ไทยป่วยโควิด-19 เพิ่ม 15 ราย ศบค.ย้ำ ปชช.ต้องปรับพฤติกรรม แม้ผ่อนปรนมาตรการ

เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (26 เม.ย.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ไทยพบผู้ป่วยใหม่ 15 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,922 ราย กระจายใน 68 จังหวัด รักษาหายเพิ่ม 47 ราย กลับบ้านแล้ว 2,594 ราย และมีผู้ที่ยังรักษาตัวใน รพ. 277 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดเสียชีวิตสะสม 51 ราย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดในประเทศไทยวันนี้ว่า ไทบพบผู้ป่วยใหม่ลดลงซึ่งมาจากความร่วมมือของประชาชน อย่างไรก็ตามยังคงย้ำการปรับพฤติกรรมใหม่ที่ยังคงต้องทำต่อไป แม้จะมีการผ่อนปรนมาตรการก็ตามแต่ ขณะที่ผู้ป่วยยืนยันมากที่สุดนั้นยังคงอยู่ในช่วงอายุ 20-29 ปี

รายละเอียดผู้ป่วยใหม่ 15  คน นั้นจำแนกดังนี้

-สัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 4 คน

-ไปสถานที่ชุมนุมชน เช่น ห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด แหล่งท่องเที่ยว 3 คน

-อาชีพเสี่ยง 1 คน ในจ.นครปฐม

-จากการค้นหาในเชิงรุกชุมชน ( จ.ยะลา) 2 คน

-ผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ และอยู่ใน State Quarantine 5 คน ซึ่งมาจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเนเธอร์แลนด์

สำหรับผู้ป่วยรายใหม่นั้นมีการกระจายตัวใน 5 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต ยะลา ชลบุรี และนครปฐม ซึ่งอัตราป่วยต่อแสนประชากรยังคงมาที่สุดในภูเก็ต อย่างไรก็ตามกรุงเทพฯยังเป็นที่ที่มีผู้ป่วยสะสมมากที่สุด

สำหรับภาพรวมการป่วยของไทยนั้นยังคงกระจายตัว เช่นเดิม ภูเก็ตยังคงมีอัตราการป่วยต่อแสนประชากรสูงสุด รองลงมากรุงเทพฯ ยะลา ปัตตานี และนนทบุรี

กรณีผู้ป่วยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศในพื้นที่ State Quarantine เป็นข้อยืนยันว่ามาตรการดังกล่าวยังคงจำเป็น และได้ผลดี ในสัปดาห์ที่ผ่านมาก็พบผู้ป่วยใหม่จากการคัดแยกนี้ 5 ราย ขณะนี้สะสมในกลุ่มนี้แล้ว 76 ราย ขณะที่เหตุปัจจัยเสี่ยงติดเชื้อสูงที่สุดยังคงมาจากการสัมผัสใกล้ชิดจากผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า

ส่วนสถานการณ์ทั่วโลกวันนี้มีผู้เสียชีวิตแตะ 2 แสนรายแล้ว หลังมีผู้ป่วยสะสมกว่า 2,920,738 และเสียชีวิต 203,355 ราย โดยภายในวันเดียวเสียชีวิตเพิ่มกว่า 6,274 ราย นพ.ทวีศิลป์ ชี้ ให้เห็นว่า ใน 100 ของคนที่ติดเชื้อนั้นมีโอกาสการเสียชีวิตถึง 7 คน โดย 3 อันดับแรกที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเมื่อวานนี้ คือ อเมริกา บราซิล และรัสเซีย ในฝั่งเอเชียนั้นซาอุดิอาราเบีย ญี่ปุ่น สิงค์โปร์ ยังคงต้องติดตาม

“สิงค์โปร์เป็นประเทศที่อยู่ใกล้กับเรามาก และมีประสบการณ์คล้าย ๆ กันกับเรา เขาเคยดีมาก่อน และเรื่องของประสบการณ์ของการติดเชื้อในกลุ่มแรงงานต่างด้าว…เราได้บทเรียนตรงนี้มาก็เลยเกิดการค้นหาเชิงรุกของเรา” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

การนำคนไทยกลับบ้าน

โฆษก ศบค. กล่าวว่า ในวันนี้จะมีเที่ยวบินที่นำคนไทยที่ตกค้างในต่างประเทศกลับ 1 เที่ยวบินจากประเทศออสเตรเลีย  207 คน เป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และนักท่องเที่ยว

ในขณะที่วันพรุ่งนี้ (27 เม.ย.) จะมีผู้ที่เดินทางกลับ 3 เที่ยวบิน จากประเทศญี่ปุ่น 35 คน เนเธอแลนด์ 25 คน ซึ่งเป็นเที่ยวบินพิเศษที่รับผู้เดินทางที่มาต่อเครื่อง และนิวซีแลนด์ 168 คน ในกลุ่มนี้จะมีเด็กอายุ 7-19 ปี ถึง 88 คน โดยทั้งหมดจะเข้าสู่การดูแลในพื้นที่ที่รัฐจัดให้จนครบ 14 วัน

ย้ำชุดพฤติกรรมแม้จะผ่อนปรนมาตรการ

กรณีประชาชนมีข้อสงสัยในการดูแลแรงงานต่างด้าวในประเทศไทยนั้น นพ.ทวีศิลป์ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่มีมาตรการในการดูแล โดยเฉพาะการค้นหาเชิงรุก และการตรวจสอบอนามัยสิ่งแวดล้อม เพื่อป้องกันแหล่งรังโรค ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือจากทั้งแรงงาน และผู้ประกอบการ ซึ่งจำเป็นต้องมีการสังเกตอาการตนเองอย่างใกล้ชิด

โดย นพ.ทวีศิลป์ ยังคงย้ำว่า แม้สถานการณ์ดีขึ้นจนสามารถผ่อนปรนมาตรการได้ ประชาชนยังคงต้องมี “New Normal” ที่ต้องปฏิบัติเป็นปกติ เนื่องจากโรคระบาดนี้เป็นโรคใหม่ที่สามารถแพร่กระจายเชื้อได้ง่าย อีกทั้งสถานการณ์ทั้งโลกยังไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ ดังนั้นไทยเองก็ยังคงมีความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดซ้ำ

ทั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่จะทำให้ประชาชนสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ คือ กรณีที่มียารักษา และมีวัคซีน ซึ่งกว่าจะไปถึงจุดนั้นประชาชนยังคงต้องปรับพฤติกรรมตนเอง และให้ความร่วมมือกับมาตรการของรัฐ

“ถึงออก (มาตรการ) ได้เร็ว แต่ถ้าเรายกเลิกเร็ว ก็จะกลับไปเป็นตัวเลขเหมือนประเทศอื่น ๆ ที่เกิดขึ้น ที่เรียกว่าการ์ดตกเมื่อไหร่ ก็ทันทีทันใดครับ สิ่งที่ลงทุนมาทั้งหมกลายเป็นศูนย์ทันที” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว