SHARE

คัดลอกแล้ว

‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ รองผบ.ตร. นำแถลงข่าววันนี้ เร่งตรวจสอบเพิ่ม คดีจับ เจ้าหน้าที่ตำรวจและดีเอสไอ รวม 16 ราย ถูกกล่าวหาเรียกรับผลประโยชน์จากกลุ่มชาวจีน กรณีค้นอดีตสถานรับรองจากสถานกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทย โดยทั้งหมดยังคงปฏิเสธ ด้าน ‘วัลลภ’ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ยอมรับ 2-3 เดือนได้รับเรื่องร้องเรียนมาก

จากกรณี เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 65 ตำรวจ 191 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เข้าตรวจสอบบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ซึ่งแอบอ้างว่า เป็นบ้านพักอดีตกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทย แต่ภายในกลับมีคนจีนเข้าออกพลุกพล่าน หลังเข้าตรวจค้นตามหมายค้นของศาลแล้ว พบคนจีน 1 ราย พร้อมเงินสดจำนวน 2.5 ล้านบาท จึงตรวจยึดส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ดำเนินคดี แต่ต่อมามีการร้องเรียนว่า มีเงินสดที่ได้จากการตรวจค้นหายไปจำนวนมาก และมีการเรียกรับผลประโยชน์แลกกับการช่วยเหลือบุคคลต่างด้าวที่อยู่ในบ้านเพื่อแลกกับการไม่ถูกจับกุม

จากการสืบสวนทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการสายตรวจ และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วยล่ามคนจีน ได้รับการประสานจาก สถานกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทย กรณีที่ นายโอนาซิส ซานริค ดาเม่ อดีตกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทย ได้เช่าบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กทม. แต่กลับมีชาวจีนเข้าออกบ้านหลังดังกล่าวจำนวนมาก จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ เจ้าหน้าที่จึงได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาลเพื่อเข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าวในวันที่ 22 ธ.ค. 65 ผลการตรวจค้นพบ ชาวจีน 2 คน พร้อมด้วยคนงานในบ้านมีทั้งชาวไทย จีน และเมียนมาอีก 6 คน รวมทั้งพบสุราต่างประเทศและบุหรี่ซิการ์จำนวนหนึ่ง และยังพบเงินสดไทยจำนวนประมาณ  8 ล้านบาท

ซึ่งหนึ่งในชาวจีนดังกล่าวคือ นายเหมา เติ้ง เผิง เป็นผู้ต้องหาตามหมายแดงของตำรวจสากล ในกรณีเกี่ยวข้องกับแก๊งปลอมพาสปอร์ตสัญชาติหมู่เกาะมาแชลและประเทศนาอูรู แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้เรียกรับผลประโยชน์เพื่อแลกกับการปล่อยตัว โดยได้ให้ล่ามเป็นคนไปรับเงินจากตัวแทนของชาวจีนดังกล่าว ที่บริเวณปั๊มน้ำมันบริเวณใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ จำนวนเงิน 4 ล้านบาท จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ทำบันทึกตรวจยึดเงินสดจำนวนแค่ 2.5 ล้านบาท และส่งตัว น.ส.เซี่ยง หยาง ผู้ดูแลบ้านดังกล่าว พร้อมเงินที่ตรวจยึดให้พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งถูกดำเนินคดีในกรณีไม่พกพาหนังสือเดินทาง

ต่อมาเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 66 เจ้าหน้าที่สืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติศาลออกหมายจับ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมของกองกำกับการสายตรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวม 16 ราย ประกอบด้วย

1. นายตฤณ (ขอสงวนนามสกุล) ผู้อำนวยการส่วนกลั่นกรองและการข่าวคดีพิเศษภาค

2. นายอนัน (ขอสงวนนามสกุล) เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ

3. นายอดิศร (ขอสงวนนามสกุล) เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ

4. นายอำนาจ (ขอสงวนนามสกุล) เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ

5. นายศุภชัย (ขอสงวนนามสกุล) เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ

6. ร.ต.อ.ณรงค์เดช (ขอสงวนนามสกุล)

7. ร.ต.ท.สุรินทร์ (ขอสงวนนามสกุล)

8. ด.ต.สุภชัย (ขอสงวนนามสกุล)

9. ด.ต.ปกิต (ขอสงวนนามสกุล)

10. จ.ส.ต.จีระ (ขอสงวนนามสกุล)

11. จ.ส.ต.อรรถรินทร์ (ขอสงวนนามสกุล)

12. จ.ส.ต.ธรรมนูญ (ขอสงวนนามสกุล)

13. จ.ส.ต.สิทธิพงษ์ (ขอสงวนนามสกุล)

14. ส.ต.อ.ธวัชชัย (ขอสงวนนามสกุล)

โดย 14 รายข้างต้น จะถูกดำเนินคดีในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมีชอบ, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเพื่อจะช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหายทำลายซ่อนเร้นเอาไปเสียหรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด

ขณะที่รายที่ 15 และ 16 จะดำเนินคดีในข้อหา สนับสนุนให้เจ้าพนักงานร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ, สนับสนุนเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเพื่อจะช่วยเหลือผู้อื่นมีให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด คือ

15. ส.อ.มนตรี (ขอสงวนนามสกุล) เจ้าหน้าที่ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ

16. นายอู่ จิน หลง สัญชาติจีน ทำหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษาจีนของดีเอสไอ

โดยขณะนี้ทั้งหมดได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนแล้ว แต่ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาและได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวโดยมีหลักประกัน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและดีเอสไอ ได้รับการประสานให้เข้าไปตรวจสอบบ้านพักอดีตกงสุลนาอูรู ซึ่งถูกใช้เป็นแหล่งซ่องสุมของชาวจีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฎหมาย แต่เมื่อมีการตรวจค้นพบผู้ต้องหาแล้ว กลับมีการเรียกรับผลประโยชน์เพื่อแลกกับการปล่อยตัว ถือว่าเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ จึงได้สั่งให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐและบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด หลังจากนี้จะขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้ต้องหาที่หลบหนี นำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

โดยยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า มีบุคคลที่มาเข้ามาเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใด ต้องรอผลการตรวจสอบ ทั้งนี้พบว่า ในปัจจุบันผู้ต้องหาชาวจีนทั้งหมดได้หลบหนีออกนอกประเทศแล้ว เบื้องต้นพบผู้ต้องหาบางส่วนมีหมายจับสากล (หมายแดง) ที่เกี่ยวข้องกับการทำพาสปอร์ต และวีซ่าปลอม ไม่เกี่ยวข้องกับคดีผับจินหลิง นอกจากนี้ ยังพบว่าในวันที่เข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าวมีกล้องวงจรปิด แต่ชุดจับกุมไม่ได้นำมาเป็นของกลาง แต่มีหนึ่งในผู้กระทำความผิดนำเซิร์ฟเวอร์ของกล้องวงจรปิดกลับไปที่บ้านเพื่อทำลาย แต่ได้ติดตามไปจนพบและสามารถกู้ภาพกลับมาได้แล้ว ส่วนกลุ่มผู้ต้องหาดีเอสไอที่ก่อเหตุในครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับคดีที่ปล้นบ้านคนจีนในพื้นที่ จ.ชลบุรีหรือไม่นั้น ยังต้องรอการตรวจสอบ แต่เบื้องต้นนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำหลักฐานมาให้ปรากฏว่าเป็นคนละกลุ่ม

ส่วนข้อสงสัยว่าทำไมกลุ่มทุนจีนสีเทาที่มีหมายจับสากล สามารถเข้ามาอยู่ในบ้านพักที่อดีตกงสุลนาอูรูเป็นผู้เช่าบ้านแต่ไม่ได้อยู่เอง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตอบว่า ทางเจ้าหน้าที่จะเชิญมาชี้แจง พร้อมทั้งยืนยัน ต้องมีการสอบสวนในทุกมิติและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เชื่อว่ากลุ่มผู้ต้องหาจะไม่ยอมตายคนเดียวอย่างแน่นอน

ด้าน นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ในส่วนของดีเอสไอ ทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่ระดับชำนาญการ ในขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง หากพบว่า มีมูลจะให้ออกจากราชการไว้ก่อน แต่ยืนยันว่าทั้งดีเอสไอและตำรวจไม่ได้มีความขัดแย้งกัน นิ้วไหนร้ายก็ต้องตัดออก ยอมรับว่า ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา มีการร้องเรียนและตรวจสอบพบว่ามีเจ้าหน้าที่ก่อเหตุในลักษณะนี้เพิ่มขึ้น ซึ่งตนในฐานะรองปลัดกระทรวงก็ได้ให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ที่อยู่ภายใต้กระทรวงยุติธรรมอยู่แล้ว

ภาพจาก : สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า