ทีมทนาย ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ แถลงไม่มีออกหมายจับ-หมายเรียก ปัดเอี่ยวเว็บพนัน-ซัดดิสเครดิต

‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ ให้ทีมทนาย ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ยืนยัน ไม่มีออกหมายจับ-หมายเรียก ปัดเอี่ยวเว็บพนัน-ซัดดิสเครดิต

ทีมทนายความของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) เปิดแถลงข่าวด่วน โดยสรุป กรณีวันนี้มีคณะพนักงานสอบสวนได้ไปยื่นคำร้องขอหมายจับ 1 ในนั้นคือมี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อยู่ด้วย เฉพาะในกรอบคำสั่งนี้ ศาลได้มีคำสั่งยกคำร้อง หมายถึงไม่ออกหมายจับตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอ โดยศาลมีดุลพินิจว่า ไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะออกหมายจับตามคำร้องได้

และในเรื่องนี้มีการเผยแพร่ข้อเท็จจริงไปในทำนองว่า นอกจากศาลไม่อนุมัติออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แล้ว กลายเป็นว่ามีการเผยแพร่ทำนองว่าศาลให้ออกหมายเรียก ทางทีมทนายความได้ตรวจสอบแล้ว ศาลไม่ได้มีคำสั่งอย่างที่มีการเผยแพร่และเข้าใจกัน

ทนายความ ระบุอีกว่า หากพนักงานสอบสวนยังเห็นว่าจะดำเนินการต่อไปอยู่ ทางทีมทนายความได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงตลอดจนข้อกฎหมายแล้วมีความเห็นว่า การที่พนักงานสอบสวนดำเนินการอยู่ไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยข้อกฎหมายอย่างยิ่ง เพราะข้อเท็จจริงที่กล่าวหาพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช. แล้วและ ป.ป.ช. มีมติรับเรื่องไว้ไต่สวนแล้ว โดยเผยแพร่ในสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 5 มี.ค. 67 ดังนั้นอำนาจในการพิจารณาเรื่องนี้ว่าพล.ต.อ.สุรเชษฐ์จะมีความผิดหรือไม่อยู่ที่ ป.ป.ช.

“ท่านยืนยันว่าท่านไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดตามที่มีการตั้งเรื่องและกล่าวหา ท่านยืนยันว่าไม่มีเส้นทางการเงินอะไรที่เกี่ยวข้องกับท่านเลย เงินที่มีการให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาไปดำเนินการเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ท่านยืนยันว่าเป็นเงินของท่านโดยแท้ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินของเว็บพนันอะไรเลย ซึ่งในเรื่องนี้ท่านก็ได้ถูกส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. พิจารณาเพื่อไต่สวนแล้ว คดีที่ส่งเรื่องให้ป.ป.ช. คือคดีอาญาที่ 724 แต่คดีนี้ที่มีการยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายจับเป็นคดีอาญาที่ 391 เราได้ดูข้อเท็จจริงแล้วปรากฏว่า คดีที่ไปยื่นคำร้องต่อศาลในวันนี้เป็นข้อเท็จจริงอย่างเดียวกันที่ปรากฏอยู่ในสำนวนของ ป.ป.ช.นั่นแหละครับ ในเรื่องนี้ได้มีการชี้แจงและแจ้งต่อคณะพนักงานสอบสวนแล้วว่ามันเป็นเรื่องเดียวกัน”

และว่า “ในเรื่องนี้เราเห็นว่าการไปยื่นคำร้อง จนกระทั่งศาลมีคำสั่งว่าไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะออกหมายจับให้ตามที่พนักงานสอบสวนยื่นคำร้อง ย้ำอีกทีศาลไม่ได้มีคำสั่งให้ออกหมายจับ ดังนั้นหากพนักงานสอบสวนจะดำเนินการเรื่องนี้ต่อ ขอร้องอย่าอ้างศาลว่าศาลเป็นผู้ออกคำสั่ง ท่านจะทำอะไรท่านต้องรับผิดชอบด้วยตัวของท่านเอง ทำไปแล้วผิดหรือไม่ผิดท่านก็ต้องวิเคราะห์ ท่านพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่าเรื่องนี้ท่านไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหาอย่างแน่นอน หากมีการทำขั้นตอนอย่างใดอย่างหนึ่งที่ท่านเห็นว่าไม่เป็นไปตามข้อกฎหมาย ท่านก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ยอมรับในสิ่งที่ไม่ถูกต้องนั้น และยืนยันว่าจะดำเนินการตามสิทธิ์ของท่านทุกช่องทาง”

ทนายความ กล่าวด้วยว่า เรามีความเห็นและพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้ข้อมูลว่าทำไมเรื่องอย่างนี้จึงมาเกิดขึ้นในห้วงเวลาอย่างนี้ว่า มีความเห็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากเป็นการดิสเครดิตพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เพราะท่านเป็นรองผบ.ตร. อาวุโส อันดับ 1 เป็นแคนดิเดต ผบ.ตร. การมาขอออกหมายจับในช่วงนี้ ท่านได้รับความเสียหายชื่อเสียงและมีผลต่อการพิจารณาแต่งตั้งผบ.ตร. ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ยื่นคำร้อง ขอศาลอนุมัติหมายจับ ผู้ต้องหาคดีร่วมกัน สมคบกันกระทำความผิด ฐานฟอกเงิน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน ตามที่สมคบกัน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5, 9 ,10

ทั้งนี้จากการสืบสวนสอบสวนเส้นทางการเงินที่เชื่อมจากคดีที่ สน.เตาปูน ได้เคยขออนุมัติหมายจับคดีเว็บการพนันของศาลอาญาไว้แล้ว ต่อมาได้จับกุมตัวผู้ต้องหาบางคนได้ และมีนางพร (นามสมมุติ) เป็นผู้จัดการเว็บ BNKMaster จึงมีการมาขยายผลสืบสวนสอบสวน จนกระทั่งมาร้องขอออกหมายจับในครั้งนี้

เวลา 14.30 น. ภายหลังยื่นคำร้องขอหมายจับต่อศาลแล้ว พล.ต.ต.ทินกร ตอบคำถามผู้สื่อข่าว ยอมรับว่า มีการขอออกหมายจับกลุ่มนายตำรวจพัวพันเว็บพนันจริง โดยวันนี้ศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหา รวม 4 ราย แยกเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 คน และพลเรือน 1 คน ส่วนนายตำรวจอีก 1 คน ให้ออกหมายเรียกก่อน แต่ไม่ขอระบุว่าเป็นใคร พร้อมยอมรับว่า ผู้ที่ถูกออกหมายเรียกเป็นนายตำรวจระดับชั้นนายพล ส่วนอีก 3 คน ไม่ใช่ตำรวจระดับนายพล