SHARE

คัดลอกแล้ว

“ถ้าอยากให้ผมเป็น บอกให้ผมไปเป็น ถ้าสภาฯ เอาด้วย ผมก็ไม่ได้หนีอะไร ผมสบายๆ คิดว่าอยู่ตรงไหนก็ทำได้ ไม่ได้ขี้คุย ทำได้ดีด้วย” น้ำเสียงและท่าทีสบายๆ ขณะตอบคำถามในฐานะแคนดิเดตนายกฯ คนสุดท้ายของพรรคเพื่อไทย อย่าง ศาสตราจารย์พิเศษ ชัยเกษม นิติสิริ ไม่ได้สะท้อนการไม่คิดอะไร

 

แต่กลับกัน ตลอดชั่วโมงของการพูดคุย ผ่านรายการ TODAY LIVE ‘ความรอบคอบ’ และ ‘สมเหตุสมผล’ ฉายออกมาในทุกคำตอบ ด้วยประสบการณ์ ของ อดีตอัยการสูงสุดรายนี้ 

[การเมืองมีทั้งเรื่อง ‘น่าทำ’ และ ‘น่ารังเกียจ’]

“ผมไม่คิดหรอก ว่าวันนึงผมจะกลายเป็นชื่อ ที่เข้ามาเป็นแคนดิเดต (นายกฯ) เพราะผมไม่ได้อยู่ในการเมืองลึก ถึงขนาดเข้าไปสุงสิงอะไร”

ถึงจะออกตัวว่าเป็นเพียงวงนอก ที่มีโอกาสได้ช่วยงานตามความถนัด แต่การได้ก้าวขึ้นมาเป็นแคนดิเดตถึง 2 ครั้ง ในพรรคแกนนำรัฐบาล ย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดา โดยเฉพาะการเมืองไทยที่ขึ้นชื่อเรื่องพวกพ้อง

เด็กชายลูกทหารที่โตมาในบ้านสวน ย่านบางลำภูล่าง คลองสาน ถึงขนาดท้าประลองติดตลกว่า “แข่งกับผมขึ้นต้นมะพร้าวได้” คงการันตีความโลกโผนตามวัยได้อย่างดี แต่ด้วยสภาพแวดล้อม ที่พ่อผู้เป็นเจ้ากรมธรรมนูญ ผลักดันเรื่องเรียนหนังสือ การสนุกตามวัยไปพร้อมกับทำให้แม่สบายใจ จึงทำให้ ชัยเกษม ตั้งใจจนได้รับทุนการศึกษา ระหว่างที่เรียนอยู่ในต่างประเทศ

ก่อนจะกลับมารับราชการ จนไต่ไปถึง รมว.ยุติธรรม และที่ปรึกษาศูนย์รักษาความสงบ ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมถึงดำรงตำแหน่งอดีตอัยการอาวุโส (ที่ปรึกษาอัยการสูงสุด) สำนักงานอัยการสูงสุด

นี่เองทำให้ภาพจำของใครหลายคน ชัยเกษม กลายเป็นหนึ่งในมือที่มองไม่เห็น ในการให้คำปรึกษากับ ‘อดีตนายกฯ ชินวัตร’

ย้อนไปในภาระหน้าที่ของอัยการสูงสุด ชัยเกษม เล่าว่า ไม่ได้ไปทำอะไรเองแต่ต้น มีคนรวมข้อเท็จจริงมาให้ ก่อนจะเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย “ตัวเองก็รู้สึกว่าทำด้วยความเมตตากรุณา ไม่ได้มีอะไรติดค้างในใจ” เป็นความรู้สึกของ ชัยเกษม ที่มองว่าปิดฉากตำแหน่งเดิมได้โดยไม่ติดค้าง

ก่อนที่เวลาต่อมา ด้วยประสบการณ์ และบุคคลโดยรอบจากงาน ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย จะนำไปสู่เส้นทางสายการเมือง โดยที่เจ้าตัวจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเกิดขึ้นตอนไหน

“ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย ที่การเมืองเข้ามา ไม่ได้ตั้งใจไปหาเขา แต่มันมีเรื่องเราต้องทำ ไม่เคยคิดจะไปอยู่กับทางการเมืองเลย”

เหตุผลหนึ่งที่ทำให้คำว่า ‘ไม่ตั้งใจ’ มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น เมื่อ ชัยเกษม เล่าว่า การทำงานกฎหมาย และได้สัมผัสกับสภาพแวดล้อมทางการเมือง ยิ่งคนพบว่า ‘บางเรื่องน่าทำ บางเรื่องน่ารังเกียจ’

ย้อนไปในช่วงดำรงตำแหน่งอัยการ เมื่อเจอคดีที่ผูกพันกับบรรดาคนในแวดวงการเมือง บ่อยครั้งที่เจ้าตัวอุทานในใจ “ปัดโธ่เอ่ย ไปทำทำไมนะเรื่องนี้” 

“ไม่ใช่อะไรที่ผมปรารถนาจะเข้าไปอยู่การเมือง แต่ชีวิตก็ต้องเปลี่ยนไปตามจังหวะของมัน” ไม่ว่าจริงแท้หรือไม่ ว่าเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย แต่คงต้องยอมรับว่า หลักยึดหนึ่งของ ชัยเกษม ที่ว่า ‘Whatever Will Be, Will Be หรือแบบสุภาพว่า “ช่างมันเถอะนะแม่” อาจเป็นเครื่องผลักดันให้เขาเดินหน้าในเส้นทางการเมือง

[จุดยืนเรื่องนิรโทษกรรม]

แต่หากว่ากันแล้ว ชื่อ ชัยเกษม อาจได้รับแสงสปอตไลต์ ในกลุ่มคนอายุยังน้อย หลังได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดต นายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ร่วมกับ อดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน และนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร โดยเฉพาะคำพูด ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย เมื่อ ส.ค. ปี 2565 ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี เพราะนั่นเท่ากับ วิสัยทัศน์ของ ชัยเกษม อาจสะท้อนภาพเพื่อไทยในเวลานั้น

ด้วยการกล่าวถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชุมนุมทางการเมือง ปี 2563 ว่าเป็นไปอย่างสันติ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมด้วยวิธีการอย่างรุนแรง และศาลก็ไม่ให้ประกันตัว ทั้งที่เป็นเพียงการแสดงความเห็นที่แตกต่าง

โดยในวันนั้น ชัยเกษม ยังเทียบเคียงกับคดีการชุมนุมอื่นๆ ที่ได้รับการประกันตัว จนเกิด ‘ความยุติธรรมสองมาตรฐาน’ นำมาสู่การเรียกร้องให้เกิดกฎหมายนิรโทษกรรม ผ่านการแก้รัฐธรรมนูญ ‘กฎหมายไทยวันนี้ ไม่ต่างอะไรกับโซ่ที่รัดคอประชาชน เป็นเครื่องมือที่รัฐจงใจนำไปใช้อย่างผิดรูปผิดรอย…ประชาชนไม่ได้เกลียดรัฐบาลอย่างเดียว ยังเกลียดรัฐธรรมนูญที่ทำลายชีวิตเขา’

‘ต้องปล่อยนักโทษทางความคิด ที่มีความคิดเห็นต่างจากรัฐบาลทุกคน เพื่อฟื้นฟูหลักนิติรัฐ นิติธรรม กฎหมายสิทธิมนุษยชน และประชาธิปไตยกันอีกครั้ง’ คือจุดยืนที่ถูกย้ำบนเวทีในวันนั้น

และปฏิเสธไม่ได้ เมื่อการเมืองเปลี่ยนได้รายวินาที จากคำพูดที่ตรึงใจผู้คน จนกอบโกยคะแนนในวันนั้น ในเวลาต่อมา กลับทิ้งร่องรอยบนโลกออนไลน์ ให้ ชัยเกษม กลายเป็นหนึ่งในมีมทางการเมืองที่ไม่หายไปจากกระแส

“ผมแสดง (ความเห็น) ไว้เมื่อไหร่ จำไม่ได้” คำตอบของ ชัยเกษม ให้ไว้กับ รายการ TODAY LIVE สดๆ ร้อนๆ ในวันที่ 9 ก.ค. เมื่อถูกถามถึงว่า เขาเคยแสดงจุดยืนเรื่องปล่อยนักโทษทางการเมืองเอาไว้

“นักโทษทางการเมืองต้องเป็นเรื่อง เป็นกรณีไป ไม่ใช่ว่า อ้างการเมืองแล้วกลายเป็นคนที่ไม่ควรถูกลงโทษทั้งหมด ต้องดูว่าอ้างเพื่อเอาตัวรอด หรือการเมืองไปรังแกเขาจริงๆ” ชัยเกษม ยังกล่าวถึง ร่างแก้ไข รธน. ที่มีการกล่าวถึง ม.112 เอาไว้ว่า คงต้องไปดูที่เนื้อหา

“พวกเราบางทีก็มองว่า เป็นเรื่องที่ไม่ควรไปแตะต้อง แต่ถ้าถามผมแล้ว ก็ต้องมองเหตุดูผล เป็นเรื่องๆ กันไป ว่าสิ่งที่เขาทำมันแค่ไหน ยังไง เป็นเรื่องที่ตั้งใจไปทำ เพื่อให้คนที่ถูกเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น เสื่อมเสียโดยไมาสมควร ไม่ว่าจะเป็นใคร คนอาชีพอะไร เป็นเจ้าหรือขี้ข้า ทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบที่ต้องทำทั้งสิ้น

[2 สมัยกับการเป็นแคนดิเดตนายกฯ ]

‘ผมรู้สึกเฉยๆ คงไม่ถึงอันดับที่สามหรอก’ คำตอบของ ชัยเกษม กลางวงสัมภาษณ์ของสื่อมวลชน ครั้งเพื่อไทยเปิดตัว 3 แคนดิเดตของพรรค แต่มาถึงวันนี้ด้วยพายุทางการเมือง ที่คาดเดาไม่ได้ กลับทำให้เพื่อไทยเหลือแคนดิเดตนายกฯ เพียงคนเดียว

ชัยเกษม ให้ความเห็นถึง สถานการณ์เมืองไทยที่ถูกมองว่า กำลังเผชิญนิติสงคราม ยุบพรรค ตัดสิทธิ์นักการเมือง และล่าสุด นายกฯ​แพทองธาร ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ไป

“ไม่ได้รู้ลึกว่าทำไมนายกฯ ถูกสั่งพัก พูดเองก็คงไม่ถนัด” ชัยเกษมกล่าว พร้อมอธิบายต่อว่า การตัดสินเช่นนี้ ด้านหนึ่งก็เพื่อให้นักการเมืองระวังตัว และเปิดให้พิสูจน์

“อะไรที่ทำผิด ทำไม่ดี ไม่เปลี่ยนแปลงไม่ปรับปรุง อยู่ต่อไปแล้วประชาชนเสียหาย บ้านเมืองเสียหาย ก้ต้องโดนอะไรบ้าง ไม่งั้นถ้าทุกพรรคทำตามชอบใจ โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง หรือผลต่อการบ้านเมือง ประชาชน ยังนอนสบายก็ไม่ถูก ดีแล้ว ที่เขาหยิบยกขึ้นมาเป็นตัวอย่าง ว่าคนที่จะมาอยู่การเมืองต่อไป อะไรไม่ควรทำ”

อย่างไรก็ดี ชัยเกษม สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทย ยังไม่เห็นว่าสาหัส มีผู้คิดและรับผิดชอบตัดสินใจ นั่นเองทำให้ ‘รัฐประหาร’ ไม่ใช่ทางออกของการเปลี่ยนแปลงประเทศ

“สำหรับผม ‘น่ารังเกียจ’ มันหมดสมัยแล้ว คนเราเดี๋ยวนี้ต้องว่ากันด้วยเหตุผลเป็นหลัก ไม่ใช่กำลัง เมื่อคนนึงรัฐประหารได้โดยใช้กำลัง ไม่ดูเหตุดูผล ต้องคิดต่อว่าคุณจะแข็งแรงอย่างนี้ไปได้ตลอดไหม ถ้าไม่ตลอด อีกวันสองวันก็มีคนบอก ‘โอ๊ย ไอนี้หมูจะตาย’ ลูกน้องเยอะแยะ ตูมเดียวก็เป็นใหญ่แทน มันเป็นอะไรที่ไม่ควร”

ชัยเกษม กล่าวว่า ประเทศมีทางให้เดิน แค่ทางเดินอาจยากหน่อย สำหรับคนที่ไม่ได้ศึกษาจริงจัง ถึงได้ทำเรื่อง “สิ้นคิด” 

[พร้อมรับไม้ต่อเก้าอี้ นายกฯ หรือไม่?]

“ถ้ามีอะไรที่จำเป็นต้องทำ ทำแล้วเป็นประโยชน์กับชาติ ประชาชน แล้วตัวเองไม่เสียหายอะไร ผมก็ทำให้ได้ทั้งนั้น ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องงานแล้วต้องแปลกใจ” คำตอบสั้นๆ ที่ชัดเจน ตอกย้ำฐานคิดที่สื่อสารมาตั้งแต่ต้นว่า ไม่คาดหวัง แต่หากมาถึงก็พร้อมทำงาน 

ทักษิณสั่งได้ไหม? คือสูตรสำเร็จของคำถาม ที่แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยต่างต้องพิสูจน์ตัว ว่าหากต้องเดินหน้าทำงานแล้ว จะใกล้ชิดกับ ‘นายใหญ่’ มากน้อยเพียงใด “ไม่ต้องเป็น นายกฯ​ หรอก ไม่เป็นนายกฯ ก็สั่งผมไม่ได้…จะสั่งหรือใช้ให้ทำอะไร ต้องมีเหตุมีผลตามสมควร ผมคิดว่ามีประสบการณ์ในชีวิตมาพอสมควร เจอปัญหามาตลอด ทั้งของตัวเองและผู้อื่น”

สำหรับ แคนดิเดตพรรคเพื่อไทยรายนี้ ที่ออกตัวแต่ต้นว่าเขาเป็นเพียงคนวงนอก มองว่า การเมืองไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอย่างที่ใครคิด   

“บ้านเราถ้าเข้าใจเรื่อง ‘ถูกต้องและเป็นธรรม’ ไม่เดินทางมาถึงตอนนี้หรอก…ผมเชื่อว่าทุกอย่างมีทางแก้ การเมืองแปลกอย่าง บางคนเข้าไปแล้ว มักความดันสูง ดันทุรังสูง นี่แหละทำให้การเมืองบ้านเราทะเลาะกัน” ชัยเกษม กล่าวพร้อมกลั้วหัวเราะทิ้งท้าย

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า