SHARE

คัดลอกแล้ว

ยิ่งนับวัน ‘กล้องของโทรศัพท์มือถือ’ ก็ยิ่งพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ แถมมือถือก็ยังพกพาสะดวก ถ่ายเสร็จก็อัพโหลดได้ทันที ทำให้หลายปีที่ผ่านมา ‘กล้องดิจิทัล’ ถูกลดความสำคัญลงจากผู้บริโภคทั่วไป และไม่ใช่สิ่งจำเป็นเท่ากับในอดีต

ผลกระทบที่เกิดขึ้นตามมาคือ ยอดขายกล้องดิจิทัลตลอดหลายปีที่ผ่านมาลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่จำนวน และมูลค่าของตลาด

แถมในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่โลกต้องเผชิญกับการระบาดของโควิด การท่องเที่ยวทั่วโลกอยู่ในอาการสาหัส ผู้บริโภคที่ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหน ก็ไม่รู้จะซื้อกล้องดีๆ ไปทำไม นั่นก็ยิ่งซ้ำเติมตลาดกล้องดิจิทัลให้หดตัวลงไปอีก

แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) บอกว่า มูลค่าตลาดกล้องในปี 2564 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 3,300 ล้านบาท ลดลง 18% จากปีก่อนหน้า

ขณะที่ในแง่ของจำนวนยูนิตที่ขายได้ในปี 2564 ลดลงจากปี 2563 ราว 20%

แคนนอนบอกว่า ภาพรวมตลาดที่หดตัวมีสาเหตุหลักมาจากยอดขาย ‘กล้องคอมแพค’ ที่ติดลบหนัก แต่กล้องดิจิทัลรูปแบบที่มีราคาระดับกลาง-บน เช่น กลุ่มกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้อย่างมิเรอร์เลส และกล้อง DSLR ยังเติบโตอยู่บ้าง

นั่นทำให้มูลค่าของตลาด ไม่ได้ลดลงในตัวเลขที่เท่ากับจำนวนยูนิตนั่นเอง

แคนนอนยังสะท้อนตัวเลขของฝั่งแคนนอนเองด้วยว่า ปีที่แล้วยอดขายกล้องมิเรอร์เลสมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาเป็น 70% จากปีก่อนหน้าที่อยู่ที่ 60%

สะท้อนให้เห็นว่ากล้องมิเรอร์เลสกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น

แคนนอนบอกว่า ถึงแม้การท่องเที่ยวจะวิกฤต แต่จำนวนบล็อกเกอร์และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ในไทยเติบโตขึ้นมาก และกลุ่มนี้ก็เป็นกลุ่มที่ต้องการภาพที่มีคุณภาพระดับหนึ่ง กล้องดิจิทัลแบบเปลี่ยนเลนส์ได้อย่างมิเรอร์เลสก็ตอบโจทย์กลุ่มนี้ได้

นอกจากนี้ สถานการณ์โควิดที่เริ่มคลี่คลาย รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการมากขึ้น ผู้คนที่อัดอั้นในเรื่องการเดินทางมา 2 ปี ก็น่าจะเริ่มกลับมาเดินทางอีกครั้ง ทำให้แคนนอนมองว่าในครึ่งปีหลังนี้ตลาดกล้องยังพอมีความหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มกล้องมิเรอร์เลสที่มีโอกาสมาก

แคนนอนจึงปรับเกมรับเทรนด์ด้วยการเปิดตัวกล้องมิเรอร์เลส 2 รุ่นใหม่เข้ามาลุยตลาดในครึ่งปีหลัง ซึ่งแคนนอนบอกว่า มิเรอร์เลสจะเป็นประเภทกล้องที่แคนนอนมุ่งโฟกัสมากขึ้น และลดโฟกัสการทำตลาดในกลุ่มกล้องคอมแพคลง

โดยกล้องมิเรอร์เลส 2 รุ่นใหม่ที่แคนนอนเพิ่งเปิดตัว ได้แก่ Canon EOS R7 และ EOS R10 รวมถึงเลนส์ซีรีส์ RF-S อีก 2 รุ่น ซึ่งเหมาะกับผู้ถ่ายภาพระดับเริ่มต้น ไปจนถึงระดับมืออาชีพ แถมยังตอบโจทย์งานวิดีโอ

‘เนตรนรินทร์ จันทร์จรัสสุข’ ผู้อำนวยการ กลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์อิมเมจจิ้งอินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “แคนนอนเปิดตัวระบบ EOS เมื่อปี 2530 ตามปรัชญาการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์กล้องถ่ายภาพที่มอบความเร็ว ความง่าย และให้ภาพถ่ายคุณภาพสูง

จากนั้น เราได้ก้าวเข้าสู่ตลาดกล้องมิเรอร์เลสอย่างจริงจังโดยวางจำหน่ายกล้องตระกูล EOS R ในปี 2561 ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภคชาวไทย”

“สำหรับแผนการพัฒนาธุรกิจในปี 2565 นี้ แคนนอนก้าวไปอีกขั้นด้วยการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ในระบบ EOS R โดยเฉพาะกล้องมิเรอร์เลสที่ใช้เซ็นเซอร์ APS-C ที่มอบประสิทธิภาพทั้งในเรื่องของความเร็ว การถ่ายภาพต่อเนื่อง และการบันทึกภาพเคลื่อนไหวคุณภาพสูง เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานที่แตกต่างกันได้อย่างครอบคลุม

มร.ฮิโรชิ โยโกตะ ประธานบริษัท และประธานกรรมการบริหาร และ เนตรนรินทร์ จันทร์จรัสสุข ผู้อำนวยการ กลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์อิมเมจจิ้งอินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด

โดยกล้อง Canon EOS R7 สามารถถ่ายภาพที่ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซลได้ต่อเนื่องสูงสุดถึง 30 เฟรมต่อวินา ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ใช้งานกล้องแบบจริงจังซึ่งต้องการกล้องประสิทธิภาพสูง สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงและมีระบบออโต้โฟกัสที่รวดเร็วแม่นยำ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพเคลื่อนไหวทั้งกีฬา ยานยนต์ นกและสัตว์ป่า

“ส่วนกล้อง Canon EOS R10 เน้นกลุ่มผู้ใช้งานกล้องมือใหม่ที่ต้องการภาพถ่ายคุณภาพสูง น้ำหนักเบา และมีฟีเจอร์อัตโนมัติที่ช่วยในการนำเสนอความคิดสร้างสรรค์ด้วยโหมด SCN แบบใหม่ ทั้งโหมดการถ่ายภาพแบบพาโนรามา, โหมด Focus bracketing ในตัวกล้อง และโหมดแพนนิ่งเพื่อให้ผู้ใช้สามารถแพนภาพได้สวยงามเหมือนมืออาชีพ

“และยังมีฟังก์ชันการถ่ายวิดีโอแนวตั้ง เพิ่มความสะดวกสบายให้กับนักสร้างวิดีโอคอนเทนต์บนโซเชียลเน็ตเวิร์กอีกด้วย

ขณะที่เลนส์ทั้งสองรุ่นถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเลนส์รุ่นเริ่มต้นสำหรับผู้ใชกล้องในระบบ EOS R ให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

โดยเลนส์ Canon RF-S 18-45mm F/4.5-6.3 IS STM เป็นเลนส์ซูมมาตรฐานที่ให้มุมมองกว้าง เหมาะสำหรับการเก็บภาพประทับใจในชีวิตประจำวัน ในขณะที่เลนส์ Canon RF-S 18-150mm F/3.5-6.3 IS STM เป็นเลนส์เพื่อการเดินทางแบบอเนกประสงค์  ครอบคลุมทั้งการถ่ายภาพในชีวิตประจำวัน และถ่ายภาพในระยะไกล เช่น การภาพวิวทิวทัศน์ เกมกีฬา นก และภาพสัตว์ป่า

โดยแคนนอนเตรียมงบประมาณสำหรับการทำการตลาดกล้อง EOS R7 และ R10 ถึง 20 ล้านบาท ซึ่งมีทั้งโปรโมชั่น รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่างๆ ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์

สำหรับราคาวางจำหน่ายในประเทศไทย มีดังนี้

  • Canon EOS R7 เฉพาะตัวกล้อง 49,900 บาท
  • Canon EOS R7 ชุดพร้อมเลนส์ RF-S18-150mm f/3.5-6.3 IS STM 64,900 บาท
  • Canon RF-S18-45mm f/4.5-6.3 IS STM 11,990 บาท
  • Canon RF-S18-150mm f/3.5-6.3 IS STM 19,390 บาท

ทั้งนี้ กล้อง Canon EOS R10 จะประกาศราคาและเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยประมาณปลายเดือนกรกฎาคม 2565

แคนนอนบอกว่า ตั้งเป้าการเติบโตของมิเรอร์เลสในปีนี้ไว้สูงถึง 170% แต่ในสภาพตลาดปีนี้ที่แคนนอนเองก็ประมาณการไว้ว่าจะหดตัวลงอีก 18% ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าแคนนอนจะทำได้อย่างที่หวังไว้หรือไม่

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า