‘ต้นตำรับ ชาพะยอม’ แบรนด์เล็กที่รายได้เคยพุ่งไปหลัก 30 ล้านบาท

‘ต้นตำรับชาพะยอม’ หนึ่งในร้านดังที่คนไทยน่าจะคุ้นเคยมานานเพราะเปิดให้บริการมากว่า 13 ปี ใครจะคิดว่าร้านนี้เคยเป็นร้านขายชาเล็กๆ ร้านหนึ่งในจ.พัทลุง ที่ตอนนี้มีสาขาอยู่ทั่วประเทศมากกว่า 1,500 สาขาแล้ว ทั้งยังมีสาขาในประเทศมาเลเซียและกัมพูชาด้วย จะมีรายได้รวมกันในปี 2566 ราวๆ 8 ล้านบาททีเดียว

ก่อนหน้านี้เจ้าของแบรนด์ ‘อุไรวัลย์ ไตรจันทร์’ ได้ใช้ชื่อบริษัทว่า ‘ชาพะยอม จำกัด’ ซึ่งจดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย. 2560 ด้วยทุนจดทะเบียน 5,000,000 บาท แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทแล้วเป็น ‘บริษัท พยอม ที จำกัด’ และเน้นกิจการแบบขายแฟรนไชส์มากกว่าลงทุนเอง โดยจะเป็นผู้จัดหาวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ผ่าน Master ของแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ

ที่ผ่านมาเราจะเห็นว่า ชาพะยอมพยายามเน้นชื่อแบรนด์ว่า ‘ต้นตำรับ ชาพะยอม’ ด้วยโลโก้สีแดงขาวบนพื้นดำ และมีจุดสังเกตอีกอย่างก็คือ ใบชาที่อยู่หลังคำว่า ‘CHA’ นี่แหละ เพราะคนไทยหลายๆ คนก็ยังสับสนกับชาพะยอมอื่นๆ ในตลาด ซึ่งไม่ใช่เจ้าของเดียวกัน

‘อุไรวัลย์’ เคยให้สัมภาษณ์เมื่อนานมาแล้วว่า ช่วงที่เปิดร้านแรกๆ ผลตอบรับดีค่อนข้างดีเพราะขายได้หลายพันบาทต่อวัน ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะ ‘ราคา’ ที่ค่อนข้างเฟรนลี่กับลูกค้า และอยู่ในจุดที่หาซื้อง่าย

ปัจจุบัน ต้นตำรับ ชาพะยอม ยังเป็นอีกหนึ่งร้านที่คนไทยชื่นชอบและครองใจคนไทยหลายกลุ่ม ตั้งแต่เด็กนักเรียน นักศึกษา ไปจนถึงคนทำงานที่กำลังซื้อยังน้อย เพราะจุดเด่นในการทำราคาเดียวมาตลอด 13 ปี ตั้งแต่เริ่มต้น 25 บาท จนตอนนี้ปรับขึ้นตามค่าครองชีพเป็น 30 บาททุกเมนู

ถือว่า ต้นตำรับ ชาพะยอม เป็นธุรกิจเล็กที่ประสบความสำเร็จมากแบรนด์หนึ่ง แม้ว่าที่ผ่านมาจะทำการตลาดน้อยมากๆ และแทบจะไม่มีการแถลงความเคลื่อนไหวต่อหน้าสื่้อ หรือการให้สัมภาษณ์ใดๆ เลย

แต่เพราะคุณภาพ ราคา และโลเคชั่นที่ลูกค้าหาซื้อง่าย ปัจจัยเหล่านี้อาจจะเพียงพอแล้วที่จะครองใจลูกค้าได้กลุ่มหนึ่งสำหรับธุรกิจไซต์นี้ ซึ่งเราจะย้อนไปดูรายได้รวมของแบรนด์ต้นตำรับ ชาพะยอม ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ใครจะคิดว่าเคยมีรายได้รวมมากถึง 31 ล้านบาทในปี 2562 โดยแบ่งรายได้แต่ละปี ดังนี้

ปี 2562 มีรายได้รวม 31,443,404 ล้านบาท

ปี 2563 มีรายได้รวม 23,733,210 ล้านบาท

ปี 2564 มีรายได้รวม 15,572,533 ล้านบาท

ปี 2565 มีรายได้รวม 6,903,134 ล้านบาท

ปี 2566 มีรายได้รวม 8,166,013 ล้านบาท

ทางแบรนด์ ต้นตำรับ ชาพะยอม เปิดเผยว่า กลยุทธ์ของธุรกิจจากนี้ยังจะเน้นการขายแฟรนไชส์มากกว่า เพราะแต่ละจังหวัดจะมี Master ที่ดูแลลูกค้าแฟรนไชส์รายย่อยอยู่แล้ว ทั้งยังบอกด้วยว่าจำนวนของสาขาแฟรนไชส์ของต้นตำรับ ชาพะยอม ยังขยายตัวเรื่อยๆ