาย มันไม่ใช่เพราะเราก็เคยขายแอลกอฮอล์ล ขายเจล เพียงแต่ไม่ใช่ล็อตนี้ เพราทุกคนถ้าติดตามแคนดี้จะรู้ว่าเราขายทุกอย่างทั้งเครื่องสำอาง เสื้อผ้ามือสอง จนกระทั่งมีคนต้องการเจล เราก็ขายเป็นปกติ ส่วนล็อตนี้เราไม่เกี่ยวข้องเลย แค่เพียงเขาโทรมาขอความช่วยเหลือเท่านั้น  ส่วนเจ้าของตัวจริงแล้ว ในวันที่ตำรวจเขาแถลงในตอนเช้านั้น และเจ้าของตัวจริงเขากำลังจะเอาเอกสารไปยืนในวันนั้นในช่วงบ่ายอยู่ ซึ่งถ้าตำรวจใจเย็นนิดนึงก็จะได้หลักฐานทั้งหมด จะได้ช่วยให้แคนดี้รอดไปจากตรงนี้แต่อันนี้ก็ไม่ว่ากันเพราะท่านก็ทำตามหน้าที่ ท่านก็แถลงไปก่อน และบ่ายนั้นพี่คนที่เป็นเจ้าของก็เอาเอกสารไปยื่นให้ปกติเหมือนเดิม ว่าทุกอย่างเป็นของเขาไม่เกี่ยวกับน้องแคนดี้เลย ซึ่งแคนดี้ก็น่าจะรอดตั้งแต่บ่ายวันนั้นแล้ว แต่เวลามันสลับกันไปนิดนึง ซึ่งก่อนหน้านี้ที่พี่ๆ สื่อมวลชนโทรมาถามแคนดี้ แต่แคนดี้ยังไม่สามารถให้คำตอบอะไรได้เพราะเราไม่เคยขึ้นโรงพัก เราไม่รู้ว่าเราจะพูดได้แค่ไหน ทั้งๆ ที่เราคันปากอยากพูดมากเลย แต่ก็พูดไม่ได้ ทั้งๆที่อยากจะพูดความจริงทั้งหมด จนพี่เขาออกมาห้องสอบสวน เขาก็บอกว่าแคนดี้พูดความจริงไปเลยลูก พูดไปได้หมดเลย เราก็พูดหมดเลย”

“ในขั้นตอนต่อไปที่ได้คุยกับทนายแล้ว ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงของการทำคดี แต่ไม่ใช่คดีอาญาแต่เป็นคดีแพ่ง ในรูปของคดีคือการครอบครองสินค้าที่ไม่ได้เสียภาษีไว้ในการครอบครอง และจบจริงๆ สุดท้ายคือการจ่ายค่าปรับ ถ้าเรามีการครอบครองจริง ซึ่งแคนดี้ก็รอดแหละ เพราะเราไม่ได้ครอบครอง ซึ่งเราก็ไม่ต้องเสียค่าปรับแหละ แต่ตอนนี้มันเป็นเรื่องของรูปคดีไปแล้ว เพราะฉะนั้นก้มีการทำสำนวน ทนายก็แนะนำให้เราพูดความจริงไปเลย เราก็สามารถเอาเอกสารทุกอย่างไปชี้แจง ซึ่งทางคุณตำรวจเขาก็มีหลักฐานในฝั่งเขา ขาดแต่ฝั่งเราที่จะเอาหลักฐานไปกล่าวอ้าง ไปอธิบายให้ทางตำรวจฟัง”

และทางด้าน “ชื่อเสียง” ที่ “มันเสียไป” เราจะว่ายังไง?

“หนักหน่วงมาก ชื่อเสียงพังเพพินาศมาก ถามว่าสิ่งที่เราเสียไปกับเรื่องนี้ ทำให้เราเห็นว่ามีคนที่รักเราจริง มีคนที่เขาเข้าใจเราจริงแค่ไหน มีคนที่อยู่เคียงข้างเราเยอะมาก ทำให้เราลุกขึ้นมาได้เร็วมากขึ้นกว่าเดิม เพราะคำๆ เดียวว่าความจริงก็คือความจริง สักวันนึงคนจะรู้จะเข้าใจ คำๆ นี้ทำให้เราบ้อมแป๊บเดียวและเราลุกขึ้นได้ทันที แต่ก่อนจะลุกขึ้นมันจะนอยด์จากการที่คนไม่รู้จักเข้ามาด่าเยอะมาก ด่าเราเราไม่ว่าเลย ถ้าคุณด่าแคนดี้ รากแก่นแล้วชีวิตคุรดีขึ้น คุณด่าไปเลย ถ้าเป็นอย่างนั้นแคนดี้จะนั่งให้ด่าเลย แต่อย่าไปด่าถึงครอบครัวเลย เขาไม่ได้ทำอะไร เราพลาด พลาดเพราะความใจดี พลาดเพราะการทำงานของแคนดี้เอง เพราะฉะนั้นอย่าโยง ซึ่งก็คงไม่มีใครมีความสุขที่จะมีใครมาด่าคุณพ่อคุณแม่ของคุณเอง อันนั้นมันทำให้แคนดี้นอยด์ แต่ด่าแคนดี้คือไม่ได้นอยด์เลย”

คุณแม่รู้เรื่องนี้ไหม?

“ในส่วนของคุณแม่ท่านก็รับทราบตั้งแต่วันแรกเลย วันแรกก็เดินไปบอกแม่เลยว่า แม่ตำรวจโทรมาตาม แคนดี้ออกไปหาตำรวจก่อนนะ ตัวเองรู้สึกเหมือนไปหน้าปากซอย เพราะพอตำรวจโทรปุ๊บ เราก็บอกว่าไปได้ค่ะ ช่วงนี้ว่างพอดี หนูตกงาน ก็ออกไปเลย ซึ่งมันง่ายมากเลย ไม่ต้องมีขั้นตอน ไม่ต้องมีทนาย เพราะเราบริสุทธิ์ใจมาก แม่ก็ถามว่ามีอะไรล่ะ เราก็อธิบายให้แม่ฟังว่ามันเป็นยังไง ซึ่งแม่ก็เข้าใจแคนดี้อยู่แล้วว่า วันๆ เราทำอะไรบ้าง เห็นเรานั่งโทรศัพท์ หาของไปบริจาค แม่ก็บอกว่าคุยกับตำรวจเขาดีๆ แล้วกัน และหนูก็ทำตามที่แม่บอก เข้าไปหาตำรวจ ไฮสวัสดีค่ะคุณตำรวจ เล่าเรื่องให้เขาฟังทั้งหมด มันง่ายสำหรับเราเพราะเราพูดความจริงทั้งหมด แต่มันไม่ง่ายตรงที่มันถูกทำเป็นสำนวนไปแล้ว ซึ่งอันนี้ตำรวจเขาก็ทำตามหน้าที่ของเขา เป็นตามขบวนการ เราก็ทำตามขบวนการ และทั้งหมดทั้งมวลสิ่งที่แคนดี้มีไม้เด็ดอยู่ในมือก็คือความจริงเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นก็ขอโทษในช่วงแรกๆ ที่ไม่สามารถออกมาพูดได้เลยเพราะคนไม่เคยขึ้นโรงพัก ไม่รู้ว่าพูดได้แค่ไหน แต่ตอนนี้พี่ทนายบอกพูดได้เลย ข่าวมันอาจจะออกไปเร็วเกินไป บางอย่างอาจจะไม่ใช่ความจริง มีการบิดเบือน ทำให้สังคมเข้าใจผิด แต่ไม่เป็นไรทุกคนมีสิทธิ์คิด เราเองก็เคยเห็นข่าวบ้างข่าว เราก็ยังต่อว่าเขาไปเลยทั้งๆ ที่เรายังไม่ได้รู้ความจริงทั้งหมด ทุกคนเป็น เพราะฉะนั้นไม่เป็นไร เราเข้าใจ ใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงก็คือความจริง และวันหนึ่งคุณก็จะรู้เองว่าความจริงก็คือความจริง”