SHARE

คัดลอกแล้ว

กระแสข่าวใหญ่ของวงการค้าปลีกในช่วงนี้ หนึ่งในนั้นคงเป็นข่าวที่ ‘เซ็นทรัล รีเทล’ ประกาศว่าจะทุ่มเม็ดเงิน 3 หมื่นล้านบาท ลงทุนในเวียดนามภายใน 5 ปี

ตัวเลขมูลค่าการลงทุนดังกล่าว ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลยสำหรับตลาดต่างประเทศ แล้วถามว่า ‘เซ็นทรัล รีเทล’ เห็นอะไร ทำไมถึงทุ่มลงทุนใน ‘เวียดนาม’ ขนาดนั้น TODAY Bizview ชวนวิเคราะห์ไปด้วยกัน

เชื่อว่าที่ผ่านมา หลายคนอาจจะรู้จักหรือเคยใช้บริการธุรกิจของ ‘เซ็นทรัล รีเทล’ กันมาบ้างอยู่แล้ว

เซ็นทรัล รีเทล คืออีกธุรกิจหนึ่งของเครือเซ็นทรัลแห่งตระกูล ‘จิราธิวัฒน์’ ทำธุรกิจค้าปลีกสินค้ามากมายหลายประเภทในรูปแบบร้านหลายๆ แบรนด์

ยกตัวอย่างเช่น โซนดีพาร์ตเมนต์สโตร์ของเซ็นทรัล โรบินสัน, ท็อปส์, B2S, OfficeMate, ซูเปอร์สปอร์ต, เพาเวอร์บาย, ไทวัสดุ, แฟมิลี่มาร์ท ฯลฯ

แต่นอกจากประเทศไทยแล้ว เซ็นทรัล รีเทล ก็ขยายธุรกิจไปในต่างประเทศด้วย คือ เวียดนาม และอิตาลี

โดยในปี 2564 รายได้จากธุรกิจในต่างประเทศของเซ็นทรัล รีเทล มีสัดส่วนเป็น 28% ของรายได้รวม ที่น่าสนใจคือ ใน 28% นั้น เป็นเวียดนามมากถึง 22% เลยทีเดียว

ประเทศเวียดนาม เป็นตลาดที่เซ็นทรัล รีเทล เข้าไปปักหมุดตั้งแต่ปี 2555 หรือเมื่อ 10 ปีก่อน โดยเริ่มต้นจากการเป็นผู้จัดจำหน่ายแบรนด์สินค้าแฟชั่นและอุปกรณ์กีฬา

ก่อนจะขยายธุรกิจไปเปิดห้างสรรพสินค้าแห่งแรกในชื่อ ROBINS ในกรุงฮานอย กระทั่งปี 2557 ก็ประกาศรุกธุรกิจห้างสรรพสินค้าในเวียดนามอย่างเต็มตัว

เซ็นทรัล รีเทล ลุยลงทุนในเวียดนามมาอย่างต่อเนื่อง คือ

-ปี 2558 ร่วมทุนกับผู้ขายเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ในประเทศ ‘เหงียนคิม’ เปิดร้าน ‘เพาเวอร์ บาย’ แห่งแรกในเวียดนาม (ปี 2562 ซื้อหุ้นทั้งหมดของเหงียนคิม)

-ปีเดียวกัน ลงทุนในไฮเปอร์มาร์เก็ตขนาดกลางของเวียดนามอย่าง Lanci Mart (ลานชีมาร์ท)

-ปี 2559 เข้าซื้อกิจการ Big C เวียดนาม ขยายอาณาจักรอย่างเต็มรูปแบบ (ซึ่งต่อมารีแบรนด์เป็นศูนย์การค้า GO!)

ไม่เพียงเท่านั้น เซ็นทรัล รีเทล ยังนำแบรนด์ ‘ท็อปส์ มาร์เก็ต’ เข้ามาลุยในตลาดเวียดนามด้วย

จนถึง ณ สิ้นปี 2564 อาณาจักรของเซ็นทรัล รีเทล ในเวียดนามขยายไปแล้ว 40 จังหวัดทั่วประเทศ รวม 120 ร้านค้า คิดเป็นพื้นที่ขายรวมกว่า 3.29 แสนตารางเมตร คิดเป็น 85% ของ GDP เวียดนาม และมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งกว่า 12 ล้านคน

จากยอดขายที่เริ่มต้นจากศูนย์ ตอนนี้รายได้จากเวียดนามแตะ 38,592 ล้านบาทแล้วภายในระเวลา 10 ปี

เซ็นทรัล รีเทล บอกว่า ปัจจุบันบริษัทขึ้นแท่นเป็นเบอร์ 1 ทั้งในด้านไฮเปอร์มาร์เก็ต (มาร์เก็ตแชร์ 62% ในเวียดนาม) และผู้นำด้านศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์ในประเทศเวียดนาม ครอบคลุม 40 จังหวัดทั่วประเทศ คิดเป็น 85% ของ GDP เวียดนาม และมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งกว่า 12 ล้านคน

นอกจากนี้เซ็นทรัล รีเทล ยังได้สร้างแพลตฟอร์มออมนิแชแนลในเวียดนามด้วย โดยต่อยอดจากโมเดลที่ประสบความสำเร็จในไทย ซึ่งปัจจุบันยอดขายผ่านออมนิแชแนลคิดเป็นสัดส่วนกว่า 8% ของยอดขายทั้งกลุ่มเซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม

เรียกได้ว่าตอนนี้ เซ็นทรัล รีเทล กลายเป็นผู้นำค้าปลีกต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในประเทศเวียดนามไปแล้ว

ปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ในเวียดนามไปได้สวย ก็มาจากเศรษฐกิจของเวียดนามด้วย

ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายปีที่ผ่านมา เวียดนามมีการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามามาก เมื่อภาคการผลิตเพิ่ม ทำให้เศรษฐกิจเวียดนามในช่วงหลังเติบโตเด่นกว่าประเทศเอเชียอื่นๆ

โดยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา GDP เวียดนามเติบโต 5% ต่อปี เร็วกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก 1.7 เท่า แม้แต่ในช่วงโควิดที่เศรษฐกิจโลกชะงักรุนแรง GDP เวียดนามก็ยังโต 2.9%

เมื่อเศรษฐดีก็ทำให้ผู้บริโภคมีเงินจับจ่ายใช้สอย งานวิจัยจาก McKinsey บอกว่า ชาวเวียดนามที่อยู่ในกลุ่ม Consuming Class หรือเป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายอย่างน้อย 11 ดอลลาร์สหรัฐ/วัน (ราว 400 บาท) กำลังเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

และภายในปี 2573 ผู้บริโภคกลุ่มนี้จะเพิ่มสัดส่วนเป็น 70% ของจำนวนผู้บริโภคทั้งหมด 36 ล้านคน

ทำให้เรียกได้ว่า ‘เวียดนาม’ กำลังเป็นตลาดที่น่าสนใจมากสำหรับธุรกิจค้าปลีก และน่าจะเป็นอนาคตที่สดใสของเซ็นทรัล รีเทล เลยก็ว่าได้

แล้วถามว่าที่เซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม จะทุ่มงบลงทุนกว่า 30,000 ล้านบาทใน 5 ปี มีจุดมุ่งหมายอะไรบ้าง ลองมาดู

1.ก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 แพลตฟอร์มออมนิแชแนลในกลุ่มฟู้ด และพร็อพเพอร์ตี้ ของเวียดนาม

2.ผลักดันยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 100,000 ล้านบาท

3.เพิ่มสัดส่วนยอดขายผ่านช่องทางออมนิแชแนลโต 2 เท่า เป็น 15%

4.ขยายธุรกิจให้ครอบคลุม 55 จังหวัดทั่วประเทศเวียดนามจากทั้งหมด 63 จังหวัด

โดยเซ็นทรัล รีเทล ได้วาง 3 กลยุทธ์สำคัญ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว คือ

1.เดินหน้าปูพรม และขยายธุรกิจหลักครอบคลุมทั่วประเทศ อาทิ การขยายจำนวนร้านค้าในกลุ่มฟู้ด ควบคู่ไปกับการขยายและยกระดับศูนย์การค้า GO! ให้ทันสมัย, เปิดตัวสินค้า Private Label เพื่อตอบโจทย์ความคุ้มค่าคุ้มราคาให้กับผู้บริโภค และพัฒนาโปรเจ็กต์มิกซ์ยูส เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับกลุ่มธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้ เป็นต้น

2.พัฒนาช่องทางออมนิแชแนลอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับแพลตฟอร์มให้สมบูรณ์แบบ

3.ต่อยอดธุรกิจโมเดลใหม่ๆ และไม่หยุดมองหาโอกาสในการเติบโต ตลอดจนมุ่งหน้ามองหาโอกาส M&A เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ และเพิ่มสปีดในการขยายธุรกิจ พร้อมทั้งวางประเทศเวียดนามให้เป็นแหล่งวัตถุดิบและจัดหาสินค้าให้กับธุรกิจในเครือเซ็นทรัล รีเทล ในประเทศไทยอีกด้วย

กับเป้าหมาย 1  แสนล้านบาทที่ตั้งเป้าไว้ในอีก 5 ปีข้างหน้า เซ็นทรัล รีเทลจะทำได้หรือไม่ คงเป็นเรื่องที่เราต้องติดตามกันต่อไป

อ้างอิง:

-รายงานประจำปี 2564 ของ บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น

– https://www.mckinsey.com/featured-insights/future-of-asia/the-new-faces-of-the-vietnamese-consumer

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า