SHARE

คัดลอกแล้ว

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อยู่ในภาวะเสี่ยงสูงมาก ดัชนีหดตัวลงเรื่อยๆ ถ้าดูเฉพาะหุ้นกลุ่ม 7 นางฟ้า (Apple Microsoft , Alphabet , Amazon, Meta, Tesla, Nvidia) ตั้งแต่ต้นปีร่วงไม่ต่ำกว่า -15% ไปแล้ว ทำราคาหุ้นและมูลค่าบริษัทหดตัวลงเรื่อยๆ 

จนตอนนี้อยู่ในสภาพนางฟ้าตกสวรรค์

เมื่อดูมูลค่าในปีที่แล้ว หุ้นเทคมาแรงมาก อย่าง Nvidia ที่เคยพุ่งพีคๆ +200% ตอนนี้ใครรีบลุกก่อนอาจไม่ต้องอยู่บนดอย พร้อมทั้งเก็งกำไรได้ แต่ถ้าใครลุกไม่ทันก็ต้องเตรียมรับมือให้ดี เพราะแม้แต่บรรดาผู้บริหาร ซีอีโอหลายคนตอนนี้ยังขายหุ้นตัวเองทิ้งเพื่อเก็บกำไรทิ้งทวนกันบ้างแล้ว 

ก่อนที่ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ จะประกาศนโยบายภาษีสินค้านำเข้าครั้งใหญ่ในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีรายงานว่าเหล่าผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาหลายคนได้ทยอยขายหุ้นของตัวเองไปแล้วนับพันล้านดอลลาร์

เป็นการรีบขายก่อนที่จะดอย 

หนึ่งในนั้นคือ ‘Mark Zuckerberg’ ซีอีโอของ Meta (เจ้าของ Facebook), ‘Safra Catz’ ซีอีโอของ Oracle และ ‘Jamie Dimon’ ซีอีโอของ JPMorgan Chase ต่างล้วนขายหุ้นในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ก่อนที่ความผันผวนจะเข้ามาเขย่าตลาด

[ Mark Zuckerberg ขายหุ้นทิ้ง ก่อนราคาดิ่งกว่า -30% ]

ตัวพ่อหุ้นนางฟ้าอย่าง ‘Mark Zuckerberg’ มีรายงานว่าเขาขายหุ้น Meta กว่า 1.1 ล้านหุ้น ผ่านมูลนิธิ Chan Zuckerberg Initiative คิดเป็นมูลค่า 733 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 26,754 ล้านบาท ซึ่งขายไปช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ขณะที่ราคาหุ้นยังพุ่งก่อนจะร่วงลงกว่า 32% ในเวลาต่อมา

แต่ถึงอย่างนั้นหุ้นที่เขาถืออยู่ก็มากกว่าขาย โดยที่มูลค่าทรัพย์สินของซักเคอร์เบิร์กลดจาก 259,000 ล้านดอลลาร์ (9.4 ล้านล้านบาท) เหลือ 178,000 ล้านดอลลาร์ (6.4 ล้านล้านบาท) ภายในเวลาไม่กี่เดือน

ขณะเดียวกัน ‘Safra Catz’ ซีอีโอของ Oracle ขายหุ้นที่ได้จากการใช้สิทธิ์ stock option จำนวน 3.8 ล้านหุ้น ได้เงินไปถึง 705 ล้านดอลลาร์ หรือราว 25,783 ล้านบาท โดยจังหวะขายก็คือช่วงเดือนมกราคมก่อนที่หุ้น Oracle จะร่วงลงกว่า 30% ทำให้มูลค่าทรัพย์สินรวมของเธออยู่ที่ 2.4 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 87,600 ล้านบาท) ตามการจัดอันดับของ Bloomberg

ส่วน ‘Jamie Dimon’ CEO ของ JPMorgan Chase ขายหุ้นไป 866,361 หุ้น ได้เงิน 234 ล้านดอลลาร์ หรือราว 8,541 ล้านบาทเป็นการขายหุ้นรอบใหญ่ครั้งแรกในรอบเกือบ 1 ปี และมีการขายเพิ่มอีกในเดือนเมษายน รวมยอดขายปีนี้เกิน 250 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 9,125 ล้านบาท) ปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 3 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 109,500 ล้านบาท เรียกง่ายๆ ว่าขายทำกำไร และรีบช้อนรอกำไรในอนาคต

[ ผู้บริหารตำแหน่งใหญ่ ใช้แผน 10b5-1 ป้องกันข้อครหาว่าขายหุ้นโดยใช้ข้อมูลภายใน ]

นอกจากนี้ ยังมีผู้บริหารตำแหน่งใหญ่ๆ และเศรษฐีหลายคนทยอยขายหุ้นทิ้งทำกำไรเหมือนกัน เช่น 

        • ‘Nikesh Arora’ (ซีอีโอ Palo Alto Networks) อดีตผู้บริหารจาก SoftBank และปัจจุบันเป็นซีอีโอของบริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์ Palo Alto Networks ขายหุ้นจำนวน 2.36 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 432 ล้านดอลลาร์ หรือราว 15,768 ล้านบาท โดยการขายหุ้นดำเนินอย่างต่อเนื่องทุกเดือนภายใต้แผน 10b5-1 ซึ่งเป็นแผนการขายหุ้นที่ผู้บริหารวางไว้ล่วงหน้า เพื่อป้องกันข้อครหาว่าอาจใช้ข้อมูลภายใน (Insider Trading) มาทำกำไรจากการซื้อขายหุ้นของบริษัทตัวเอง
        • ‘Max de Groen’ กรรมการบริษัท Nutanix, จาก Bain Capital บริษัท Bain Capital ที่เขาเป็นพาร์ทเนอร์ใหญ่ ได้ขายหุ้น Nutanix ไป มูลค่ารวม 410 ล้านดอลลาร์ ราว 14,965 ล้านบาท และเดิมทีเคยประกาศว่าจะไม่ขาย แต่สุดท้ายขายไปเกือบ 1 ใน 3 ของหุ้นที่ถือ
        • ‘Stephen Cohen’ ประธาน Palantir Technologies หนึ่งในผู้บริหารที่ยังถือหุ้นมูลค่าหลายพันล้าน ขายหุ้นไตรมาสแรกมูลค่า 337 ล้านดอลลาร์ ราว 12,310 ล้านบาท และเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ขายหุ้นต่อเนื่องตามแผน 10b5-1
          – ‘Ted Sarandos’ ซีอีโอร่วม Netflix ขายหุ้นภายใต้แผนระยะยาว 10b5-1 ที่วางไว้ล่วงหน้า มูลค่ารวม 195 ล้านดอลลาร์ ราว 7,117 ล้านบาท
        • ‘Travis Boersma’ ผู้ร่วมก่อตั้ง Dutch Bros ขายหุ้นจำนวน 2.5 ล้านหุ้นภายในระยะเวลาเพียง 5 วัน มูลค่ารวม 190 ล้านดอลลาร์ ราว 6,935 ล้านบาท ซึ่งหุ้นอยู่ภายใต้ความครอบครองของทรัสต์ส่วนตัวของเขา

การขายหุ้นของกลุ่มผู้บริหารเหล่านี้สะท้อนสถานการณ์ตลาดหุ้นในช่วงต้นปีมีความผันผวนอย่างหนัก เพราะมีความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษีของทรัมป์ 

หลังจากทรัมป์ประกาศเรื่องนโยบายภาษีเมื่อวันที่ 2 เมษายน และเรียกวันนั้นว่า “Liberation Day” ผลสะเทือนหุ้นเทคโนโลยีที่เคยพุ่งขึ้นต้นปี เริ่มร่วงเมื่อมีข่าวภาษี ดังนั้นการรีบขายรีบทำกำไรจึงเกิดขึ้น เพราะถ้ามาดูตัวอย่างเช่น ‘Elon Musk’ ก็ติดดอยสูญเสียความมั่งคั่งไปกว่า 129 พันล้านดอลลาร์ ราวๆ 4.71 ล้านล้านบาท จากความผันผวนในตลาด

สิ่งที่น่าสนใจคือผู้ขายระดับ ‘บิ๊กเนม’ ล้วนเทขายก่อนตลาดจะร่วงอย่างรุนแรง กลับกลายเป็นคำถามที่น่าสงสัยในหมู่นักลงทุนว่าพวกเขารู้หรือไม่ว่าพายุใหญ่กำลังจะมา? หรือบางทีนี่อาจเป็นเพียงเรื่องของจังหวะกันแน่

ที่มา :

          • https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-04-20/zuckerberg-dimon-are-among-top-sellers-ahead-of-tariff-stock-rout?sref=LQZclhPm

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า