ผลวิจัยสหรัฐฯ ชี้ ‘ฉีดวัคซีน’ ป้องกันโควิด ได้ดีกว่า ‘เคยติดเชื้อ’

สหรัฐฯ เปิดผลวิจัย ชี้ฉีดวัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 มากกว่าผู้ที่เคยป่วยและยังไม่ได้ฉีดวัคซีน

วันที่ 30 ต.ค. 2564 เว็บไซต์เดอะนิวยอร์กไทม์สเผยแพร่ผลการศึกษาจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) บ่งชี้ว่า ผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนและเคยติดเชื้อโควิด-19 มีโอกาสที่จะติดเชื้อได้มากกว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นา 2 เข็ม 

การศึกษาดังกล่าวทำการทดลองกับผู้ที่เข้าโรงพยาบาลด้วยอาการป่วยคล้ายโรคโควิด-19 จำนวน 7,000 ราย ใน 9 รัฐของสหรัฐฯ จากนั้นสังเกตจำนวนผู้ป่วยที่มีผลตรวจออกมาติดเชื้อโควิด-19 จริงๆ พบว่า ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนและเคยติดเชื้อเมื่อไม่นานมานี้ มีโอกาสป่วยเป็นโรคโควิด-19 มากกว่ากลุ่มผู้ป่วยที่ติดเชื้อหลังจากได้รับวัคซีนแล้ว 

“ตอนนี้เรามีหลักฐานเพิ่มเติมที่ยืนยันถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แม้ว่าคุณจะเคยติดเชื้อมาก่อนก็ตาม” โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการ CDC กล่าว

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยระบุว่า การศึกษานี้ยังมีข้อควรระวังอีกหลายประการ เนื่องจากผู้ป่วยมีปัจจัยการเข้ารักษาพยาบาลที่ต่างกัน และผู้ร่วมการทดลองบางรายก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อโควิด-19 มาก่อนโดยที่ไม่รู้ตัว รวมถึงการให้ข้อมูลและอคติของผู้ร่วมวิจัย ซึ่งอาจมีผลต่อผลลัพธ์ของการวิจัยได้ 

นักวิจัยอธิบายต่อไปว่า แม้ว่าการฉีดวัคซีนจะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ดี แต่แอนติบอดีจากการติดเชื้อครั้งก่อนนั้นอาจมีความหลากหลายมากกว่า ซึ่งเท่ากับว่าจะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้หลากหลายสายพันธุ์ แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น แพทย์ยังคงเตือนว่า การติดเชื้อโดยธรรมชาติมีความเสี่ยงและอันตราย และไม่ใช่ผู้ป่วยทุกคนจะมีชีวิตรอดได้จากโควิด-19 หรือหากรอดก็อาจไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงต่อการป้องกันโรคในระดับสูงเท่ากันทุกคน