ครบ 3 วันตามกำหนด ผบช.น.แจงได้ผู้ต้องหาทั้ง 3 คดีโยงบ่อนพระราม 3 อนาคตขึ้นอยู่กับ ผบ.ตร.พิจารณา

วันที่ 10 ส.ค. 2563 พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวนเพื่อคลี่คลายคดีที่เกี่ยวกับบ่อนการพนันย่านพระราม 3 ใน 3 คดี คือ คดีฆาตกรรม, คดีการทำลายพยานหลักฐาน และคดีที่เกี่ยวข้องกับการพนัน
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า ผลการสืบสวนสอบสวนคืบหน้าไปมาก โดยในสำนวนคดีฆาตกรรม อยู่ระหว่างรอผลการตรวจพิสูจน์ที่เกิดเหตุ เพื่อนำมายืนยันว่าผู้ก่อเหตุมีกี่คน จากการตรวจเบื้องต้นเชื่อได้ว่าไม่ได้มีแค่ นายพิพิธ หรือบอย ศรีสุวรรณ์ คนเดียวที่ใช้ปืนยิงนายถาวร สีสด ในที่เกิดเหตุ และอยู่ระหว่างรอการตรวจอาวุธปืนของนายบอย เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับสภาพที่เกิดเหตุ

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า นายบอย ไม่น่าใช่ผู้ต้องหาตัวจริงนั้น ตำรวจทำคดีไปตามหลักฐานที่ปรากฎ และศาลเป็นผู้อนุมัติหมายจับให้ เชื่อว่านายบอยมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ และฝากขอบคุณไปยังนายสิระ เจนจาคะ ประธาน กมธ.การกฎหมายฯ สภาผู้แทนราษฎร ที่ช่วยตรวจสอบและติดตามข้อเท็จจริง ซึ่งหากนายสิระมีหลักฐานใดที่มีส่วนช่วยในคดีนี้ ก็ยินดีรับไว้พิจารณาเพื่อนำไปประกอบในสำนวนคดี

ขณะที่คดีการทำลายสภาพที่เกิดเหตุ ตำรวจพิสูจน์บุคคลที่เกี่ยวข้องได้ครบทั้ง 6 คนแล้ว ซึ่งนอกจากนายธนบูลย์ สารลึก ที่ปรากฎในคลิปว่ากำลังเคลื่อนย้ายสิ่งของในที่เกิดเหตุที่ถูกดำเนินคดีและส่งไปขอศาลฝากขังแล้ว ที่เหลืออีก 5 คน ได้ให้ฝ่ายสืบสวนไปติดตามตัวมาดำเนินคดีทั้งหมด ส่วนฮาร์ดดิสก์บรรจุข้อมูลกล้องวงจรปิด ที่พบว่าถูกถอดเก็บและทำให้เสียหายไปนั้น กองพิสูจน์หลักฐานได้เก็บไปกู้ข้อมูลแล้ว ต้องรอผลรายงานว่าจะสามารถกู้ข้อมูลออกมาได้หรือไม่
สำหรับคดีที่เกี่ยวข้องกับการพนัน จากการตรวจสอบหนังสือสัญญาเช่าช่วงอาคาร พบว่ามีชื่อของนายวสันต์ เพ็งใย อยู่ในสัญญาดังกล่าว และรับว่าตนเองเป็นผู้จัดให้มีการเล่นพนันเอง แต่จากการสืบสวนไม่เชื่อว่านายวสันต์เป็นผู้ดูแลบ่อนตัวจริง ซึ่งฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม รวมถึงเส้นทางการเงินว่ามีความผิดปกติใดหรือไม่ ส่วน “เฮียตี้” ที่นายสันธนะ ประยูรรัตน์ นำข้อมูลมาให้ตำรวจ ยังยืนยันไม่ได้ว่าเป็นเจ้าของบ่อนตัวจริงหรือไม่ แต่ได้ให้ตำรวจไปติดตามตัวมาสอบสวนแล้วแต่ยังไม่มาแสดงตัวแต่อย่างใด

การให้ข้อมูลของนายสันธนะ ยอมรับว่าเป็นประโยชน์ต่อแนวทางการทำคดีนี้ และได้สอบสวนในฐานะพยานไปแล้ว ทั้งนี้ยังมีพยานอีกหลายปากที่ต้องสอบสวน เพราะเชื่อว่าพยานบางปากแม้จะเป็นผู้ต้องหาในคดีหนึ่ง ก็อาจเป็นประจักษ์พยานในคดีอื่นได้ และหากประชาชน หรือใครก็ตามที่มีเบาะแส ก็พร้อมเปิดรับมาพิจารณาทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม สำหรับวันนี้ที่จะเป็นวันครบกำหนดในการติดตามจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามคำสั่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่จะพิจารณาว่าการทำหน้าที่ของตน บกพร่องหรือไม่ ซึ่งตนก็พร้อมรับการพิจารณา
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า นายวสันต์ เพ็งใย ที่รับว่าเป็นเจ้าของบ่อน เป็นลูกน้องของ “ต้น” ผู้ต้องหาทำลายหลักฐานที่ถูกจับแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้วซึ่งถูกว่าจ้างให้มาเซ็นชื่อรับรองการเช่าช่วงอาคารซึ่งปรากฎหลักฐานในเอกสารเมื่อ 1-2 เดือนที่ผ่านมา และเป็นหนึ่งในคนที่ถอดกล้องวงจรปิด ที่ปรากฎในคลิปด้วย