ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการเข้ามาตีตลาดของหลากหลายแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ต่างประเทศ และการเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในไทยอย่างเต็มกำลัง ทำให้ CARSOME แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซซื้อ-ขายรถยนต์มือสองครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นผู้นำในตลาดในประเทศไทย มองเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดรถยนต์มือสอง ท่ามกลางบทบาทสำคัญที่เพิ่มสูงขึ้นของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
นายศิวภูมิ เลิศสรรค์ศรัญย์ กรรมการผู้จัดการ คาร์ซัม ประเทศไทย เผยถึงโอกาสการเติบโตของตลาดรถยนต์มือสองไทย โดยเฉพาะเมื่อมีการส่งเสริมให้คนไทยหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น โดยอัตราการเติบโตของคาร์ซัมในปี 2565 ที่ผ่านมา เพิ่มสูงขึ้น 10 เท่า (เทียบปีต่อปี) เมื่อเทียบกับปี 2564 ทำให้ในปี 2566 นี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถโตได้อย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 2 เท่า อีกทั้งยังมุ่งรับมือปริมาณรถยนต์มือสองในไทยที่คาดว่าจะล้นตลาดในปีนี้ เนื่องจากอัตราการเติบโตของรถยนต์มือสองในไทยอยู่ที่ปีละ 3-5% ด้วย
โดยตอนนี้เอง ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามือสองยังมีความเสี่ยงอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเทรนด์ความต้องการที่ยังไม่ชัดเจน มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ราคารถยนต์ไฟฟ้ามือสองที่ยังไม่มีรูปแบบชัดเจน ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากความน่าเชื่อถือของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าด้วย และนโยบายทางการเงินและการปล่อยกู้สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ามือสองที่ยังไม่ชัดเจนเช่นกัน ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดในมุมของศิวภูมิ ก็คือการเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างจริงจัง
ทำให้ ทางคาร์ซัม ประเทศไทย เตรียมพร้อมที่จะเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามือสองในอีก 3 ปีข้างหน้า (ปี 2566-2568) โดยในปี 2566 จะจับมือกับพันธมิตรผู้ประกอบการรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเช่น PTTOR ในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามือสอง และการจัดการแบตเตอรี่ นอกจากนี้ ยังมีการอบรมการปรัยสภาพและซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อสร้างมาตรฐานที่แข็งแรง พร้อมทั้งยังจับมือผู้ให้สินเชื่อเพื่อร่วมวางแผนการจัดการความเสี่ยงและการปล่อยกู้
ส่วนในปี 2567 ทางคาร์ซัมจะนำข้อมูลของลูกค้า CARSOME เพื่อหาประเภทรถยนต์ไฟฟ้าที่ลูกค้าต้องการ โดยจะแบ่งเป็นทีละกลุ่ม เพื่อให้สามารถค่อยๆ เติบโตไปได้ เพื่อให้ภายในปี 2568 คาร์ซัมจะสามารถเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามือสองตามที่ตั้งเป้าไว้ โดยมีตัวเลือกรถยนต์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพที่ดี หลากหลายที่สุด และราคาดึงดูดที่สุด
ส่วนผลการสำรวจความคิดเห็นลูกค้า CARSOME จำนวน 200 คน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2566 พบว่า ปัจจัยหลักที่ลูกค้ายังไม่ตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน และผู้ประกอบการ:
- รถยนต์ไฟฟ้ายังมีราคาสูง (69.2%)
- สถานีชาร์จแบตเตอรี่สาธารณะที่มีไม่เพียงพอ (68.2%)
- ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่และอะไหล่ที่สูง (40.2%)
ส่วนปัจจัยหลักที่ลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามีอยู่ 3 ข้อ:
- ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย (98.4%)
- อยากมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อม (65.6%)
- สิทธิประโยชน์ทางภาษี (48.4%)
นอกจากนี้ เมื่อถามว่า ผู้ตอบแบบสำรวจมีแผนที่จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในอีกหนึ่งหรือสองปีข้างหน้าหรือไม่ 46.5% ระบุว่ายังไม่มีแผนจะซื้อ ในขณะที่ 30.2% ระบุว่า ตัดสินใจที่จะซื้อ ส่วนอีก 23.3% ระบุว่า ยังไม่แน่ใจ
ตั้งแต่ปี 2560 ที่คาร์ซัมดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ยอดผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้นถึง 278,045 ราย จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์อยู่ที่อย่างน้อย 670,000 คนต่อเดือน และมีจำนวน impressions สะสมมากกว่า 102 ล้านครั้ง ทำให้เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายรถมือสองที่มียอดผู้ติดตามมากที่สุด นอกจากนี้ ยังสามารถสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคได้ โดยกว่า 70% ของลูกค้าเลือกสั่งจองซื้อรถทางออนไลน์ และ 2 ใน 3 ของปริมาณรถยนต์ที่นำขึ้นขายบนเว็บไซต์ถูกจองซื้อภายในเดือนเดียวกัน และถูกจองเร็วสุดในเวลาเพียงแค่ 2 นาทีเท่านั้น หลังจากนำขึ้นแสดงบนเว็บไซต์
ปัจจุบัน คาร์ซัมเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์มือสองในประเทศไทย และเราจะยังคงเดินหน้าส่งมอบคำมั่นสัญญา รวมถึงแคมเปญทางการตลาดต่าง ๆ ที่มาจากความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก เช่น แคมเปญ ‘CARSOME Made For Her’ ที่เรานำอินไซท์ของลูกค้าผู้หญิงมาเป็นจุดตั้งต้น รวมถึงปีนี้ คาร์ซัมจะเข้าร่วมงาน ‘บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44’ โดยเตรียมพบกับโปรโมชั่นพิเศษได้ที่บูธ U8 โซนรถยนต์มือสอง