SHARE

คัดลอกแล้ว

นอกจากจะยืนหนึ่งเป็นผู้นำในวงการค้าปลีกไทย รู้หรือไม่ว่า ‘เซ็นทรัล รีเทล’ เจ้าของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, ท็อปส์, เพาเวอร์บาย, โรบินสัน, บีทูเอส, ไทวัสดุ ฯลฯ ก็ได้ขยายอาณาจักรธุรกิจไปยังเวียดนามมานานหลายปีแล้ว

ที่น่าสนใจคือเซ็นทรัล รีเทล เติบโตในเวียดนามได้เป็นอย่างดี จนตั้งเป้าว่าในอีก 5 ปี หรือในปี 2570 จะทำยอดขายจากเวียดนามได้ถึง 1.5 แสนล้านบาท

อะไรทำให้เซ็นทรัล รีเทล วางเป้าหมายใหญ่ขนาดนั้น และมีแผนไปสู่เป้าหมายนั้นอย่างไร TODAY Bizview สรุปให้อ่านกันในโพสต์นี้

[ เส้นทาง CRC ธุรกิจค้าปลีกไทยในเวียดนาม ]

เซ็นทรัล รีเทล เริ่มกรุยทางเข้าสู่ประเทศเวียดนามในปี 2555 โดยเริ่มต้นจากการเป็นผู้จัดจำหน่ายแบรนด์แฟชั่นและสินค้ากีฬา

จากยอดขาย 300 ล้านบาทในปี 2557 เซ็นทรัล รีเทลเริ่มเห็นโอกาสการเติบโต จึงลุยลงทุนในเวียดนามอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น

-ปี 2558 ร่วมทุนกับผู้ขายเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ในประเทศ ‘เหงียนคิม’ เปิดร้าน ‘เพาเวอร์บาย’ แห่งแรกในเวียดนาม (ปี 2562 ซื้อหุ้นทั้งหมดของเหงียนคิม)

ร้านเหงียนคิม

-ปีเดียวกัน ลงทุนในไฮเปอร์มาร์เก็ตขนาดกลางของเวียดนามอย่าง Lanci Mart (ลานชีมาร์ท)

-ปี 2559 เข้าซื้อกิจการ Big C เวียดนาม ขยายอาณาจักรอย่างเต็มรูปแบบ (ซึ่งต่อมารีแบรนด์เป็นศูนย์การค้า GO! และเปิดตัวโมเดลซูเปอร์มาร์เก็ตในแบรนด์ go!)

ไม่เพียงเท่านั้น เซ็นทรัล รีเทล ยังนำแบรนด์ ‘ท็อปส์ มาร์เก็ต’ เข้ามาลุยในตลาดเวียดนามด้วย

[ เซ็นทรัล รีเทล ประสบความสำเร็จในเวียดนามขนาดไหน ]

จนถึงปัจจุบัน เซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม มีจำนวนร้านค้ามากกว่า 340 แห่ง พื้นที่รวมกว่า 1.2 ล้านตารางเมตร ใน 40 จังหวัด คิดเป็น 85% ของ GDP ประเทศเวียดนาม มีพนักงานรวมกว่า 15,000 คน

โดยหากแบ่งออกเป็น 2  กลุ่มใหญ่ๆ ธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทลในเวียดนามจะแบ่งออกเป็น

-กลุ่มฟู้ด ได้แก่ GO! ไฮเปอร์มาร์เก็ต รวม 38 สาขา ท็อปส์ มาร์เก็ต รวม 10 สาขา Mini go! ซูเปอร์มาร์เก็ต รวม 3 สาขา และลานชี มาร์ท รวม 24 สาขา

-กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ ได้แก่ ศูนย์การค้า GO! รวม 39 สาขา และกลุ่มน็อนฟู้ด ได้แก่ เหงียนคิม ซูเปอร์สปอร์ต คุโบ และโรบินส์

โดยเฉพาะ GO! ไฮเปอร์มาร์เก็ต และศูนย์การค้า GO! นั้นเรียกได้ว่าแข็งแกร่งในแง่ของการครองคลุมลลูกค้าได้ทุกเซกเมนต์

ในแง่ของรายได้ ปี 2564 เซ็นทรัล รีเทลมียอดขายจากเวียดนาม 38,592 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนราว 20% ของรายได้บริษัท

และนั่นก็เป็นตัวเลขที่เติบโตจากปี 2557 ถึง 130 เท่า

ส่วนในปี 2565 ที่แม้ตัวเลขงบการเงินจะยังไม่เผยแพร่ แต่เซ็นทรัล รีเทล ก็ประเมินให้ฟังคร่าวๆ ว่ายอดขายในเวียดนามน่าจะปิดอยู่ที่ในสัดส่วนราว 25%

นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล ยังถือเป็นค้าปลีกต่างชาติอันดับ 1 ในเวียดนาม ครองอันดับ 1 ของตลาดในกลุ่มไฮเปอร์มาร์เก็ต และครองอันดับ 2 ในกลุ่มระดับไลฟ์สไตล์มอลล์

[ เป้าหมายปี 2570 ]

‘ณนน์ โภคทรัพย์’ ซีอีโอของเซ็นทรัล รีเทล บอกว่า จากการเติบโตที่แข็งแกร่งของบริษัทในเวียดนาม และแนวโน้มการเติบโตที่ดีของเศรษฐกิจเวียดนาม

ทำให้บริษัทตั้งเป้าอัดงบลงทุน 5 ปี ในเวียดนามอีกกว่า 50,000 ล้านบาท เพื่อสร้างยอดขาย 150,000 ล้านบาท

และดับเบิ้ลจำนวนร้านค้าเป็น 600 สาขา ครอบคลุมทั้งสิ้น 57 จังหวัด จาก 63 จังหวัดทั่วประเทศ

ทั้งหมดทั้งมวลนั้น ก็เพื่อที่จะก้าวเป็นเบอร์ 1 ด้านออมนิแชแนลในกลุ่มฟู้ด และอันดับ 2 ในกลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ของเวียดนาม ภายในปี 2570 นั่นเอง

[ ทำไมถึงทุ่มลงทุนในเวียดนาม ]

โอลิวิเยร์ แลงเล็ต ซีอีโอของเซ็นทรัล รีเทลในเวียดนาม ให้เหตุผลของการทุ่มลงทุนในเวียดนามว่ามาจากปัจจัยบวกหลัก ๆ 4 อย่างด้วยกัน คือ

1.GDP เวียดนามโตแรง – ช่วงหลายปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจเวียดนามเติบโตมากสุดในอาเซียนแม้ในช่วงโควิด อย่างในปีนี้ก็มีการประเมินว่า GDP เวียดนามจะโต 6.7%

2.สังคมเมืองเวียดนามกำลังเติบโต – ในปี 2562 ประชากรเวียดนามในเมืองเติบโตขึ้นจนมีสัดส่วนเป็น 34% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 50% ในปี 2573

3.แนวโน้มโมเดิร์นเทรดกำลังแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดกับค้าปลีกดั้งเดิมมากขึ้น จากสัดส่วน 8% ในปี 2559 มีการประมาณการว่าจะเพิ่มเป็น 13% ในปี 2570

4.จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในเวียดนามที่เพิ่มสูงขึ้นจนคาดว่าจะแตะ 21 ล้านคนในปี 2568

นอกจากนี้ ข้อมูลจากยูโรมอนิเตอร์บอกว่าปัจจุบันตลาดโมเดิร์นเทรดของเวียดนามมีมูลค่าอยู่ประมาณ 5.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ค้าปลีกดั้งเดิมมีมูลค่าตลาดอยู่ราว 4.4 หมื่นล้านเหรียญ

ถ้าดูเฉพาะในกลุ่มไฮเปอร์มาร์เก็ต เซ็นทรัล  รีเทล ครองสัดส่วนอยู่ 62% ถ้านับรวมในกลุ่มไฮเปอร์มาร์เก็ตและซูเปอร์มาร์เก็ต ครองสัดส่วนอยู่ 35%

แต่ถ้าดูในตลาดโมเดิร์นเทรด เซ็นทรัล รีเทล ครองสัดส่วนอยู่  20% หมายความว่ายังมีโอกาสสร้างการเติบโตช่วงชิงมาร์เก็ตแชร์ได้อีกมาก

[ แล้วเซ็นทรัล รีเทลจะทำอะไรบ้าง ]

ในแผนลงทุนในเวียดนาม 5 ปี 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในปีนี้ 6,000 ล้านบาท ไปกับการขยายสาขา รีโนเวต สร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ดังนี้

1.รีแบรนด์และรีโนเว9 GO! ไฮเปอร์มาร์เก็ต รวม 10 สาขา ขยายท็อปส์ มาร์เก็ต และ Mini go! เพิ่มขึ้น 8-10 สาขา เพื่อรองรับผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง เสริมแกร่งกลุ่มอาหาร Fresh และ Non-Food เพื่อดึงดูดทราฟฟิกผู้บริโภคใหม่ๆ

2.รีโนเวตศูนย์การค้า GO! รวม 10 สาขา ให้มีความทันสมัยมากขึ้น และเตรียมเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีกในอนาคต

3.รีโนเวตร้านเหงียนคิม 10-12 สาขา และขยายเพิ่มอีก 3-5 สาขา ทั้งแบบ Standalone และขยายเข้าไปในศูนย์การค้า GO! เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครบวงจร

4.พัฒนา Loyalty Platform ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เข้าใจอินไซต์และรองรับจำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการกว่า 66 ล้านคน

รวมถึงเซ็นทรัล รีเทล ยังจะสนับสนุนให้สินค้าเเบรนด์ไทยเข้ามาวางขายในห้าง ทำให้คนเวียดนามได้รู้จักสินค้าไทยมากขึ้น ขยายตลาดให้สินค้าคนไทยด้วย

คุณญนน์ บอกอีกว่า “เซ็นทรัล รีเทล ไม่เพียงสร้างการเติบโตทางธุรกิจ แต่เรายังได้เข้าไปยกระดับชุมชน สังคม และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชาวเวียดนามในทุกมิติ

ไม่ว่าจะเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ สนับสนุนเกษตรกรในชุมชน สร้างโรงเรียนให้กับเด็กชาวเวียดนาม บริจาคเงินกว่า 20  ล้านบาทเพื่อช่วยเหลือชาวเวียดนามในช่วงโควิด

ขณะเดียวกันยังเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ

ทั้งยังนำความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมสอดแทรกเข้าในทุกมิติ อาทิ การติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาศูนย์การค้า GO! รวม 20 สาขา การติดตั้งสถานีบริการชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้าภายในศูนย์การค้า และลดการใช้ถุงพลาสติกครั้งเดียวทิ้ง เพื่อมุ่งสู่ Net Zero ในปี 2593 ตามเป้าหมายที่เซ็นทรัล รีเทล วางไว้”

“ด้วยความมุ่งมั่นของเราในการทำธุรกิจ ควบคู่ไปกับการยกระดับสังคมและชุมชน ทำให้ธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทลในเวียดนาม เติบโตมาอย่างยั่งยืน และได้รับการยอมรับจากชาวเวียดนาม รวมถึงได้รับการสนับสนุนอันดีจากรัฐบาลเวียดนามมาโดยตลอด

“ซึ่งเราจะยังคงทำเพื่อสังคมและประชาชนชาวเวียดนามต่อไป เพราะเจตนารมณ์ของเรา คือ การสร้างความเจริญและเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกที่ที่เราเข้าไปทำธุรกิจ” คุณญนน์ กล่าวปิดท้าย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า